COVAX คืออะไร? ทำไมไทยตกขบวนไม่ได้วัคซีนชาติเดียวในอาเซียน - สถานะล่าสุดของไทยอยู่ตรงไหนของโครงการ

สังคม

COVAX คืออะไร? ทำไมไทยตกขบวนไม่ได้วัคซีนชาติเดียวในอาเซียน - สถานะล่าสุดของไทยอยู่ตรงไหนของโครงการ

6 ก.พ. 2564

3K views

‘COVAX’ (โคแวกซ์) โครงการประสานงานที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป้าหมายแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศยากจนที่เข้าร่วมโครงการทั่วโลก โดยคาดการณ์การแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศที่เข้าร่วมโครงการภายในเดือนมิถุนายน หรือไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ 


ทั้งนี้ก็เกิดเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาเมื่อ ในรายงานพบว่า  9 ชาติสมาชิกอาเซียนติดโผได้รับวัคซีนโควิด-19 แต่ยังไม่ปรากฎประเทศไทยอยู่ในแผนได้รับวัคซีนของโคแวกซ์


โดยในเอกสารรายงานของโคแวกซ์เปิดเผยว่า ภายในเดือนมิถุนายนนี้ มีแผนจะแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 สูตรของบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด โดยแบ่งออกเป็นวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดย ‘เอสเค ไบโอไซเอนซ์’ จำนวน 96 ล้านโดส และวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตที่สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย อีก 240 ล้านโดส


นอกจากนี้โคแวกซ์ยังคาดว่า น่าจะได้รับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ที่พัฒนาร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทค (BioNTech) อีก 1.2 ล้านโดสด้วย


อย่างไรก็ตามการแจกจ่ายในครั้งนี้ โคแวกซ์ระบุว่า มีประเทศที่คาดว่าจะได้รับวัคซีนไม่ต่ำกว่า 140 ประเทศและดินแดน โดยประเทศเหล่านี้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ช ประเทศที่สั่งซื้อวัคซีน (Self-financing participant: SFP) ประเทศที่ทำสัญญาจองล่วงหน้า (Advance Market Commitment: AMC)


โดยประเทศที่อยู่ในส่วนที่ 2 หรือ AMC จะมีบางประเทศได้รับเงินสนับสนุนจากโคแวกซ์ในการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ด้วย ขึ้นอยู่กับสถานะของประเทศนั้นๆ ว่า เข้าเกณฑ์เป็นประเทศยากจนที่จะได้รับความช่วยเหลือหรือไม่ หากไม่เข้าเกณฑ์ก็ยังต้องใช้งบประมาณซื้อวัคซีนโควิด-19 ในราคาที่ตกลงไว้กับโคแวกซ์อยู่


ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารประเมินการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ของโคแวกซ์ ที่ออกมาล่าสุดนี้ พบมีชาติอาเซียน 9 ประเทศอยู่ในแผนที่คาดว่าจะได้รับวัคซีนโควิด-19 จากโคแวกซ์ โดยแบ่งเป็นชาติที่สั่งซื้อวัคซีน (SFP) 3 ประเทศ ได้แก่ บรูไน มาเลเซีย และสิงคโปร์


ส่วนอีก 6 ชาติอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม อยู่ในกลุ่มประเทศที่ทำสัญญาจองล่วงหน้า (AMC) โดยไม่ปรากฎประเทศไทยอยู่ในรายงานฉบับนี้


โดยโคแวกซ์ระบุว่า การจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ในครั้งนี้จะคำนวณตามสัดส่วนประชากรเป็นหลัก โดยคาดว่า ชาติสมาชิกอาเซียนทั้ง 9 ชาติจะได้รับวัคซีนโควิด-19 ตามจำนวนดังต่อไปนี้ ภายในเดือนมิถุนายน


ประเทศที่จ่ายเงินค่าวัคซีนเอง (SFP)


บรูไน 100,800 โดส


มาเลเซีย 1,624,800 โดส


สิงคโปร์ 288,000 โดส


ประเทศที่ทำสัญญาจองล่วงหน้า (AMC)


กัมพูชา 1,296,000 โดส


อินโดนีเซีย 13,708,800 โดส


ลาว 564,000 โดส


เมียนมา 4,224,000 โดส


ฟิลิปปินส์ 5,617,800 โดส


เวียดนาม 4,886,400 โดส



สำหรับการเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ของประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ว่า ประเทศไทยได้ส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมใน COVAX facility แล้ว


