ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม ยอมรับว่า เกิดปัญหามีคนไข้ต้องนอนรอเตียงเมื่อคืนนี้ (10 ก.ค.) เพราะเตียงเต็มแล้วทั้ง 3,700 เตียง จึงต้องขอโทษคนไข้ที่ทำให้ต้องรอ แต่ไม่เคยปฏิเสธคนไข้ และวันนี้ได้เข้ารับการรักษาแล้ว ยืนยันว่าแพทย์และพยาบาลกว่า 300 คนที่มาจากต่างจังหวัดทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยแก้วิกฤตจากโรคโควิด-19

นายแพทย์ กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม นำทีมรองผู้อำนวยการ ชี้แจงกรณีมีภาพในโซเซียลมีเดีย ระบุว่า มีคนไข้ต้องนอนพื้นสนามหญ้าเทียม เพื่อรอเตียงในโรงพยาบาลบุษราคัม เมื่อคืนนี้ โดยขอโทษคนไข้ที่ทำให้เกิดภาพไม่สวยงามแบบนั้นขึ้น เพราะสถานการณ์เมื่อคืนนี้เตียงของโรงพยาบาลเต็มครบ 3,700 เตียง ทำให้คนไข้ที่มารอบริเวณจุดแรกรับ 44 คน ต้องนอนรอเตียง ซึ่งแพทย์และพยาบาลได้พยายามที่จะหาเตียงให้คนไข้ให้ได้มากที่สุดแล้ว จนเวลาเที่ยงคืน ไม่สามารถหาได้จริง จึงได้เปิดห้องที่เตรียมให้คนไข้สีเขียว ให้ได้เข้าพัก ซึ่งเป็นพื้นสนามหญ้าเทียม แต่เป็นห้องแอร์ ที่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมผ้าห่มและอุปกรณ์การนอนให้แล้ว เพียงแต่อาจไม่มีเตียงคนไข้ให้เท่านั้น และวันนี้ทันทีที่คนไข้ 120 คน ออกจากโรงพยาบาล ก็ได้ให้คนไข้ที่รอเข้าพักรักษาที่เตียงคนไข้ได้ทั้งหมด

นายแพทย์ กิตติศักดิ์ ชี้แจงด้วยว่า โรงพยาบาลบุษราคม เป็นโรงพยาบาลสนาม ที่กระทรวงสาธารณสุข จัดตั้งขึ้นที่ อาคารชาแลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี เพื่อรองรับผู้ป่วยสีเหลือง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตั้งแต่ 14 พฤษภาคม เป็นเวลากว่า 2 เดือน รับคนไข้มาแล้วกว่า 8,000 คน เหลือรักษาอยู่เต็มจำนวนเตียง 3,700 คน รักษาหายไปแล้วกว่า 4,000 คน ในจำนวนที่รักษา มีผู้ป่วยสีแดง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 136 ราย และสีเหลืองใช้สายออกซิเจน 255 คน และมีห้องไอซียูอีก 12 คน

โดยมีแพย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลต่างจังหวัดทั่วประเทศ มาประจำกว่า 300 คน เข้าทำงานกะละ กว่า 100 คน รอบการทำงานครั้งละ 14 วัน ทุกคนทุ่มเทเพื่อการดูแลคนไข้ ที่มีความยากลำบาก ทั้งเรื่องสถานที่ และสถานการณ์ที่วิกฤตขึ้น ทำให้การส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักไปโรงพยาบาลหลักในกรุงเทพเป็นเรื่องยาก แต่ที่ผ่านมามีการส่งต่อไปโรงพยาบาลอื่น รวมทั้งโรงพยาบาลพลังแผ่นดิน ของโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะด้วย ซึ่งคาดหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในช่วงล็อคดาวน์ รวมถึงมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ศบค.ให้เปิดการรักษาตัวที่บ้าน และการลดจำนวนรักษาคนไข้ที่หายดีแล้วเหลือเพียง 10 วัน ซึ่งมีสมัครใจกลับไปแล้วกว่า 300-400 คน

ทีมรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม ยังได้นำทีมข่าว 3 มิติ ดูการทำงานของเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาลที่จุดแรกรับ ที่วันนี้มีผู้ป่วยมารอรับการรักษา จะต้องผ่านการคัดกรอง เพื่อแยกรักษาตามโซน รวมทั้งการเอ็กซเรย์ปอด และเตรียมถังออกซิเจน น้ำ และอาหารไว้ให้ด้วย ซึ่งทีมเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความทุ่มเท แม้บางคืนต้องนอนตี 3 หรือ 6 โมงเช้าเพื่อหาเตียงให้ผู้ป่วย

ขณะที่คนไข้ที่ต้องนอนรอเมื่อคืนนี้ ขอบคุณแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลที่ไม่ทิ้งกัน แม้ระหว่างที่รอต้องลุ้นอาการของตัวเองที่พบเชื้อลงปอดตั้งแต่วันที่ 5 กรกฏาคม และต้องรอเตียงมา 7 วันแล้ว จึงอยากให้เข้าใจความรู้สึกผู้ป่วยที่ต้องรอเตียงด้วย

โรงพยาบาลบุษราคัม แม้เป็นโรงพยาบาลสนาม แต่กลายเป็นความหวังของผู้ป่วยหลักในกรุงเทพมหานคร ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน จากจำนวนเตียง 3,700 เตียงอาจเรียกได้ว่าเป็นโรงพยบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงสาธารณสุข ระดมแพทย์ทั่วประเทศมาทำภารกิจครั้งสำคัญนี้ โดยจะต่อสัญญาไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม