เปิดใจแม่เด็ก ม.4 ขอผ่อนแท็บเล็ต หลังโป๊ะแตกกุเรื่องลูกผูกคอดับ พร้อมกล่าวขอโทษ

สังคม

เปิดใจแม่เด็ก ม.4 ขอผ่อนแท็บเล็ต หลังโป๊ะแตกกุเรื่องลูกผูกคอดับ พร้อมกล่าวขอโทษ

โดย weerawit_c

4 ก.ค. 2564

97 views

จากกรณี ‘ครูทราย’ครูสอนทำเบเกอรี่ แอดมินกลุ่ม เบเกอรี่ โซไซตี้ โพสต์เล่าเรื่องราว คุณแม่มาขอผ่อนแท็บเล็ตให้ลูกชาย ม.4 เรียนออนไลน์ แต่ยังไม่ทันตกลงจะซื้อ แม่ได้ทักมาแจ้งว่าลูกชายผูกคอตาย สร้างความสะเทือนใจในสังคมเป็นอย่างมาก


ในเวลาต่อมาช่วงเช้าวานนี้ (3 ก.ค.) ได้ปรากฏ คลิปคำสารภาพจากปากคุณแม่ของเด็กม.4 อายุ 40 ปี สารภาพกับครูกบ คนสนิทของครูทราย ระบุว่า เรื่องที่โกหกนั้น ไม่ได้มีเจตนา เรื่องเกิดจากมือถือที่ลูกชายใช้เรียนออนไลน์ก็เรียนได้ แต่มันก็ใช้งานมานานไม่ค่อยดีแล้ว ลูกก็ไม่ได้ร้องขอให้รีบซื้อ แต่เคยมาขอไว้นานแล้ว


คุณแม่ ก็เลยคิดว่าทำอย่างไรดี จะซื้อให้ลูก เงินก้อนก็ไม่มี และเห็นครูทราย ขายเครื่องสำอางค์ แบบให้ผ่อน และเครื่องมืออุปกรณ์เบเกอรี่มาให้ผ่อน ก็เลยอยากผ่อนกับครูทราย ไปขอร้องและทำสัญญา โดยครูทรายก็ตกลงช่วยเหลือ และตนก็โอนเงินผ่อนงวดแรก 1300 บาท พอตกลงซื้อเสร็จ ลูกบอกไม่เอาแท็บเล็ต จะเอาไอแพด ตนไม่รู้จะบอกยกเลิกการผ่อนแท็บเล็ตกับครูทรายยังไง จึงโกหกว่าลูกผูกคอตาย


แต่ที่จริงลูกไม่ได้ทำน้องยังอยู่ไม่ได้เสียชีวิตแต่ขอโทษ ไม่รู้จะบอกครูทรายว่าอย่างไร ตอนที่ไปขอให้ผ่อนก็ไปขอร้องเขา พอตอนนี้จะไม่เอาของ ก็ไม่รู้จะบอกยังไง ยอมรับว่ารู้สึกผิดอยู่ในใจและไม่ขอรับเงินช่วยเหลือ ขอโทษแต่ ไม่ได้หวังว่าจะเอาของคนอื่น แค่ความเป็นแม่อยากจะหาให้ลูก แต่ลูกไม่เอาเราก็ไม่รู้จะบอกครูทรายว่าอย่างไร ขอโทษที่ล้อเล่นกับความรู้สึกของคนถ้านักข่าวไม่โทรมาหาก็จะไม่บอกความจริง


ล่าสุดวานนี้ (3 ก.ค.) คุณแม่คนดังกล่าว อายุ 40 ปี เปิดใจกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ ว่า เรื่องทั้งหมดตนคิดเองไม่มีใครช่วยคิด โดยหลังจากตกลงผ่อนแท็บเล็ตกับครูทรายแล้ว ตนเองได้บอกรุ่นที่จะซื้อกับลูก แต่ลูกชายต้องการไอแพดเพราะจะใช้จนถึงมหาวิทยาลัย จากนั้นลูกชายบอกว่าถ้าไม่ได้ไอแพดก็ไม่เอา จึงแชทต่อว่าลูก “ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา กูพอละแค่ทำมาหากินทุกวันนี้ก็เหนื่อยแล้ว”


“ตนเองโอนเงินมัดจำให้ครูทรายแล้ว ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรกับครูทราย ไม่ได้กลัวว่าจะไม่ได้เงิน ยอมรับเป็นแม่ที่ไม่ดี จะเรียกว่าแม่รังแกลูกก็ได้ จึงตัดสินใจทักแชทหาครูทราย บอกไม่ต้องซื้อแท็บเล็ตแล้ว และกุเรื่องว่าลูกชายผูกคอตาย นี่คือความคิดของตนในวินาทีนั้น ครูทรายตกใจพยายามสอบถาม ตนจึงบอกไปว่าไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวจะติดต่อกลับไปใหม่”


