เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ พาเศรษฐีเมืองไทยกว่า 115 คน เยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ ที่เชียงใหม่ ก่อนควง 'อุ๊งอิ๊ง' ชมโชว์มวยไทย

โดย weerawit_c

21 ม.ค. 2567

132 views

วานนี้  (20 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  และพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดเชียงใหม่  พร้อมนำคณะผู้ฝึกอบรมโครงการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงสำนักงานตำรวจแห่งชาติปี 2567 หรือหลักสูตรรวมมิตร ซึ่งประกอบไปด้วยข้าราชการและนักธุรกิจชั้นนำของประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่กว่า 115 คน เช่น  พล.ต.อ. วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้อำนวยการหลักสูตรรวมมิตร และประธานกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัดมหาชน (ทอท.)   / นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ  บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  /  นายพิชัย จิราธิวัฒน์  กรรมการผู้จัดการกลุ่มเซ็นทรัล / นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการ ของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด  / นายอาทิตย์ นันทวิทยา ผู้บริหาร SCB


นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Bangkok Airways)  / นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการบริหารคิงพาวเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ /  นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน)  (Nescafe) / นายกิตติชัย รักตะกนิษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY  /  นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริหารของเครือเจริญโภคภัณฑ์  / นายภูริต ภิรมย์ภักดี ผู้บริหาร Singha  / นายธีรพงศ์ จันศิริ ผู้บริหารเบียร์ช้าง  / นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  /  และน็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์  กรรมการบริหารบริษัท เรเซอร์การไฟฟ้า ( ประเทศไทย ) จำกัด สามีชมพู่ อารยา  เป็นต้น


สำหรับพื้นที่ ที่นายกรัฐมนตรีได้นำคณะร่วมเยี่ยมชมส่งเสริมและต่อยอดและขยายผลผลิตภัณฑ์จากโครงการต่างๆ รวม 4 จุดสำคัญประกอบด้วย ศูนย์พัฒนาไม้ดอกไม้ผลในโครงการพระราชดำริบ้านไร่ อำเภอหางดง , ตลาดจริงใจมาร์เก็ต อำเภอเมือง , เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด และจุดสุดท้าย ไปดูเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ศิลปะแม่ไม้มวยไทย ของบัวขาวบัญชาเมฆ


โดยในเวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรี นำคณะมาถึงจุดแรก  ที่ศูนย์พัฒนาไม้ดอกไม้ผลในโครงการพระราชดำริบ้านไร่ อำเภอหางดง   เมื่อมาถึง นายกรัฐมนตรีได้กราบนมัสการพระครูอาทรวิสุทธิคุณ เจ้าคณะอำเภอหางดง ในนามคณะสงฆ์และประชาชนชาวอำเภอหางดง โดยเสนอโครงการและขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยสนับสนุนโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกวินิจฉัยและบำบัดโรงพยาบาลหางดง เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่โรงพยาบาลมีขนาดเล็กไม่เพียงพอ สถานที่คับแคบ  จึงอยากขอพึ่งบารมีนายกรัฐมนตรีให้จัดสรรงบประมาณจำนวน 250 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว รวมถึงจะนำไปพัฒนาสถานที่จอดรถให้กับประชาชนด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับทราบพร้อมกล่าวว่าจะส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณา


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า หัวใจสำคัญของการพาคณะนักธุรกิจภาคเอกชน ไปเยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ เพื่อส่งเสริม ต่อยอดและขยายผลผลิตภัณฑ์จากโครงการต่างๆ เนื่องจากเห็นว่าภาคเอกชน มีเครื่องมือ มีเทคโนโลยี มีช่องทางการตลาดที่ดี ดังนั้นเกษตรกรรายย่อยและรายกลางที่อยู่ภายในโครงการพระราชดำริ  ที่ยังเข้าไม่ถึงการตลาดและมีต้นทุนการผลิตที่สูง  ภาคเอกชนเหล่านี้จะสามารถเข้ามาให้ความช่วยเหลือ เพื่อลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและปรับปรุงคุณภาพให้สามารถขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้น   อีกทั้งยังเข้าถึงช่องทางการตลาดที่สามารถจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้นและกว้างกว่าตลาดที่ขายอยู่ในปัจจุบัน


