อยุธยา - ที่วัดโพธิ์เผือก อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศล นางสาวชนัญชิดา กาญจนลักษณ์ หรือเฟื่อง ลูกจ้างกระทรวงศึกษาธิการ ต้องเสียชีวิตลงหลังฉีดวัคซีนซิโนแวค เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 64 ที่ผ่านมาตามคำขอความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการ ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องถูกออกจากงาน โดยได้ไปฉีดวัคซีนที่จัสตุรัสจามจุรี กทม. ซึ่งนางชนัญชิดา มีโรคประจำตัวหลายโรค ภูมิแพ้ ไมเกรน หลังจากฉีดเกิดอาการแพ้วัคซีน ปวดเมื่อย เพลีย อาเจียน แต่ก็ยังฝืนขับรถกลับบ้านในช่วงเย็นวันเดียวกันหลังฉีด

วันที่ 7 มิถุนายน 64 นางสาวชนัญชิดามีอาการเพลีย ปวดเมื่อย มีไข้ ไม่มีแรง ถึงกับอาเจียนเป็นระยะอาการเริ่มหนักขึ้นจนทนไม่ไหว จึงไปพบแพทย์รักษาอาการที่โรงพยาบาลราชธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หมอให้ยาแก้ปวดมากิน นางภาธีตากาญจนลักษณ์ พี่สะใภ้ผู้ตายบอก

ต่อมารุ่งเช้าวันที่ 8 อาการยังไม่ดีขึ้น และยังทรุดหนักกว่าเดิม นอนซมเพลียด้วยฤทธิ์แพ้วัคซีน มีท้องเสียร่วมด้วยและยังมีอาการเบลอ ไม่สามารถทำอะไรได้ ญาติตัดสินใจนำส่งโรงพยาบาลราชธานีรักษาอีกครั้งและครั้งแพทย์ได้ฉีดยาให้ 1 เข็ม ก่อนให้กลับบ้านพักฟื้น ตกค่ำประมาณสี่ทุ่มเศษ ได้เกิดอาการช็อค หายใจไม่ออก หัวใจหยุดเต้นและหมดสติไป ญาติรีบนำส่ง รพ. อีกครั้งครั้งนี้แพทย์นำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน อาการโคม่า และได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา

ญาติบอกว่าได้นำศพส่งตรวจหาสาเหตุการตายยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์ จังหวัดปทุมธานีทางนิติวิทยาศาสตร์บอกไม่สามารถตรวจหาสาเหตุการเสียชีวิตจากวัคซีนได้ หากญาติยืนยันจะให้ตรวจสาเหตุจากวัคซีน ทางนิติวิทยาศาสตร์จะไม่ตรวจให้ ด้วยความยุ่งยาก ทั้งหมดจึงตัดสินในให้ตรวจตามปกติระบุสาเหตุการเสียชีวิตมาจากโรคสมองบวม ญาติเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในขบวนการชันสูตรโรคถึงสาเหตุการเสียชีวิตอย่างแท้จริง เพราะเชื่อเสียขีวิตจากการฉีดวัคซีน ปกติผู้ตายมีร่างกายแข็งแรง

เช่นเดียวกับแม่ผู้ตาย นางอนันท์ กาญจนลักษณ์ อายุ 58 ปี บอกว่าครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่รู้จะไปเรียกร้องกับใครติดตามข่าวมาโดยตลอดไม่เคยเห็นมีใครเรียกร้องการดูแลช่วยเหลือจากผู้เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่อย่างไร แพทย์จะระบุสาเหตุการตายด้วยโรคประจำตัวทุกรายเหมือนลูกสาวเราก็คงเช่นเดียวกัน อย่างนี้ครอบครัวจะทำอย่างไรผู้ตายเป็นเสาหลักหาเลี้ยงดูครอบครัว พ่อแม่และลูกชายที่กำลังเรียนด้วย

นายนพเก้า กาญจนลักษณ์ อายุ 19 ปี ลูกชาย หรือ น้องเฟิด ได้จุดธูปสัญญากับแม่หน้าเครื่องตั้ง ยืนยันจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้แม่ ไม่ให้แม่ตายฟรีมีเพื่อนทำงานอยู่ที่สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ขอแรงให้ติดต่อประสานงานขอความช่วยเหลือให้ไม่ทราบว่าจะได้มากน้อยขนาดไหนแต่ผมไม่ให้แม่ตายฟรีแน่นอน

ด้านนางสาวอัครณี เกิดผล อายุ 22 ปี หลานผู้ตายได้ลำดับเหตุการณ์อีกครั้ง ซึ่งการเสียชีวิตของน้าสาว สร้างความสะเทือนใจให้กลับญาติมากเพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลรับผิดชอบคนเดียว หลั่งน้ำตาบอกผู้ตายจะรับผิดขอบช่วยดูแลน้องเฟริดให้อย่างดี ที่น่าสะเทือนใจยิ่งไปกว่านั้นน้องเฟิดลูกชายคนเดียวเป็นที่รักของผู้ตายเป็นอย่างมาก ได้เก็บรวบรวมเงินไว้ได้ก้อนหนึ่ง เพื่อเตรียมไว้งานบวชให้แม่ที่จะมาถึงอีก 2 ปี ต้องขาดแม่อย่างไม่คาดคิด ซี่งน้องเฟิดขอบอกกับแม่ว่าจะไม่ตายฟรี โดยจะเผาแม่ในวันที่ 13 มิถุนายน ที่วัดโพธิ์เผือก อยุธยา

ชมผ่านยูทูบที่ : https://youtu.be/27Q6179G_XU