พฤติกรรมของนายสุเชษฐ์ สุวรรณวงศ์ หรือ อ้วน เซียงตึ้ง ถูกตำรวจจับตามองมาโดยตลอดว่าเกี่ยวพันกับธุรกิจสีเทา และถูกออกหมายจับ เมื่อปี 2561 หลังจากไลฟ์สดท้าทายกับนายสัก ผาสุข คู่อริ จนเปิดศึกขับรถไล่ยิงกันบนถนน หลังจากคดีทะเลาะวิวาทจบ นายสุเชษฐ์ ถูกตำรวจออกหมายจับในคดียาเสพติด และได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่เครือข่ายนายสุเชษฐ์ ยังทำงานอยู่ให้อย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุด ตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ติดตามรถต้องสงสัย 5 คัน ที่ขับตามกันมา โดยทิ้งระยะห่างกัน 5 กิโลเมตร พบผู้ต้องหา 9 คน ขณะไปรับยาเสพติดมาจากบ้านเช่า ซึ่งเป็นสถานที่พักยาเสพติด ย่าน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมกับตรวจค้นรถยนต์ที่จอดอยู่ภายในบ้าน พบยาบ้ากว่า 1 ล้าน 9 แสนเม็ด โดยมีนายวิษณุ อายุ 21 ปี รับสารภาพว่าไปรับยามาจาก นายธนาวุฒิ อายุ 28 ปี

ตำรวจจึงขยายผล ไปตรวจค้นบ้านพักย่านเชียงรากใหญ่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์อีก 2,000,000 เม็ด ไอซ์อีก 9 กิโลกรัม โดยพบผู้ต้องหาทั้งหมด 9 คน ร่วมขบวนการ มีทั้งชายและหญิง อายุ 20-25 ปี บางคนเคยต้องโทษคดียาเสพติดมาแล้ว รับสารภาพว่าก่อนหน้านี้ขนยามาไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง กระจายไปทั่วจังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่ จ.ชุมพร ไปจนถึง จ.สงขลา

พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ได้ติดตามเครือข่ายนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว จากการขยายผลต่อเนื่องเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน จับได้ที่ จ.ปทุมธานี และล่าสุดขยายผลจับได้อีกกว่า 4 ล้านเม็ด พบว่าทั้งหมดมีผู้สั่งการรายใหญ่ คือนายสุเชษฐ์ หรืออ้วน เซียงตึ้ง ที่หนีการจับกุมไปสั่งการอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน

โดยตำรวจระบุว่าเครือข่ายอ้วน เซียงตึ้ง นับเป็นเครือข่ายใหญ่ ที่ใช้เยาวชนอายุน้อยในการลำเลียงยาเสพติด และอ้วน เซียงตึ้ง ยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจการพนันด้วย จึงขยายเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนตำรวจสืบสวนนครบาล ก็ได้ขยายผลต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ที่จับเครือข่ายจาก จ.เพชรบูรณ์ มาส่งเครือข่ายในกรุงเทพฯได้ กลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายเดียวกันได้ไหวตัวขนย้ายยาเสพติดหลบหนีจากจุดเดิมไปยังย่านบางนา โดยไปเช่าหมู่บ้านหรูเป็นที่พักยา แต่ถูกตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล ติดตามจับได้ พร้อมของกลางเป็นเฮโรอีน กว่า 400 กิโลกรัม โดยมี นส.พิมลรัตน์ พร้อมพรรคพวกรวม 5 คน รับสารภาพว่ารับยาต่อมาจากเครื่อข่ายเพชรบูรณ์