เปิดใจ กู้ภัยเซ็ง! ถูกหลอกไปรับผู้ป่วยโควิด ช่วยปกปิดกันทั้งบ้าน แถม ตร.ไม่รับแจ้งความ

สังคม

เปิดใจ กู้ภัยเซ็ง! ถูกหลอกไปรับผู้ป่วยโควิด ช่วยปกปิดกันทั้งบ้าน แถม ตร.ไม่รับแจ้งความ

โดย pattraporn_a

23 เม.ย. 2564

335 views

อาสากู้ภัยร้องขอ สังคมอย่าหลอกใช้อาสาสมัครเคลื่อนย้ายผุ้ป่วยโควิด-19 เพราะอาสาสมัครมีครอบครัว และต้องทำงานหาเงิน และอาสาสมัครทุกคนตั้งใจทำความดีแต่กลับได้รับผลแบบนี้มันไม่แฟร์ต่อทั้งตัวอาสาสมัครเองและครอบครัวของอาสาสมัครทุกคน


จากกรณีที่มีเพจเฟซบุ๊ค กู้ภัยร่วมกตัญญู ฐานโลตัสพระราม3 โพสต์ข้อความระบุว่ามีอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญุ ถูกหลอกให้ไปรับเคส ที่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งๆที่มีการตรวจสอบ และคัดกรองเบื้องต้นอย่างดีแล้ว จนมีการแชร์กันอย่างมากในสื่ออนไลน์


ทีมข่าวช่อง 3 ติดต่อไปที่ นายพลสิทธิ์ หรือ โต้ง เลิศนภาพงศ์ อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยนายพลสิทธิ์ เล่าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงหัวค่ำของวานนี้ โดยตนเองได้รับแจ้งจากกลุ่มไลน์ของมูลนิธิว่ามีผู้ป่วย เป็นหญิงอายุ 86 ปี มีอาการแน่นหน้าอก ที่ซอยเจริญกรุง 82 ซึ่งก่อนออกจากจุดจอดที่ย่านพระราม 3 ก็มีการติดต่อประสานงานจากเบอร์ติดต่อที่ทางศูนย์ให้ไว้ ซึ่งตลอดการเดินทางก็มีการติดต่อประสานงานจนถึงหน้าปากซอย และเรียกให้ปลายสายออกมายืนรอรับเพื่อความสะดวกในการเข้าพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการเดินทางเข้าไปช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อถึงบ้านผู้ป่วย ตนเองก็ได้ลงจากรถและบอกน้องในจุดอีก 2 คนว่าให้รอที่รถ ตนจะขอลงไปตรวจสอบข้อมูลเพื่อความแน่นอนอีกครั้ง


เมื่อตนเองไปถึงหน้าบ้านก็ได้สอบถามกับทางหลานผู้ป่วย ที่ตนติดต่อทางโทรศัพท์มาตลอดทางว่า ผู้ป่วยเข้าข่ายความเสี่ยงโรค โควิด-19 หรือไม่ ได้ไปพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ หรือมีคนในครอบครัวไปพื้นที่เสี่ยงมาหรือไม่ ซึ่งทางหลานชายคนที่มารับรถ ก็ปฏิเสธว่าไม่มีความเสี่ยง จนเมื่อตนเองได้เดินเข้าไปสอบถามกับทางตัวผู้ป่วยเองก็ได้รับการยืนยัน และก่อนที่ตนจะเรียกทีมงานมาเคลื่อนย้าย ก็ได้สอบถามกับลูกชายผู้ป่วยอีกครั้งรวมเป็นครั้งที่ 3 ว่าเข้าข่ายหรือไม่ เพราะเป็นกฏที่อาสาสมัครมุลนิธิร่วมกตัญญู จะต้องตรวจสอบข้อมูลและรายงานทางมุลนิธิฯ ซึ่งทางลูกชายก็ยังคงปฏิเสธ ว่าไม่เข้าข่าย จึงมีการตรวจวัดไข้ และทำตามขั้นตอนการตรวจร่างกายก่อนเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาลเจริญกรุง และเมื่อไปถึงขณะที่ทางพยาบาลที่จุดคัดกรองกำลังดำเนินการตรวจคัดกรอง ทางญาติคนไข้ก็แจ้งกับทางพยาบาลว่า ผู้ป่วยติดโควิด-19 เมื่อ 2 วันก่อน


