องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ที่ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนา เลื่อนสมณศักดิ์ ที่จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์

วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตรไปถวายแด่พระเทพวชิรญาณโสภณ ณ วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร อำเภอบัวเชต จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีพระบรมราชโองการ โปรดพระราชทานสัญญาบัตร ตั้งสมณศักดิ์ พระราชวิสุทธิมุนี เป็นพระเทพวชิรญาณโสภณ โกศลศาสนกิจบริหาร ภาวนาวิธานธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2564

พระเทพวชิรญาณโสภณ นามเดิมว่า เยื้อน หฤทัยถาวร เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2495 ที่บ้านระไซร์ ตำบลนาดี จังหวัดสุรินทร์ อุปสมบทเมื่ออายุ 21 ปี ได้รับนามฉายาว่า "ขันติพโล" มีความหมายว่า "ผู้มีความอดทน" เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรม และปฏิบัติภาวนากับหลวงปู่ดูลย์ ต่อมาปี 2516 เข้ารับการศึกษาอบรมข้อวัตรปฏิบัติกับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี

และในปี 2536 ร่วมกับกองกำลังสุรนารี ในการส่งเสริมให้อนุรักษ์และปกป้องผืนป่า ต่อมาคณะรัฐมนตรี มีมติประกาศให้บริเวณพื้นที่ป่า เป็นเขตพุทธอุทยาน มีเนื้อที่ครอบคลุมกว่า 1 หมื่นไร่ ดำเนินโครงการส่งเสริมพระพุทธศาสนา เพื่ออนุรักษ์ป่าไม้และพัฒนาสิ่งแวดล้อม

พร้อมกันนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ให้องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร ไปถวายแด่พระเทพมงคลวัชราจารย์ ณ วัดกระดึงทอง อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีพระบรมราชโองการ โปรดพระราชทานสัญญาบัตร ตั้งสมณศักดิ์ พระราชปัญญาวิสารัท เป็นพระเทพมงคลวัชราจารย์ ภาวนาวิธานโกศล โสภณประชาธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2564

พระเทพมงคลวัชราจารย์ หรือ หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม มีนามเดิมว่า เหลือง ทรงแก้ว เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2470 บรรพชาเมื่อปี 2487 และอุปสมบทเมื่อปี 2490 ที่วัดสุทธจินดา จังหวัดนครราชสีมา เป็นศิษย์อาวุโสรูปหนึ่งของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม จังหวัดสกลนคร

โดยเจริญรอยตามครูบาอาจารย์ ด้วยการปฏิบัติภาวนา อยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย ได้รับสมญานามว่าเป็น “พระอรหันต์เจ้าผู้ติดดิน” อบรมสั่งสอนพระธรรมวินัยแก่พระสงฆ์ ตลอดทั้งสอนธรรมะแก่ ศิษยานุศิษย์ มาอย่างต่อเนื่อง ให้การสงเคราะห์ด้านการศึกษา และด้านสาธารณสุข จัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล รวมทั้งจัดตั้งกองทุนอาพาธสงฆ์ของจังหวัดบุรีรัมย์