“หัวใจสำคัญของการพากลุ่มธุรกิจมาดูโครงการพระราชดำริที่เชียงใหม่ในวันนี้ครับ เกษตรกรผู้ผลิตต้องเข้าถึงปลายน้ำ ผู้ขายรายใหญ่ การเข้าถึงช่องทางการขายคือสิ่งที่เกษตรกรทุกท่านต้องการ ทางผู้ขายช่วยเหลือในเรื่องเทคโนโลยี ช่วยหาทางลดต้นทุน ปรับปรุงคุณภาพ ขายของในราคาที่สูงขึ้นได้ เกษตรทั้งรายย่อยรายกลางจะได้พัฒนาได้ตรงจุด  ซึ่งวันนี้จะไป 4 ที่ คือศูนย์พัฒนาไม้ดอกไม้ผลในโครงการพระราชดำริบ้านไร่ ตลาดจริงใจมาร์เก็ต เขื่อนแม่กวงอุดมธารา สนามกีฬา 700 ปี ผู้ขายรายใหญ่ ต้องร่วมช่วยเกษตรกรตัวเล็ก” นายกรัฐมนตรีกล่าว


สำหรับจุดแรกนี้ มีความสำคัญ คือ การพัฒนาพันธุ์ไม้ดอกและไม้ผล  ให้เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่โครงการพระราชดำรินำกล้าไม้ไปปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตตามที่ตลาดต้องการ  โดยโครงการพระราชดำริดังกล่าวนอกจากจะเป็นศูนย์ในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ไม้เศรษฐกิจแล้ว  ยังเป็นส่วนในการหาตลาดให้กับเกษตรกรที่อยู่ในโครงการด้วย  พันธุ์ไม้ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จในโครงการนี้ ได้แก่ กล้วยไม้แวนด้า ดอกปทุมมา ดอกไฮเดรนเยีย  และล่าสุดต้นวาซาบิ ที่สามารถขายได้กิโลกรัมละเกือบ 10,000 บาท


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวกับคณะนักธุรกิจภาคเอกชนที่ร่วมเดินทาง ว่า วันนี้เป็นการคิกออฟ หลักสูตรรวมมิตร ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ารวมมิตร พวกเรามาทำงานเพื่อประเทศชาติ  ครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมแรก และจะไปอีกหลายที่ พบปะสังสรรค์กับ สสนพื้นที่ หน่วยงานราชการ โดยมีจุดมุ่งหมายที่ดี  ย้ำว่าทุกคนในที่นี้เป็นคนที่มีฐานะดี  ในฐานะตนเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน เพราะวันนี้เป็นนักการเมืองแล้วต้องการโอกาสจากพวกท่าน  เชื่อว่าพวกท่านเห็นแววตาที่มีการบรรยายและเห็นความตั้งใจจริงแต่แฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ซึ่งตนในฐานะที่เป็นนักการเมืองไม่ได้มาพูดคำหวานอย่างเดียว ก็ต้องให้กำลังใจ และทำงานให้เป็นรูปธรรม ตนคิดว่า ประชาชนเขาไม่ต้องการเงินของท่าน แต่สิ่งที่เขาต้องการ คือ Love and attention (ความรักและความเอาใจใส่) จากทุกท่านในที่นี้  จึงอยากขอให้นักธุรกิจได้เสริมสร้างศักยภาพผลิตภัณฑ์ของประชาชนชาวไทย เพื่อให้พวกเขาสร้างรายได้ให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักของโลก


นายก ฯ ยังกล่าวด้วยว่า วิดีโอของโครงการนี้ที่เปิดให้ชม หากถามในแง่การตลาด พวกเราที่เป็นนักธุรกิจตรงนี้ต้องเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่การนำเสนอขายดอกไม้เป็นเรื่องการนำเสนอที่ต้องดูแล้วอะเมซิ่งตื่นเต้น  มองจากมุมมองนักธุรกิจ ต้องดูโครงสร้างด้านพณิชยการ ทางด้านการบิน เป็นเรื่องสำคัญ การจะอัพเกรดของดีในประเทศไทยถือเป็นวาระแห่งชาติ และในวันที่ 1 เดือนมีนาคม ตนจะประกาศครั้งใหญ่ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค


ส่วนเรื่องของงบประมาณ รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ ตนมีหน้าที่ดูแล ดังนั้น KPI เป็นเรื่องสำคัญ ขอนำเสนอมิติใหม่ โดยอยากให้สำนักนายกรัฐมนตรีมาทำงานร่วมกัน เพื่อให้รู้ว่าลงทุนไปแล้วจะได้อะไรบ้าง อยากให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมด้วย เชื่อว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ ในหลายๆ เรื่อง ที่เราจะพัฒนากันต่อไป ขอบคุณกลุ่มรวมมิตรทุกท่านที่มา แต่สำคัญที่สุดของท่านคือเวลา การที่สละเวลามาวันนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ โดยเฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ระหว่างรัฐบาลและกลุ่มรวมมิตร ที่มาจังหวัดเชียงใหม่ คราวต่อไปหากไปจังหวัดยะลาขอให้ห้องเป็นแบบนี้บ้าง


