เลือกตั้งและการเมือง

'พิธา' ลุยเชียงใหม่แก้ไฟป่า บอกไม่ใช่เวลามาวัดพลังการเมือง – ‘เศรษฐา’ ประชุมแก้ไฟป่า ชี้จุดความร้อน-ฝุ่นพิษลดลง

โดย petchpawee_k

16 มี.ค. 2567

184 views

“พิธา” ลุยเชียงใหม่ร่วมภารกิจดับไฟป่า  บอกไม่ใช่เวลามาวัดพลัง “เศรษฐา-ทักษิณ” ขออย่าเปรียบเทียบกัน บอกฝ่ายค้านต้องทำงานเหมือนกัน ไม่ใช่แค่รัฐบาล ด้าน นายกฯ ชมทุกหน่วยงานบูรณาการทำค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลงกว่าปีที่แล้ว แต่ยังต้องทะเยอทะยานแก้ไข เหตุยังติดท็อปเท็นโลก


วันที่ 16 มี.ค. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ เพื่อปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าร่วมกับภาคประชาสังคม


โดยทันทีที่นายพิธามาถึงได้มีแฟนคลับจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สนามบิน ผู้โดยสาร ผู้ประกอบการและลูกจ้างร้านอาหารในสนามบินที่ทราบมารอต้อนรับ พร้อมขอถ่ายรูปด้วย และไปส่งถึงรถ

นายพิธาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงประเด็นที่มีการเปรียบเทียบการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ของนายพิธากับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ช่วงเวลานี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาเปรียบเทียบกัน เราเอาปัญหาของประชาชนมาเป็นที่ตั้ง แล้วข้อมูลก็เห็นชัดกันอยู่ว่าปีนี้หนัก เราในฐานะฝ่ายค้าน เป็น สส. เป็นผู้แทนราษฎร ถ้าจะพูดได้ก็ต้องเห็นจริง

เมื่อถามว่าอาจจะถูกมองว่าเป็นการวัดพลังมวลชน นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวัดพลัง มันไม่ใช่เวลาที่จะมาเปรียบเทียบอะไร เราต้องคิดว่าจะแก้ปัญหาให้ประชาชนเร็วที่สุดได้อย่างไร แต่ถอดบทเรียนได้อย่างไร ที่ปีหน้าเวลาเดิมปัญหาฝุ่นจะทุเลาลงกว่านี้


“ข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้ก็คือตอนนี้เชียงใหม่แย่ที่สุด ข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้คือก้าวไกลมี สส. 7 คนจาก 10 คน เถียงไม่ได้คือพรรคก้าวไกลเป็นประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม สส. เป็นฝ่ายค้านมันก็ต้องทำหน้าที่ เพราะฉะนั้น เราเอาประชาของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาใครมาเป็นตัวตั้ง” นายพิธา กล่าว


ส่วนจะเป็นการปูทางไปสู่การเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า การมาครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกัน ที่ผ่านมา การเดินสายของตน วันเสาร์อาทิตย์จะลงพื้นที่เพื่อดูปัญหาประชาชน ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเรื่องการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เราเอาไฟป่าเป็นที่ตั้ง เพราะมีความฉุกเฉินจริงๆ พร้อมถามกลับผู้สื่อข่าวด้วยความตกใจว่า หนักขนาดนี้โรงเรียนยังไม่หยุดใช่หรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ทำให้ไม่สามารถใช้งบได้ ดังนั้นการเป็นผู้แทนราษฎร ก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้

“ฝ่ายค้านก็ต้องทำงานเหมือนกัน ไม่ใช่รัฐบาลอย่างเดียว มีออก พ.ร.บ. ห้ามฝ่ายค้านทำงานหรือไม่ มันก็ไม่ใช่ เราก็มีหน้าที่ต้องทำงานเหมือนกัน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้าจะอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วาระที่ 2-3 แล้ว พรรคก้าวไกลจะอภิปรายเรื่องนี้อย่างแน่นอน ส่วนจะอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 หรือไม่ ต้องรอดู ยังไม่ถึงเวลาเฉลย

เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ทำให้กระแสของพรรคก้าวไกลลดลงหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องกระแส คงทำงานให้เต็มที่ เพราะปัญหาสำคัญมีเยอะ

