ออกหมายจับแล้ว! สาวนวดสปาจ้ำจี้กับลูกค้า แจ้งความฝ่ายชายลักพาตัวลูกไป ก่อนโป๊ะแตกเรื่องถึงหูผัวตัวจริง

สังคม

ออกหมายจับแล้ว! สาวนวดสปาจ้ำจี้กับลูกค้า แจ้งความฝ่ายชายลักพาตัวลูกไป ก่อนโป๊ะแตกเรื่องถึงหูผัวตัวจริง

โดย pattraporn_a

5 มี.ค. 2564

315 views

ที่ จ.ขอนแก่น มีกรณีสาวนวดสปาแจ้งความ ลูกสาววัย 3 ขวบ 5 เดือน ถูกนายอาร์ต ลูกค้าลักพาตัว หลังมีความสัมพันธ์กันจนท้อง โดยทางฝ่ายลูกค้ามีการตั้งทนายฟ้องเป็นพ่อเด็ก ขณะที่สามีตัวจริงไม่รู้เรื่องเลย


เมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) นางสาวเฌอญาดา อายุ 32 ปี และนายภูวดล อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านไผ่ ให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายอาร์ต ซึ่งลักพาตัวลูกสาว คือน้องจันทร์เจ้า อายุ 3 ปี 5 เดือน หายตัวไปจากเนอสเซอรี่ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา


นางสาวเฌอญาดา กล่าวว่า ตนเองอยู่กินกับนายภูวดล มาได้ปีกว่าก็เดินทางเข้าไปทำงานที่ร้านสปา อาบอบนวดที่กรุงเทพฯ โดยทำหน้าที่เอนเตอร์เทนลูกค้า ส่วนสามีทำงานรับเหมาก่อสร้าง เดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ขณะที่ตนทำงานได้รู้จักกับนายอาร์ต อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นลูกค้าประจำ จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ซึ่งแต่ละครั้งป้องกันทุกครั้ง


ต่อมาเกิดตั้งครรภ์ ก็บอกสามีให้ทราบ แต่ตัวเองยังไม่พร้อมจึงอยากทำแท้ง พอหาทางออกไม่ได้ จึงได้ปรึกษากับนายอาร์ต ซึ่งนายอาร์ต บอกว่า ไม่ต้องทำแท้ง จะดูแลและช่วยเหลือเอง จากนั้นก็มีการช่วยเหลือจนคลอดลูก


จากนั้นเกิดการระบาดของโควิด-19 รอบแรก ไม่สามารถทำงานได้ จึงพาลูกกลับมาอยู่บ้านที่ขอนแก่น นายอาร์ต ก็เปิดร้านสปาและร้านนวดให้ พร้อมซื้อรถเก๋งให้อีก 1 คัน แต่เปิดได้ไม่นานก็ปิดตัวลงเพราะโควิด-19 ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ที่ขอนแก่น นายอาร์ต ยังไปมาหาสู่โดยที่สามีไม่รู้เรื่อง


เมื่อปิดร้านสปา ก็มีความคิดอยากกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ จึงนำลูกสาวไปฝากเลี้ยงที่บ้านครูตู่เนอสเซอรี่ ในอำเภอบ้านไผ่ เป็นการฝากเลี้ยง และให้ครูพาเข้าเรียน โดยจะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เดือนละ 23,000 บาท ช่วงแรกก็จ่ายเงินให้ครูทุกเดือน แต่พอโควิดระบาดหนัก งานไม่ได้ทำ จึงโอนจ่ายบ้าง แต่ไม่ได้ให้เป็นก้อน


ต่อมาได้ขายรถเก๋งเพื่อนำเงินมาจ่ายให้ครู ซึ่งครูก็เลี้ยงดูต่อจนถึงวันที่หายตัวไป และยอมรับว่าเคยพานายอาร์ต ไปดูเนอสเซอรี่ที่เลี้ยงลูก 1 ครั้ง จากนั้นตัวเองก็กลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ โดยมีการย้ำกับครูตลอดว่าห้ามให้ลูกสาวห่างสายตาหรือไปไหนกับใครเด็ดขาด ส่วนนายอาร์ต ก็หายไป จนกระทั่งมาลักพาตัวลูกสาวไป


โดยวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นางสาวเฌอญาดา ได้รับโทรศัพท์จากแม่ บอกว่ามีหมายเรียกจากศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดขอนแก่น มาถึงที่บ้าน จึงได้รู้ว่านายอาร์ต ไปยื่นฟ้องศาลเพื่อเป็นผู้ปกครองบุตรเพียงคนเดียว โดยต้องเดินทางไปที่ศาลในวันที่ 8 เมษายน หลังจากนั้นจึงรีบไปหาลูกที่บ้านครูตู่ ได้รับคำตอบว่าลูกสาวหายตัวไป ไม่รู้ว่าพาไปที่ไหน และกลัวว่าจะเกิดอันตราย จึงไปแจ้งความที่ สภ.บ้านไผ่


ทั้งนี้ เธอมั่นใจว่าเด็กไม่ใช่ลูกของนายอาร์ต เพราะป้องกันทุกครั้ง แต่มีครั้งนึงถุงยางแตก และทุกครั้งก็มีการกินยาคุมฉุกเฉิน ส่วนกับนายภูวดลนั้น ไม่ได้มีการป้องกันเวลามีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน และตั้งใจมีลูกด้วยกันจนตั้งท้องน้องจันทร์เจ้า ก็ช่วยกันเลี้ยงดูมาโดยตลอด จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายอาร์ตจะเป็นพ่อตามที่กล่าวอ้าง


ขณะที่นายภูวดล สามี กล่าวว่า ไม่เคยรู้เรื่องภรรยาคบหากับลูกค้าเลย รู้เรื่องทุกอย่างเมื่อมีหมายเรียกมาที่บ้านแล้วแม่ยายแจ้งให้ทราบ ภรรยาจึงเล่าทุกอย่างให้ฟัง ซึ่งก็ไม่ได้เสียใจหรือตกใจเพราะเรื่องมันผ่านมาแล้ว แต่ขณะนี้คือห่วงลูกที่สุด และเชื่อว่า นายอาร์ตเป็นคนเอาไป เนื่องจากวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ขณะเข้าแจ้งความ มีตำรวจมาบอกว่า ครูกับนายอาร์ต ได้อุ้มน้องจันทร์เจ้า มาที่โรงพัก พร้อมนำเอกสารการตรวจดีเอ็นเอซึ่งระบุว่าเป็นดีเอ็นเอของตัวเองกับน้องจันทร์เจ้า ที่ผลยืนยันตรงกัน 99.99% และสำนวนฟ้องมาแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ว่านายอาร์ตคือพ่อ และเป็นผู้ปกครองดูแลบุตรแต่เพียงผู้เดียว นายภูวดล และนางสาวเฌอญาดา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง


ความคืบหน้าทางด้านคดี ล่าสุด พันตำรวจเอก พิชัยภูษิส จารุพงศ์ ผู้กำกับการ สภ.บ้านไผ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับนาย อาร์ต แล้ว ข้อหาพากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดา โทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 6,000 ถึง 30,000 บาท ซึ่งกรณีดังกล่าวนายอาร์ต ไม่มีสิทธิพาตัวน้องจันทร์เจ้าไป ส่วนที่อ้างว่าเป็นพ่อที่แท้จริง ก็ต้องไปพิสูจน์ทราบตามกระบวนการของกฎหมาย



สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/JBzWj0R0wg0

คุณอาจสนใจ

Related News