เลือกตั้งและการเมือง

'ศิริกัญญา' เย้ยวิสัยทัศน์ 8 ด้าน ‘เศรษฐา’ ไร้รูปธรรม – ‘เผ่าภูมิ’ ซัดมองวิธีทำก่อนกำหนดวิสัยทัศน์ ประเทศไร้ทิศทาง

โดย petchpawee_k

24 ก.พ. 2567

25 views

“ศิริกัญญา” เชื่อ “เศรษฐา” คิดวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ออก โบ้ยความผิดให้หน่วยงานคลัง แนะกระสุนยังไม่หมด ถ้าปล่อยรอให้ได้ “ดิจิทัลวอลเล็ต” จะสายไปแล้ว ย้ำต้องทำโครงการแก้ขัด ซัด เสนอวิสัยทัศน์ไม่มีอะไรใหม่ บอกไม่ให้ความสำคัญ ยกคอขวดบุคลากรแพทย์-ตั๋วเครื่องบินแพงยังเป็นปัญหา ทำไทยไม่เป็นฮับของภูมิภาค


เมื่อวานนี้ (23 ก.พ.67)  ที่รัฐสภา  นางสาวศิริกัญญา  ตันสกุล  สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง ผลักดันประเทศไทยเป็น 8 ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ว่า เราคาดหวังกันมาก แต่จากที่ได้ฟังแถลงก็ไม่มีอะไรใหม่ หลายคนอาจจะผิดหวังว่าจะได้ยินอะไรใหม่ หรือมีรายละเอียดของโครงการครบถ้วน ถ้าดูทั้ง 8 เรื่อง ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่เคยฟังมาก่อนจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ที่สำคัญคือไม่เห็นเป็นรูปธรรมทั้ง 8 ด้านว่าจะทำอย่างไร มีแต่จะทำอะไร ฉะนั้นถือว่าเป็นแผนที่ค่อนข้างลอย เป็นสิ่งที่อยากจะทำ มากกว่าแผนงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควรจากการฟังแถลง


เมื่อถามว่ามีข้อแนะนำหรือข้อสังเกตอย่างไรบ้างกับวิสัยทัศน์นี้  นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ในหลายเรื่องทราบดีถึงความสำคัญ  ทราบดีว่าจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้น  แต่ก็ยังมีปัญหา อุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ซึ่งเราพูดกันมานาน ตอนนี้เราก็เป็นฮับไปแล้ว แต่ยังมีปัญหาคอขวดในเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ และค่ารักษาพยาบาล  ที่จะส่งผลกระทบต่อค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง และกระทบกับชนชั้นกลางที่ยังใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชน รวมไปถึงการแย่งชิงบุคลากรทางการแพทย์ ระหว่างโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐ


ส่วนการเป็นศูนย์กลางทางการบิน ยังต้องปรับปรุงเรื่องเทคโนโลยี การตรวจคนเข้าเมืองให้มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงแก้ปัญหาตั๋วราคาแพง ที่ปัญหาอาจจะเกิดจากแอพพลิเคชันที่เป็น OTA ด้านการท่องเที่ยว ถ้าประชาชนในประเทศยังเจอปัญหาตั๋วแพง นักท่องเที่ยวที่เข้ามาก็จะเจอปัญหาเดียวกับเรา ถ้าแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ก็อาจจะไม่เป็นจุดศูนย์กลางของการบินของภูมิภาคได้ ถือเป็นตัวอย่างเล็กที่คาดหวังจากการแถลง และเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมายสักที แม้เราจะพูดเรื่องนี้มามากกว่า 10 ปีแล้ว จึงเป็นการแถลงที่เราไม่ได้ให้ความสำคัญ


เมื่อถามว่า  มองท่าทีนายกรัฐมนตรีต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างไร นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า นายกรัฐมนตรีทราบดีว่าเศรษฐกิจมีปัญหา แต่ยังคิดวิธีการแก้ปัญหาไม่ออก ตอนนี้ได้โบ้ยไปเป็นความผิดของผู้กำหนดนโยบายการเงิน ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แต่ตนคิดว่าตอนนี้มาตรการทางการคลัง กระสุนยังไม่หมดซะทีเดียว ยังมีทางออกอยู่ หรือ อีก 1-2 เดือน งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ก็จะออกแล้ว เราคงต้องเตรียมการเพื่อให้งบประมาณผ่านไปได้เร็วขึ้น ดังนั้นจึงอยากเห็นท่าทีของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าจะมีท่าทีอย่างไรที่จะมีโครงการแก้ขัดระหว่างรอโครงการดิจิทัลวอลเล็ต  ซึ่งยังเป็นปมปัญหาที่ยังแก้ไม่ออกอยู่  เราไม่อยากรอให้ถึงวันที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตออกมา เพราะตอนนั้น สำหรับเศรษฐกิจไทยก็คงสายเกินไปแล้ว ถึงอยากเห็นท่าทีที่กระตือรือร้น ที่จะใช้มาตรการทางการคลัง ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่มากกว่านี้