“วิกฤตของเชียงใหม่ตอนนี้สำคัญมากกว่ากระแสของพรรคอยู่แล้ว เดี๋ยวก็จะมีอภิปรายงบประมาณ อภิปรายทั่วไป ต้องบินไปประชุมรัฐสภาสากลที่เจนีวาอีก ทำงานในช่วงเวลาสำคัญ และในวิกฤตของพรรคไม่ได้เป็นความลับอะไร เรื่องยังอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ย้ำว่า ไม่ได้คิดถึงกระแสของนายทักษิณ จะทำให้กระแสของพรรคก้าวไกลลดลง เรื่องคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้ายังเร็วเกินไป ที่ยังจำได้ไม่ลืมก็คือการเลือกตั้งที่ผ่านมาคนเชียงใหม่ออกมาใช้สิทธิ์กันเยอะ 81% แล้วพรรคก้าวไกลก็ได้มาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นตรงนี้ไม่ได้มองไปในอนาคต แต่มองที่ปัจจุบันและย้อนไปที่อดีต และไม่ลืมความไว้วางใจที่พี่น้องชาวเชียงใหม่ให้ไว้กับพวกเรา

“ถึงเวลาจะผ่านมา 8 เดือน ก่อนที่ท่านให้ความไว้วางใจเป็นอย่างไร หลังจากที่ท่านให้ความไว้วางใจมาแล้ว ก็ยังเหมือนเดิม ยิ่งตอกย้ำเหตุผลว่าทำไมอดีตหัวหน้าพรรคหรืออดีตแคนดิเดตนายกฯคนนั้น ต้องมาเชียงใหม่ในช่วงที่เขาลำบากมากที่สุดด้วย” นายพิธา กล่าว


จากนั้นนายพิธาลงพื้นที่รับฟังปัญหาสถานการณ์ไฟป่าที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยบอกว่า  วันนี้ตนจะไปพบปะกับอาสาของมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งได้เชิญทางพรรคก้าวไกลมาล่วงหน้าแล้ว ที่ถือเป็นปีที่ 5 ของมูนิธิกระจกเงาในการลงพื้นที่มาแก้ไขปัญหาไฟป่า จึงอยากให้ฝ่ายการเมืองเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ทำกิจกรรม ‘ก้าวไกลดับไฟป่า’ รวมถึงนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้มาลงพื้นที่ที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยตนเองแล้ว และทางประธานคณะกรรมาธิการที่ดินและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ส่งตัวแทนมาลงพื้นที่ด้วย


โดยเช้าวันนี้ค่าฝุ่น US AQI ที่สนามบินเชียงใหม่อยู่ที่ 215 ถือเป็นอันดับหนึ่งของโลกเป็นวันที่สองติดต่อกันแล้ว รองลงมาเป็นกรุงนิวเดลีย์และกรุงปักกิ่ง และหากดูจากดาวเทียมของ Gitda ก็จะเห็นจุดความร้อนมากขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง จากเดิมประมาณ 300 จุด แต่ในปีนี้มีกว่า 2,000 จุด มากขึ้นถึง 8 เท่า ถือเป็นการลงพื้นที่เพื่อให้เข้าใจหน้างานในช่วงนี้ ประกอบกับมูลนิธิกระจกเงาก็อยู่ในพื้นที่ เพื่อมาดูพฤติกรรมไฟ การทำอย่างไรให้ทีมงานเข้าถึงไฟก่อนที่จะลุกลาม ซึ่งขั้นตอนต่างๆในการเข้าดับไฟไม่ได้ง่าย


ส่วนการจัดการของภาครัฐในการจัดการแก้ปัญหาไฟป่านั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า เพราะไฟป่าจะเกิดตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงช่วงฤดูฝน เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นช่วงฝุ่น จะมีสถานการณ์ไฟไหม้มาตลอด ดังนั้นควรเริ่มทำงานตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนในการจัดทำสถานีน้ำ โดยไม่ต้องใช้กำลังคนแบกน้ำขึ้นไปก็จะสามารถถ่ายน้ำได้เลย เมื่อย้อนหลังไป 5 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการไหม้ซ้ำซากก็สามารถเตรียมการได้ทันจากกระบวนการข้างต้น แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ไฟไหม้ต่อเนื่องแล้วไม่มีการเตรียมตัว ก็จำเป็นต้องระดมคนขึ้นไปดับไฟ


หลังจากนั้นนายพิธา ถามผู้สื่อข่าวกลับว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ประกาศให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้วหรือไม่ เพราะช่วงนี้ของปีที่แล้วก็ไม่ยอมประกาศ เพราะกังวลเรื่องการท่องเที่ยว แต่พอมาปีนี้สถานการณ์แย่แล้วยังไม่ประกาศ ทำให้ไม่สามารถใช้งบประมาณกลางได้


ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

ทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้รับฟังการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาไฟป่า และสถานการณ์ฝุ่นละออง PM.2.5 ทั้งประเทศ ซึ่งจากการประสานพูดคุยกับต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาหมวกควันข้ามแดน ขณะนี้ไทยได้มีการหารือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศกัมพูชา รวมไปถึงสปป.ลาว เป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนเมียนมาอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้บัญชาการทหารสูงสุด


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหากดูจากการแสดงผลกราฟ พบว่า จากปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ลดกว่าปีที่แล้วกว่า 1 เท่า แม้ว่าบางจังหวัดยังเชียงใหม่เมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา อาจจะมีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในลำดับหนึ่งของโลก แต่ก็ลดลงไป ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราทำดีแล้ว แต่ต้องไปพัฒนาต่อ และเห็นได้ว่าเกิดผลจากการที่ข้าราชการและหน่วยงานต่างๆที่ทำงานบูรณาการตลอดช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจน


ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จุดความร้อนปัจจุบันเป็นแค่ 1 ใน 3 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเราทำงานได้ดีขึ้นกว่า 3 เท่าตัว ตนไม่อยากให้เจ้าหน้าที่เสียกำลังใจ แต่ไม่ได้บอกว่าพอใจในผลงาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงทรัพย์ฯ และะหน่วยงานด้านความมั่นคง ทำให้จุดความร้อนลดลงได้ 1 ใน 3 และหากเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันจะพบว่าปริมาณฝุ่นละอองลดลงกว่าครึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา แม้ว่าไทยจะติดอันดับปริมาณฝุ่นสูง 5 อันดับของโลก


โดยนายกรัฐมนตรีอย่างเน้นย้ำ ถึงการอนุมัติงบประมาณแก้ปัญหาไฟป่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตนยืนยันว่าปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้จริง และเป็นนโยบายอาสามัครดับไฟป่าเป็นเรื่องที่ดี โดยต้องเป็นคนพื้นที่เท่านั้น แลมีความผูกพันกับพื้นที่ มีใจรักพื้นที่ของเขาทำด้วยใจ พร้อมกับเน้นย้ำว่า อาสาสมัครดับไฟป่าจะต้องมีความปลอดภัย และต้องดูอุปกรณ์ให้มีความพร้อม เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ ขอให้ดูให้ดีด้วยแล้วกัน


ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนเอาเรื่อง PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติหาติดตามการทำงานของคณะรัฐมนตรีจะทราบว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยต้องยอมรับว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่ของภาคเหนือ แต่อย่างไรก็ตามถึงวันนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาจริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นปริมาณฝุ่นหรือจุดความร้อนลดลงครึ่งหนึ่งหรือ 2 ใน 3 ถึงแม้จะมีการเผยแพร่คำว่าจังหวัดเชียงใหม่ มีการถูกจัดลำดับในลำดับต้นๆของโลกแต่ก็ลดลงขณะนี้กำลังเข้าสู่ในระยะเฝ้าระวัง ซึ่งช่วง High Season จากนี้ต่อไปอีก 45 วัน จะเป็นช่วงเฝ้าระวังที่สำคัญที่สุด


ส่วนการเผาที่มาจากต่างประเทศ มีการตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อพูดคุยและให้ข้อมูลกับคณะรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลจะต้องพิจารณาการออกมาตรการต่างๆภายในประเทศ เรื่องของการเผาป่าเราก็ไม่ยอม ห่างจากคนเผาป่าได้ให้เงินรางวัล 10,000 บาท เราก็เข้าใจเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เอาผักหวาน เอาเห็ดออกมาขาย แต่ขอบคุณกระทรวงทรัพย์ฯจัดพื้นที่ในการทำเพาะปลูก ซึ่งกันก็รู้สึกเห็นใจชาวบ้านเหมือนกัน


ส่วนต่างประเทศ รัฐบาลก็ต้องพิจารณานอกประเทศเราไปก้าวก่ายอธิปไตยของเขาไม่ได้ จำเป็นต้องมีการพูดคุยกัน หากรัฐบาลเขามีประชาธิปไตยเหมือนกับเราก็คงพูดง่ายขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างมากว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เพื่อนบ้านหยุดเผา ตนเองก็ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในต่างประเทศว่าจะต้องพิจารณาดีๆ ว่าจะห้ามนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วง High Season เพราะไม่อย่างนั้นจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เคยขู่ไปแล้วว่าจะขึ้นภาษี ก็คงคิดว่าเราคุยเฉยๆปีหน้าจนคงต้องทำจริง 


https://youtu.be/yc4rWD6zdl8

คุณอาจสนใจ

Related News