จากนั้นนายกรัฐมนตรี พาคณะเยี่ยมชมนิทรรศการ  ซึ่งมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาจากผลผลิตทางการเกษตร จากข้าว อ้อย เห็ด ผัก ผลไม้ สัตว์น้ำ อาทิ ผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบศิลาดล และผลิตภัณฑ์ข้าวก่ำอินทรีย์ จากพัฒนาชุมชนอำเภอดอยสะเก็ด น้ำผึ้งจากดอกกาแฟจากกลุ่มเลี้ยงผึ้งบ้านปางจำปี น้ำผึ้งจากดอกไม้ธรรมชาติจากกลุ่มเลี้ยงผึ้งปางกำแพงหิน จานใบไม้ จากศูนย์เรียนรู้ฯ ป่าชุมชนบ้านต้นผึ้ง ผลิตภัณฑ์เส้นฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ จากโครงการพัฒนาพื้นที่ห้วยลานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และได้รับมอบหัวพันธุ์ปทุมมา (ดอกกระเจียว) เป็นที่ระลึก


บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยตัวแทนเกษตรกรได้รวบรวมรายการผลิตภัณฑ์ นำมาเสนอให้กลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากศูนย์ศึกษา การพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ศูนย์สาขาและเกษตรกรและเกษตรกรภายใต้การขายใต้การขยายผลของศูนย์ศึกษาพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาทิ เครื่องเคลือบศิลาดล ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกาแฟ ผลิตภัณฑ์เส้นฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว-อ้อย เป็นต้น


เวลา 11.45 น.  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง  นำคณะนักธุรกิจภาคเอกชน เยี่ยมชมตลาดจริงใจ  ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่  ซึ่งเป็นตลาดเอกชนที่นำสินค้าชุมชนและเกษตรกรที่กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาให้การสนับสนุน มาขายโดยตรงให้กับผู้บริโภค ซึ่งมีทั้งสินค้าเกษตร เช่น ผักผลไม้และสินค้าหัตถกรรมของชาวบ้านที่มีรายได้น้อย และไม่มีช่องทางในการจำหน่าย เช่น ผักปลอดสารพิษ กาแฟ เสื้อผ้าที่ผลิต หรือถักทอ จากกลุ่มแม่บ้าน บนพื้นที่สูง โดยประชาชนได้มอบดอกกุหลาบสีแดง พร้อมสติ๊กเกอร์ข้อความ “รักนายกเศรษฐา”


นายกรัฐมนตรี ได้เดินเยี่ยมชมร้านขายสินค้าต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค และร้านกาแฟ เป็นต้น  โดยตลอดเส้นทาง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจ มาขอถ่ายรูปและทักทายนายกฯ ซึ่งนายกฯ ก็ได้เชิญชวนให้มาท่องเที่ยวประเทศไทยอีกและบอกว่าประเทศไทยมีของดีอีกมาก


เวลา 13.45 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปเยี่ยมชมสินค้าและผลิตภัณฑ์จากโครงการตามพระราชดำริ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด  โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้เรียนหลักสูตรรวมมิตรมาร่วมด้วย


นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งโพรงจากดอกกาแฟ ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า จะซื้อผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งฯ และไม่ได้ซื้อแค่ล็อตเดียวแต่จะซื้อตลอดไป จากนั้นได้เยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนป่าต้นผึ้ง ผลิตภัณฑ์เครื่องจักรสารจากไม้ไผ่ ผลิตภัณฑ์จากเมี่ยงและผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์จากใบไม้ และยังได้เซ็นชื่อลงในจานเครื่องปั้นศิลาดลที่มีภาพของตัวเองอุ้มช้างที่ทำจากศิลาดล ซึ่งเป็นภาพเมื่อครั้งที่นายกฯ เคยลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนมอบพันธุ์ปลาเพื่อปล่อยลงเขื่อนแม่กวงอุดมธารา


ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีได้แวะชิมน้ำอัญชันมะนาว และได้เรียกบรรดานักธุรกิจที่ร่วมคณะมาชิม โดยแนะนำให้บางกอกแอร์เวย์นำไปเสิร์ฟบนเครื่องบินด้วย เพราะการบินไทยมีเสิร์ฟอยู่แล้ว และเมื่อมาถึงบูธที่มีการนำเฉาก๊วยมาให้ชิม นายกรัฐมนตรี พูดติดตลกว่า “จากนี้จะเลิกกินเฉาก๊วยแล้วเพราะหมาที่บ้านชื่อเฉาก๊วย”


จากนั้น ติดตามการทำเวิร์คช้อปของกลุ่มรวมมิตรกับเกษตรกร ที่นำผลิตภัณฑ์การเกษตรมาแปรรูป อาทิ ผลิตภัณฑ์แปรรูปประเภท กระเทียม มะม่วง ผักกาดเขียว ผลิตภัณฑ์แปรรูปประเภทอ้อย ผลิตภัณฑ์แปรรูปประเภทเห็ดสมุนไพร เป็นต้น