---------------------------------------

นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ   ลั่นไม่ว่าจะเชื่อมั่นในรัฐบาล หรือตนเองหรือไม่ ก็ไม่สําคัญเท่าต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศ ย้ำรัฐบาลจะสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรง นำเงินสู่ประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาทุกมิติ – หวังทุกฝ่ายพาประเทศไทยก้าวใหม่สู่อนาคต


เมื่อวานนี้ (23 ก.พ.67)  นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Thailand New Era : ก้าวใหม่ประเทศไทย’’ ที่ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์เอ 2 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ  โดยมีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการ ผู้บริหาร หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เข้าร่วมงาน


นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษ ตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาการบริหารประเทศติดขัด มีความขัดแย้งมากมาย ก้าวใหม่ประเทศไทยวันนี้ ไม่ว่าทุกคนจะเชื่อมั่นในรัฐบาล เชื่อในตัวตนเอง หรือไม่เชื่อมั่นก็ตาม ไม่สำคัญเท่ากับที่ทุกคนต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ตนเองได้เสนอภาพ Vision ของประเทศไทย ผ่านข้อเสนอ 8 ข้อ เพื่อเสริมเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง นำเงินมาสู่ประเทศไทย ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุก ๆ คน ให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป


นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญ รัฐบาลให้ความสำคัญกับคุณค่าของทุกคน ทุกเพศ โดยได้เร่งผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เพื่อให้เกิดความเสมอภาค ไม่ให้เกิดการด้อยค่าในตัวเอง ส่วนเรื่องของการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ ต้องมีการบริหารจัดการกำลังพล ทรัพยากรให้เหมาะสมกับยุคสมัย เช่น มีกำลังพลประจำการน้อยลงแต่มีคุณภาพและทันสมัยมากขึ้น แต่ยังต้องการพยาบาล หมอ ทหารเพิ่ม รวมถึงการนำสินทรัพย์ของกองทัพออกมาสร้างประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้ว เรื่องที่ดินที่มอบให้เกษตรกรไป คือความภาคภูมิใจให้เขาได้มีโฉนด มีเอกสารสิทธิครบถ้วน รวมถึงการพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เหมาะสมด้วย


ส่วนเรื่องอากาศสะอาด ที่ขณะนี้ ฝุ่น PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ สามารถลดปริมาณไปได้มาก จากการทำงานร่วมกันของหน่วยงานรัฐ และประชาชนให้ความสำคัญ จนทำให้ฝุ่นละอองลดลงไป แม้จะมีอยู่บ้าง แต่ก็จะต้องมีการบริหารจัดการในพื้นที่ที่มีปัญหาให้มากกว่านี้  พร้อมยืนยันว่า หากประเทศเพื่อนบ้านใด เผาซากวัชพืชเกษตร รัฐบาลจะไม่ซื้อสินค้าจากประเทศนั้นเด็ดขาด


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงปัญหาการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ประชาชนกู้เงินนอกระบบ 80,000 บาท แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงถึงวันละ 4,000 บาท ดังนั้น ประเทศไทยมิติใหม่ หนี้นอกระบบต้องหมดไป ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภาครัฐต้องให้ความช่วยเหลือประชาชน อย่ายอมแพ้ เพราะปัญหาเหล่านี้  บั่นทอนศักยภาพประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งรัฐบาล คาดหวังให้ประชาชนมีที่ดินทำกินที่ถูกต้อง สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ หลักประกันเสริมสร้างความคล่องตัวทางการเงินได้ จึงขอให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับที่ดิน ที่ต้องการให้ประชาชนมีที่ดินทำกิน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีด้วย


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ผ่านศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยว่า การท่องเที่ยวไทยมีศักยภาพ รัฐบาลได้มีการเปิดฟรีวีซ่าให้กับหลายประเทศ ซึ่งในสัปดาห์หน้า วันที่ 1 มีนาคมนี้ ประชาชนคนไทย สามารถเดินทางไปประเทศจีนได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว และรัฐบาล จะยังคงเดินหน้า เพื่อขอยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศอื่น ๆ ต่อไป รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ที่แต่ละจังหวัดมีซอฟต์พาวเวอร์ มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์  แต่การเดินทางยังลำบาก ค่าเดินทางบางจังหวัดแพงกว่าการเดินทาไปต่างประเทศ  ซึ่งก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหา และพัฒนาต่อไป


นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงสาเหตุที่รัฐบาลชุดนี้ ไม่ดำเนินนโยบายประกันราคาสินค้า การจำนำ หรือจ้างผลิตว่า เนื่องจากรัฐบาล ไม่ต้องการบิดเบือนราคาตลาด เพราะในประเทศที่เจริญแล้ว จะใช้นโยบายเหล่านี้เมื่อประสบภัยพิบัติ และเกษตรกร ต้องการมีเกียรติ และศักดิ์ศรี สามารถขายสินค้าได้ตามกลไกตลาด แต่ประเทศไทย กลับต้องประสบปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ตนจึงลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาในจังหวัดที่มีปัญหา เช่น อุบลราชธานี จนสามารถแก้ปัญหาได้ ดังนั้น ตนจะลงพื้นที่อีกทุกจังหวัด เพื่อแก้ปัญหา ใส่ใจปัญหา ยกระดับชีวิตประชาชน และเกษตรกรให้ดีขึ้น


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ จะแก้ไขลำพังโดยนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ไม่ได้ แต่ต้องอาศัยการรวมพลังของภาครัฐ ภาคเอกชน ฝ่ายความมั่นคง และทุก ๆ ภาคส่วน ช่วยกันนำพาประเทศไทยไปถึงจุดที่จะต้องไปให้ถึงได้ เพราะประเทศไทยมีศักยภาพ ดังนั้น ก้าวใหม่ประเทศไทย จึงถือเป็นหัวข้อการปาฐกถาที่เหมาะสมต่อสถานการณเป็นอย่างมากและตนอยากให้ประเทศไทย โลดแล่นไปในโลกอนาคตได้อย่างมีเกียรติ และศักดิ์ศรี และเชื่อว่า ประชาชน ก็อยากเห็นประเทศไทย มีมุมมองความสว่างไสว เหมือนที่ตนอยากจะเห็นเช่นเดียวกัน

--------------------------------------------------

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ กรณี นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีวิสัยทัศน์ 8 ศูนย์กลางเศรษฐกิจ ของนายกรัฐมนตรี


โดยฝากถึงนางสาวศิริกัญญา ว่า อย่าสับสนระหว่าง “วิสัยทัศน์-วิธีการ-วิธีทำ” เราต้องมองจากใหญ่ลงเล็ก ซึ่งต้องกำหนด “วิสัยทัศน์” ภาพใหญ่ว่าประเทศจะเดินทางไหน ก่อนจะมา “วิธีการ” ว่าจะทำอะไร และตามด้วย “วิธีทำ” ว่าจะทำมันอย่างไร อย่าเริ่มความคิดวางแผนพัฒนาประเทศจากภาพเล็กขึ้นสู่ภาพใหญ่ อย่ามองหาวิธีทำก่อนกำหนดวิสัยทัศน์ นั่นจะทำให้การพัฒนาประเทศไร้ทิศทาง และควรอ่านระหว่างบรรทัดของถ้อยแถลงให้ลึก การอ่านผ่านๆ ก็จะได้ภาพลอยๆ แต่ถ้าอ่านระหว่างบรรทัดให้ลึก จะเห็นสิ่งที่รัฐบาลจะทำ ซึ่งต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง เช่น


คำว่า “Homeland สายการบินนานาชาติ” มันไม่ใช่แค่เรื่อง Micro เช่น ตั๋วแพง การตรวจคนเข้าเมือง อย่างที่คุณศิริกัญญากล่าวถึง แต่มันคือการมองเชิงยุทธศาสตร์ใหญ่ถึงการ “ช่วงชิง” การเป็น “ฐานการบิน” ของสายการบินต่างชาติ ให้มาอยู่ที่ไทย ซึ่งคือโจทย์ที่ใหม่และสำคัญมาก


คำว่า “เชื่อมต่อหนองคาย-ท่าเรือแหลมฉบัง” คือ การวางไทยใน “ศึกช่วงชิงการเป็นทางออกสู่ทะเลของจีน” ซึ่งนั่นคือมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล


คำว่า “สร้างย่านการเงินของอาเซียนในไทย ปลดล็อค Digital Asset” คือ การใช้ระบบตลาดทุนคู่ขนาน วางโครงสร้างการระดมทุนประเทศ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในไทย และเรากำลังปลดล็อค Digital Asset หลายรูปแบบ รวมถึง Carbon Credit Trading ผ่าน Digital Asset


คำว่า “เชื่อมต่อสินทรัพย์ในโลกปัจจุบันให้มาอยู่บนโลกดิจิทัล” คือ การส่งสัญญาณต่อนักลงทุนทั่วโลก ว่ารัฐบาลไทยเปิดกว้างสำหรับการ “แปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์” รูปแบบใหม่เต็มรูปแบบ เรากำลังกำหนดให้โทเคนดิจิทัลบางลักษณะเป็นหลักทรัพย์ และไทยพร้อมเป็นฐานการเงินรูปแบบใหม่ นี่คือการมอง Digital Asset ที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง


โดยสรุป ฝาก 3 เรื่องคือ  1.ควรมองวิสัยทัศน์ผู้อื่นอย่างมีวิสัยทัศน์ 2.ไม่ควรสับสนระหว่าง วิสัยทัศน์-วิธีการ-วิธีทำ 3.ควรอ่านระหว่างบรรทัดให้ลึก


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/fbI2do09TAc

คุณอาจสนใจ

Related News