โดยบอกว่าหลังไปตรวจที่โรงพยาบาลธนบุรี แต่ไม่มีรถมาเคลื่อนย้ายนำส่ง จึงโทรแจ้งว่าไม่ได้เข้าข่าย ซึ่งตนเองเมื่อทราบว่าเป็นผู้ป่วยติดโควิด-19 ก็ได้ออกห่างจากผู้ป่วยและทางญาติ และเมื่อพยาบาลสอบถามว่าทำไมถึงบอกว่าไม่ใช่ผู้ป่วยโควิด-19 ตอนที่ตนสอบถามข้อมูล ทางญาติก็บอกแค่ว่าเคยโทรแจ้งแล้ว 2 ครั้งแต่ไม่มีรถมารับ 0000โดยปกติ ทางมูลนิธิมีการวางมาตรการการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิต ที่เข้าข่ายว่าอาจจะเสี่ยงติดโควิด-19 อยู่แล้ว หากมีการแจ้งข้อมูลที่ถูกต้อง แต่กรณีนี้ทางครอบครัวไม่ได้แจ้งข้อมูลตามจริง ทำให้เกิดปัญหาตนเองและลูกทีมต้องมาเสี่ยงติดโควิด-19 ซึ่ง หลังเกิดเรื่องตนเองต้องเข้ารับการกักตัว ทั้ง 3 คน ซึ่งน้องทั้งสองคนต้องขาดงาน โดนหักรายได้


ส่วนทางด้านมูลนิธิหลังทราบเรื่องก้มีการติดต่อเข้ามาพยายามช่วยเหลือหากไม่มีที่กักตัวทางมูลนิธิได้มีการเตรียมการไว้รองรับ สำหรับเจ้าหน้าที่ หรืออาสาสมัครที่เข้าข่ายความเสี่ยงจากการปฏิบัติหน้าที่ไว้อยู่แล้ว แต่ตนเองกับน้องๆ สามารถกักตัวที่บ้านได้ จึงไม่ได้เดินทางไปกักตัวตามสถานที่ที่มูลนิธิเตรียมไว้ให้ ซึ่งเบื้องต้นจะมีการกักตัวเป็นเวลา 5 วันก่อนที่วันที่ 27 เมษายนนี้ ทางโรงพยาบาลเจริญกรุงได้เปิดห้องตรวจพิเศษให้ทีมอาสาที่ไปเคลื่อนย้ายเคสนี้ ส่วนการดำเนินการเบื้องต้นหลังทราบเรื่องทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการฉีดพ้นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคให้ทั้งรถและอุปกรณ์ รวมถึงตัวอาสาสมัครทั้งหมด ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว


ส่วนตัวอยากฝากถึงประชาชนว่าอย่าได้ทำแบบนี้ เพราะการให้ข้อมูลเท็จในลักษณะนี้มันทำให้ผู้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือเกิดความเสี่ยง เพราะอาสาสมัครทุกมุลนิธิตั้งใจไปช่วย แต่หากโดนแบบนี้มันก็ไม่แฟร์ต่อตัวอาสาสมัครเองและครอบครัว ขณะที่ในส่วนของมูลนิธิร่วมกตัญญู ทราบว่าในวันพรุ่งนี้จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาพบอาสาสมัครทั้ง 3 ราย เพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติม หลังมีการตั้งไลน์กลุ่มเฉพาะกิจขึ้นเพื่อติดตามอาการของอาสาสมัครทั้งหมด เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้หากมีการร้องขอ



สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/8wTx-KuXlmE

คุณอาจสนใจ

Related News