ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ซึ่งนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ตกเป็นผู้ต้องหาและได้แต่งตั้งนายษิทรา เบี้ยบังเกิดเป็นทนายความต่อสู้คดี

เมื่อวานนี้ ในส่วนของครอบครัวน้องชมพู่ พ่อและแม่ก็เปิดตัวทีมทนายความ พ่อและแม่ เดินทางจากบ้านกกกอกมาที่โรงแรมมุกดาหารวิว ในจังหวัดมุกดาหาร เพื่อเซ็นมอบอำนาจและแต่งตั้งทีมทนายตวามเพื่อต่อสู้คดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่

โดยได้เข้าพบนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และนายวินัย ชุมสวัสดิ์ ทนายความ เพื่อดำเนินการด้านเอกสาร เซ็นมอบอำนาจให้นายอัจฉริยะ เป็นผู้รับมอบอำนาจตามกฎหมาย และเซ็นแต่งตั้งทนายความ คือ นายวินัย ชุมสวัสดิ์ โดยทั้งหมดได้ใช้เวลาพูดคุยกันและดำเนินการด้านเอกสารประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อสื่อมวลชน

นายอัจฉริยะ ระบุว่า ตอนนี้ตัวเองเป็นผู้รับมอบอำนาจจากแม่น้องชมพู่ ในฐานะผู้เสียในคดีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเบื้องต้นได้มีการแต่งตั้งหัวหน้าทีมทนายความ คือ ทนายวินัย แต่ในการต่อสู้คดีจะมีทนาย 4 คน แบ่งเป็น 2 คน จะทำหน้าที่ว่าความคดีการเสียชีวิตขอบน้องชมพู่ ส่วนอีก 2 คน จะทำหน้าที่ปกป้องสิทธิผู้เสียหาย ในการดำเนินคดีกับบุคคลที่มาทำให้ครอบครัวน้องชมพู่เกิดความเสียหาย บุคคลที่ละเมิดให้ร้าย โดยจะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา

นายวินัย กล่าวว่า คดีนี้ยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน รอส่งอัยการ หากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ก็จะเป็นโจกท์ร่วม แต่หากอัยการสั่งไม่ฟ้องก็จะยื่นฟ้องเอง ซึ่งไม่ได้หนักใจอะไร ตนไม่ใช่ทนายเด่นดัง หวือหวา แต่เราใช้กฎหมายเช่มเดียวกัน และขอยืนยันว่า ตนไม่ใช่อัศวินขี่ม้าขาวมาช่วย แต่คนที่เป็นอัศวิน คือ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย จากการเสียชีวิตของน้องชมพู่จนนำไปสู่การออกหมายจับ

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า คดีนี้ กลายเป็นศึกทนาย นายวิชัย กล่าวว่า ไม่ได้สนใจ เรื่องวาทกรรม สนใจแต่เรื่องจริง คือ แม่น้องชมพู่ เป็นผู้สูญเสีย และอีกฝ่ายคือผู้ต้องหา เอาเวลาไปใช้ในการหาข้อมูลหลักฐานสู้คดี ดีกว่ามาโต้แย้ง

ส่วนหลักฐานสำคัญในคดีนี้ ตนมองว่า การทำงานพนักงานสอบสวน ไม่เคยมีคดีไหนที่จะเปิดออกมาหมด สิ่งที่เปิดออกมาปัจจุบันนี้ เป็นแค่หน้าปกสำนวน -ด้านนายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนได้รับอนุญาตให้เป็นที่ปรึกษากับครอบครัวน้องชมพู่ และดูแลรายละเอียด ในนามชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญกรรม โดยทุกคนมาช่วยด้วยใจไม่คิดค่าทนาย ซึ่งคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ สังคมมันผิดเพี้ยน ผู้สูญเสียถูกกล่าวหาฆ่าลูกตัวเอง ส่วนผู้ค้องหา เป็นซุปเปอร์สตาร์ ตนรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น

ส่วนกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ กมธ.จะมาบ้านกกกอก เพื่อพบกับแม่น้องชมพู่ นายอัจฉริยะบอกว่า ไม่อนุญาติให้นายสิระมาพบกับคุณแม่ เพราะไม่ใช่คดีการเมือง มันคือคดีอาชญกรรม และขอบคุณ สส.สิระที่จะมา แต่หากมาถามทางคดี ตนและแม่น่องขมพู่เชื่อมั่นในการทำงานของ ผบ.ตร. -บรรยากาศการแถลงข่าวเปิดตัวทนายแม่น้องชมพู่เป็นไปอย่างคึกคัก ชาวบ้าน บ้านกกกอกและกลุ่มแฟนคลับคุณแม่น้องชมพู่ ก็พากันนำดอกไม้ มาให้กำลังใจแม่น้องชมพู่และทนายความ โดยชาวบ้านบอกว่ากำลังใจคือสิ่งสำคัญในการต่อสู้คดีนี้ ชาวบ้านกกกอกจะไม่ทิ้งแม่ชมพู่

หลังจากที่ นายไชย์พล ได้ประกันตัวก็ไม่ได้มาข้องเกี่ยวกับชาวบ้านหรือพยาน โดยหนึ่งในพยานสำคัญคดีนี้ คือนายวัชรินทร์ หรือพ่อแบม ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้สบายใจไม่ได้กังวลอะไร และก็โล่งใจที่ต่อไปนี้ พวกพยานต่างๆ ไม่ต้องไปให้ปากคำตำรวจแล้ว ที่ผ่านมาตลอด1ปี ชาวบ้านและพยาน ต้องวนเวียนไปให้ปากคำตร อยู่หลายครั้ง แต่ทุกคนก็เต็มใจและให้ปากคำตามสิ่งที่เห็นในวันนั้น

หลังการแถลงข่าว นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา หรือแม่น้องชมพู่ เปิดใจว่า ตอนนี้อุ่นใจขึ้นที่มีทีมทนายมาช่วย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาช่วยเหลือและให้กำลังใจ ยังเชื่อมั้นในพยานหลักฐานอละการทำงานของตำรวจ จากนี้ถ้าทางคดีก็มอบให้ทนายความเป็นคนให้รายละเอียด แม่ก็จะขอกลับไปเป็นเกษตรกร ทำไร่ ทำนาและแม่ค้าออนไลน์ขายผ้าท้องถิ่นเหมือนเดิม

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/7_7rrUYlfsI