นายษิทรา เบี้ยงบังเกิด หรือทนายตั้ม วานนี้ได้พาลุงพลป้าแต๋น ไปไหว้พระที่วัดท่ากระบือ ก่อนจะไปสภา และทนายตั้มได้ตรวจสอบเรื่องการแต่งตั้งทนายความของแม่น้องชมพู่ พร้อมกับแชร์ข้อมูลสถิติที่ไปว่าความและฟ้องร้องกับนายอัฉริยะ ที่ปรึกษาของฝั่งแม่น้องชมพู่

โดยทนายตั้มระบุว่า คดี 9 คดีที่ว่าความต่อสู้กับนายอัจฉริยะ 9 คดี ชนะรวดทั้งหมด ทั้งยกฟ้อง ทิ้งฟ้อง ถอนคดี ครบทุกรูปแบบ จากนั้นทนายตั้มก็พาลุงพลเข้าสภาในลุคใหม่ใส่สูทผูกไทด์

ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กับนายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร อันเป็นเท็จให้ศาลหลงเชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนี เพื่อออกหมายจับลุงพล ทั้งที่ไม่ได้หลบหนี รวมทั้งให้ตรวจสอบกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พยายามทำให้ลุงพลเกิดความอับอาย ด้วยการจับกุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะที่ลุงพล กำลังเข้ามอบตัว

และในวันที่จะพิจารณาขอปล่อยตัวชั่วคราว ตำรวจมาเชิญพยานให้มาให้ถ้อยคำกับศาลในลักษณะว่า ลุงพลจะมีการข่มขู่พยาน ทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งมองว่าเจ้าพนักงานกำลังเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เป็นธรรมต่อลุงพล

ส่วนที่มีทีมทนายความอาสาเข้าช่วยเหลือครอบครัวของน้องชมพู่ ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่มีคนเข้ามาดูแลเรื่องคดีให้

ขณะที่นายสิระ กล่าวว่ากรรมาธิการฯยังไม่ได้รับเรื่องไว้พิจาณา แต่จะนำคำร้องนี้ ไปหารือร่วมกันภายในกรรมาธิการก่อน เพื่อขอมติจากที่ประชุมว่า จะรับไว้พิจารณาหรือไม่

และย้ำว่า กรรมาธิการฯจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวเรื่องในสำนวน และจะต้องทำตามขอบเขตเท่าที่กฎหมายให้อำนาจไว้เท่านั้น โดยจะไม่มีเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน รวมถึงแม่ของน้องชมพู่ด้วย สามารถเดินทางมายื่นร้องต่อคณะกรรมาธิการฯได้เช่นกัน

นายสิระ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนจับพฤติกรรมของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะที่ลงพื้นที่บ้านกกกอก ว่า เคยประกาศว่า จะจับผู้ร้ายให้ได้ภายใน 1 ปี และก็ประจวบเหมาะพอดีว่าการออกหมายจับครั้งนี้ครบ 1 ปีพอดี จึงตั้งข้อสังเกตวันนี้เป็นความบังเอิญ หรือมีการกดดันเจ้าหน้าที่หรือไม่ โดยในวันเสาร์ที่ 12 มิถุนายนนี้ ตนเองและกรรมาธิการจะลงพื้นที่ไปยังบ้านกกกอก เพื่อพบกับแม่ของน้องชมพู่และเจ้าพนักงานสอบสวนเพื่อสอบถามว่าถูกกดดันในการทำคดีหรือไม่

พร้อมฝากถึงแม่น้องชมพู่ว่า อย่าให้ใครคนใดคนหนึ่งมาปิดช่องทางและโอกาสจะได้รับความช่วยเหลือด้านความยุติธรรม เพราะทราบว่า มีความพยายามจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ กีดกันไม่ให้ตนลงพื้นที่ไปพบกับแม่น้องชมพู่ เพราะอัจฉริยะบอกตนเองว่า หากจะเดินทางไปหาแม่น้องชมพู่จะต้องไปขออนุญาตนายอัจฉริยะก่อน

นายสิระ ยืนยันว่า การให้ลุงพลเดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้ ไม่มีประเด็นทางการเมืองเพื่อกลบกระแสข่าวการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพียงแต่นัดหมายล่วงหน้าไว้แล้ว

ด้านลุงพล ขอให้กรรมาธิการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมามีความรอบด้านและมีความรอบด้านเพื่อความเป็นธรรม และก่อนจะจบการสัมภาษณ์ นายสิระได้ขอให้ลุงพลให้คำมั่นสัญญาว่า ไม่ว่าผลของสารจะออกมาอย่างไรจะยอมรับ และไม่คิดหนี ทำให้ลุงพล จึงกล่าวกับสื่อมวลชนว่า พร้อมยอมรับคำตัดสินของศาลในทุกมิติและไม่หลบหนี

ทั้งนี้ หลังจากยื่นหนังสือเสร็จ ป้าแต๋นได้นำผ้าทอมือของจังหวัดมุกดาหารมาผูกเอวมอบเป็นของที่ระลึกให้นายสิระ และบอกว่าไม่เกิน 3,000 บาท เช่นเดียวกับนายสิระที่พูดติดตลกว่า ของชิ้นนี้ไม่เกิน 3,000 บาทใช่หรือไม่

ทั้งนี้ทนายความและลุงพล เดินทางมายื่นหนังสื่อล่าช้ากว่ากำหนด 3 ชั่วโมง จากตามกำหนดการเดิม แจ้งว่าจะเข้าพบคณะกรรมาธิการฯในเวลา 10.00 น. แต่ภายหลังได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รับประทานอาหารพี่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุด จากชุดผ้าพื้นเมืองเป็นชุดสูทแล้วจึงเดินทางมายังรัฐสภา โดยทางทนายความชี้แจงว่า ได้ติดต่อมาเลื่อนนัดกับนายสิระแล้ว

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/NxW2FZC1h6w