คุณแม่ บอกว่า ระหว่างนั้นนั่งคิดจะทำอย่างไรต่อ จึงทักแชทไปหาครูทรายอีกครั้ง ครูทรายถามว่าช่วยน้องได้มั้ย ตนคิดว่ากุเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วจึงตามน้ำ บอกกลับไปว่าช่วยลูกไม่ได้ โดยครูทรายขอเลขบัญชี ตอนนั้นคิดว่าต้องมีการโอนเงินมาช่วยเหลือแน่ ๆ ตนพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อไม่ขอรับเงินบริจาค หรือการช่วยเหลือใดๆ เพราะเป็นมุสลิม และขอให้ครูทราย โอนเงินมัดจำ 1,300 บาท คืนเท่านั้น


ช่วงเช้าวานนี้ (3 ก.ค.) คุยแชทหาครูทรายอีกครั้ง ครูทรายบอกจะมีคนช่วยเหลือเยอะมาก ตนปฏิเสธไม่ขอรับอะไรทั้งสิ้นและขอบคุณทุกกำลังใจ ที่ไม่ขอรับการช่วยเหลือเพราะตนรู้แก่ใจว่า “ไม่ใช่เรื่องจริง” และขอบคุณครูทรายจากใจเพราะตนรู้สึกผิด ณ เวลานั้นครูทรายบอกจัดการงานศพลูกให้เสร็จก่อน แล้วจะขับรถไปหา ตนจึงบอกว่าไม่ต้องมา


นอกจากนี้มีครูอีกคนซึ่งตนเคยเรียนทำขนมด้วย โทรมาถาม ตนเองก็ยังไม่ยอมรับความจริงอะไรให้ฟัง จึงร้องไห้กับครูคนดังกล่าว ไม่ได้เสแสร้ง แต่ร้องเพราะตนเองถลำกุเรื่องมาแล้วไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็ยังยืนยันกับครูคนนี้ว่าลูกชายผูกคอตาย ระหว่างที่ตนเองคุยกับครูท่านนี้ เห็นข่าวในรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ จึงตกใจทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้


"หนูขอโทษ! สิ่งที่หนูทำตั้งใจทำให้ลูกจริง ๆ แทนที่เราจะคุยกับครูทรายตรง ๆ ว่าลูกไม่เอาแท็บเล็ตแล้ว แต่เรากลับถลำลึกโกหกว่าลูกผูกคอตาย ทำให้ทุกคนที่ฟังข่าวสุขภาพจิตเสีย ขอโทษเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในส่วนของความเป็นแม่ เราไม่กล้าพูดความจริงว่าไม่เอาแท็บเล็ตแล้ว ลูกอยากได้ไอแพด จึงเลือกที่จะโกหก เวลานั้นไม่ได้คิดว่าจะเกิดผลตามมาขนาดนี้ ส่วนข้อความแชทที่ลูกชายคุยกับตนว่าเหมือนจะเป็นซึมเศร้านั้น มีการพูดคุยกันจริง


หนูทำผิดมาก ทำไปโดยไม่ได้คิดเลย อยากขอโทษครูทราย ที่หนูไม่กล้าพูดตรง ๆ กับครูทราย ครูเป็นคนที่ดีมาก ๆ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ยื่นมือมาช่วยเหลือ หากครูทรายไปแจ้งความเอาเรื่องก็พร้อมยอมรับในสิ่งที่หนูทำ ถ้าติดคุกก็ต้องยอม แต่หนูไม่อยากติดคุก ตอนนี้หนูเครียด รู้สึกเราแย่มาก ๆ หมายังดีกว่าหนูอีก"


คุณแม่ เผยต่อว่า ตนเองไม่อยากเปิดเผยชื่อและแสดงตัวตน ตอนนี้หนีหัวซุกหัวซุน เนื่องจากเป็นหนี้นอกระบบ 14 เจ้า รวมหนี้ 3 ล้านกว่าบาท ตนไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้าน แต่ไปเช่าบ้านอยู่กับสามีใหม่ 2 คน อยู่ในป่าในเขา ที่ จ.นครราชสีมา ส่วนลูกชายอยู่กับแม่ ตนไม่ได้กลับบ้านนานกว่า 2 ปีแล้ว เพราะหนีเจ้าหนี้ ที่กุเรื่องว่าลูกชายผูกคอตาย ทางครอบครัวและสามีไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้น่าจะรู้แล้วเพราะมีนักข่าวไปที่บ้าน ถ้าเจ้าหนี้นอกระบบตามตัวได้ต้องตายแน่ ๆ หนีมา 2 ปีแล้ว


ชมผ่านยูทูบที่ : https://youtu.be/ILlSI31vti0


คุณอาจสนใจ