และในการแถลงข่าววันเดียวกัน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติระบุว่า การสั่งจองวัคซีนกับโครงการของโคแว็กซ์ น่าจะทำให้ไทยได้รับวัคซีน 20% จากเป้าหมายจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้ได้ 50% ของประชากรทั้งประเทศ


ขณะที่เมื่อวันที่ 24 มกราคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ประเทศไทยมีแผนร่วมจัดหาวัคซีนโควิด-19 กับโคแวกซ์มาตั้งแต่แรก โดยการเจรจามีเงื่อนไขว่า จะให้วัคซีนฟรีกับประเทศยากจน แต่ประเทศไทยจัดอยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง จึงไม่ได้สิทธิ์รับวัคซีนฟรี


นพ.โอภาสยังระบุด้วยว่า หากเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ ประเทศไทยต้องนำเงินไปร่วมลงขันในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ด้วย ซึ่งทางโครงการไม่ได้ระบุว่า จะใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทใด ขณะเดียวกันตอนนั้นการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ยังมีความคืบหน้าไม่มาก จึงเป็นเรื่องยากที่จะเอางบประมาณไปลงตรงนั้น


ล่าสุด นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเปิดเผยในประเด็นดังกล่าว ระบุว่า ประเด็นแรก คือ หลายคนเชื่อว่าทุกชาติในอาเซียนยกเว้นไทยได้รับวัคซีนจากโครงการนี้ไปแล้ว แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมานั้น ระบุเพียงแผนว่าจะให้ในเดือน มิ.ย.64 แต่ไม่ได้บอกว่าทุกชาติได้ไปแล้ว ตรงนี้ต้องเข้าใจร่วมกันก่อนเป็นประเด็นแรก และที่สำคัญไทยไม่ได้ตกขบวน แต่ไทยเลือกลงมาจากขบวนเอง เพราะการซื้อวัคซีนจากโครงการข้างต้น มีบางเรื่องที่ทำให้ไทยตัดสินใจลำบาก 


นายวัชรพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างแรกตัดเรื่องไทยจะได้ฟรีออกไปก่อน เพราะรายได้ของไทยอยู่ในระดับปานกลาง ไม่เข้าข่ายการรับความช่วยเหลือ ซึ่งการเข้าร่วมโคแวกซ์ ไทยต้องใช้เงินแน่นอน กรณีจองวัคซีนที่ไม่รู้แหล่งที่มา ต้องเสียค่าธรรมเนียม 1.6 Usd/Dose แต่ถ้าจะจองแบบเลือกผู้ผลิต ก็ต้องเสียค่าจอง 3.5 USD/Dose ประเด็น คือ ราคานี้จะสูงขึ้นได้อีก ขึ้นอยู่กับอุปสงค์ อุปทาน ณ ขณะนั้น ต่อมาหากตัดสินใจทำสัญญาจองแบบเลือกผู้ผลิต เราก็ต้องเลือกในสิ่งที่โคแวกซ์เลือกมาให้ก่อน เท่ากับเราไม่มีอิสระในการตัดสินใจมากนั ซึ่งข้อมูลทั้งหมดสถาบันวัคซีนเคยอธิบายแล้ว และเท่านี้ก็รู้แล้วว่า ไทยควรจะไปหารือโดยตรงกับทีมผู้ผลิตมากกว่า ที่จะต้องมาจัดหาผ่านคนกลาง และที่สุดด้วยการหารือโดยตรง ไทยก็กำลังจะได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนโควิด-19 เริ่มดำเนินการได้ภายในกลางปี 64 แบบนี้ดีกว่ามิใช่หรือ


"ขอย้ำว่าเรื่องวัคซีนโควิด-19 ถึงตลาดจะยังเป็นของผู้ขาย เพราะอุปทานมีน้อยกว่าอุปสงค์มหาศาล แต่ไทยประเทศที่มีหมอเก่งที่สุด มีระบบสาธารณสุขที่ดีที่สุด ก็เป็นผู้ซื้อที่ฉลาดพอในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดให้คนไทย ขอให้ประชาชนมั่นใจ ทั้งนี้ไทยไม่ปฏิเสธเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการหารือ เพื่อให้ได้เงื่อนไขการจัดหาวัคซีนที่เหมาะสม" นายวัชรพงศ์ กล่าว


อย่างไรก็ตามทั้งนี้สถานะล่าสุดของไทย คือ Non binding comfirmation หรือ ประเทศที่แสดงเจตจำนงค์เข้าร่วมแต่ไม่จ่ายเงินล่วงหน้าตามข้อตกลง ซึ่งมีอยู่ 5 ประเทศทั่วโลกคือ ไทย ตุรกี เติร์กเมนิสถาน คองโก คิวบา

คุณอาจสนใจ

Related News