ลูกของผู้สูงอายุ วัย 91 ปี ที่จังหวัดลพบุรี ยอมเซ็นต์รับเป็นหนี้ ชดใช้เบี้ยผู้สูงอายุที่แม่ถูกเรียกคืนเกือบแสนบาท โดยขอผ่อนส่ง เพราะเกรงว่าแม่จะถูกดำเนินคดี ขณะที่ผู้สูงอายุวัย 98 ปีอีกคน มีหมายศาลฟ้องให้คืนเบี้ยผู้สูงอายุ แต่ยังไม่มีเงินคืน หากจะถูกดำเนินคดีก็ยินยอม

โดยข่าว 3 มิติ ได้สอบถามไปยังรองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ชี้แจงว่า เป็นกฎระเบียบใหม่ที่ออกโดยกระทรวงมหาดไทย ห้ามผู้สูงอายุได้รับสิทธิ์ซ้ำซ้อน และต้องจ่ายคืน แต่ในอนาคตก็ยังอยู่ระหว่างการหาวิธีการปรับแก้ไข แต่เบื้องต้นต้องคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุก่อน  

ลูกชายที่จากไปจากการถูกระเบิดด้วยวัยเพียง 23 ปี หลังจากเรียนจบและรับราชการทหาร ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา ได้เพียงปีเดียว แม้เหตุการณ์จะผ่านมา 40 ปีแล้ว แต่ยายบุญจันทร์ ริมแจ้ง อายุ 91 ปี ก็ไม่เคยลืมลูกชายคนนี้ หลังจากลูกชายเสียชีวิต ยายบุญจันทร์ ได้รับบำนาญพิเศษ เดือนละ 1 หมื่นบาทมาโดยตลอด

แต่ปีที่ผ่านมา ทาง อบต.ท่าแค จ.ลพบุรี ได้มาระงับเบี้ยผู้สูงอายุที่ได้รับเดือนละ 1 พันบาท และเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุที่ได้รับมา 30 ปี เป็นเงินเกือบแสนบาท โดยทาง อบต.ขอให้ลูกรับเป็นหนี้แทน ด้วยความเกรงว่ายายจะถูกฟ้องขึ้นศาล ลูกจึงยอมเซนต์รับหนี้ โดยผ่อนเดือนละ 3,500 บาท 

ขณะที่ ยายแสง สุขคุ้ม อายุ 98 ปี เล่าว่า บุตรชายไปเป็นทหารกองพันสุนัขทหาร รุ่นแรก และไปกู้ระเบิดที่สกลนครสมัยมีการสู้รบจนเสียชีวิต หากลูกชายยังมีชีวิตอยู่ยายก็น่าจะสบายกว่านี้ ขณะนี้ก็ลำบากอยู่และยังถูก อบต.ท่าแค จ.ลพบุรี เรียกไปตกลงคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ เกือบ 1 แสนบาท แต่ยายบอกว่า เงินได้ใช้เงินไปหมดแล้ว ส่วนลูกของคุณยาย ก็ฐานะไม่ดี ไม่สามารถเซ็นต์รับเป็นหนี้แทนคุณยายได้ ทำให้เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา คุณยายถูกหมายเรียกไปขึ้นศาล แต่ศาลได้เมตตาให้เลื่อนไปก่อน โดยคุณยายบอกว่าไม่มีเงินคืน และหากถูกดำเนินคดี ก็จะยอมต้องโทษ

ขณะที่ข่าว 3 มิติ ได้สอบถามไปยัง นางนิโลบล แวววับศรี รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ระบุว่า การได้รับบำนาญพิเศษ เป็นเงินที่ได้รับจากกรมบัญชีกลางกรณีบุตรเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเบี้ยผู้สูงอายุ เป็นออกโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ปรับแก้เมื่อปี 2552 กำหนดเงื่อนไขให้ องค์การบริหารสว่นท้องถิ่น ห้ามจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ที่ได้รับสิทธิอื่นอยู่แล้ว เมื่อ อบต.ทั่วประเทศสำรวจพบก็ยุติการจ่าย ส่วนที่ผู้สูงอายุต้องจ่ายคืน ขณะนี้ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล แต่ก็ต้องจ่ายคืนอาจจะเป็นการจ่ายคืนด้วยวิธีผ่อนโดยไม่มีดอกเบี้ย และในอนาคตก็อาจมีการปรับแก้กฎระเบียบก็ได้ 

โดยขณะนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ตรวจสอบ พบว่ามีผู้สูงอายุที่ขาดคุณสุมบัติในการับสิทธิ เบี้ยผู้สูงอายุทั่วประเทศ จำนวนมาก ที่จังหวัดกระบี่ พบผู้สูงอายุที่ต้องจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุคืนกว่า 100 ราย ที่ จ.ลพบุรี 10 ราย ที่ จ.นครราชสีมา 610 ราย เชียงใหม่ กว่า 200 ราย คาดว่าทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 2,000 พันราย