ระหว่างเวิร์คช็อปนายกรัฐมนตรี ได้รับการร้องขอจากชุมชนและตัวแทนกลุ่มรวมมิตร ว่า สิ่งที่ติดขัดตอนนี้คือ เรื่องของแหล่งเงินทุน นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคเรื่องการขอใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย.) ซึ่งทำให้การตลาดยังมีปัญหาในเรื่องของมาตรฐาน เสียโอกาสการนำผลิตภัณฑ์ไปเสนอขาย


ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับปากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเร่งบูรณาการ พร้อมยอมรับว่าในเรื่องของ อย.มีปัญหามาก โดยเฉพาะเรื่องขั้นตอนต่างๆ ส่วนเรื่องแหล่งเงินทุน ได้มอบหมาย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดูแล และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เข้ามาดูแลในเรื่องการหาแหล่งเงินทุนให้


เวลา 16.00 น. ภารกิจสุดท้ายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการนำคณะผู้เรียนหลักสูตรรวมมิตร มาลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ คือ ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม เพื่อเยี่ยมชมกิจกรรมการแสดงมวยไทยและชมการไหว้ครูของเยาวชนมวยไทย รวมถึงชมการแสดงศิลปะการไหว้ครูของ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว บัญชาเมฆ และโชว์การชกมวยกับนักมวยชาวต่างประเทศด้วย  ซึ่งถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งของประเทศไทย โดยบัวขาว บัญชาเมฆได้รวบรวมค่ายมวยไทยที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ มาจัดแสดงให้เห็นว่าศิลปะแม่ไม้มวยไทยเป็นที่รู้จักและนิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาประเทศไทย  เพื่อมาเรียนศิลปะแม่ไม้มวยไทย  ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนและต้องการให้มวยไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก สามารถทำรายได้ให้กับผู้ฝึกสอนและนักมวยไทย


โดยจุดนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และ สส.ของพรรคเพื่อไทย มาร่วมลงพื้นที่ด้วย เช่น น.ส. จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด  , น.ส. ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด ,  น.ส. ชนก จันทาทอง สส.หนองคาย ,  น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี และนายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  


โดยนายกฯ ได้ชมการแสดงอย่างตื่นเต้นและสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงเชียร์จากผู้เข้าร่วมชม  โดยเฉพาะช่วงการโชว์อาวุธแม่ไม้มวยไทยของบัวขาว บัญชาเมฆ และพญาหงส์ บัญชาเมฆ นักมวยหญิง แชมป์ K1 ที่โชว์แม่ไม้มวยไทยได้อย่างถึงใจ


ขณะที่นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจอย่างมากและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาอยู่ที่นี่ ตนขออนุญาตเป็นตัวแทนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ บอกเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังทำเกี่ยวกับมวยไทยโดยตรง มวยไทยจะต้องไปโอลิมปิกโลกให้ได้ หลายๆ ท่านที่อยู่ในที่นี้ เชื่อว่าอยากเห็นภาพของตัวเองไปยืนอยู่บนเวทีโลก มันคงไม่ใช่ความฝันแค่ของตัวเอง แต่เป็นความฝันของคนที่ท่านรักด้วย และแน่นอนเป็นความฝันของคนไทยทุกๆคน  ซึ่งการดำเนินงานด้านกีฬาทั้งหมด จะนำโดยผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานอนุกรรมการด้านกีฬาในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ซึ่งจะรู้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นของมวยไทย


นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า การที่จะบอกว่ามวยไทยเป็นโอลิมปิกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่รัฐบาลเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปอย่างแน่นอน เราจะต้องสร้างรากฐานมาตรฐานต่างๆให้มวยไทยมีรากฐานที่มีการยอมรับที่ชัดเจนขึ้น เราจะตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติ เพื่อเป็นศูนย์กลางของการสร้างมาตรฐาน มีหลักสูตรมวยไทยที่ชัดเจนเป็นระบบ และมีความรู้ที่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาดูมวยไทย จะได้ความรู้ต่างๆที่เกี่ยวกับมวยไทยไปด้วย เหมือนที่ประเทศเกาหลีใต้ที่มีโค้ชเช เช ยอง ซอก ที่มาเป็นโค้ชเทควันโดทีมชาติไทย โดยตรงในอนาคตจะมีการวัดระดับมวยไทย ก็จะมีความชัดเจนขึ้นเพื่อวัดองค์ความรู้ให้กับวงการ


นอกจากนั้นก็จะยกระดับอาชีพครูมวยให้มีใบประกอบวิชาชีพและพัฒนาองค์ความรู้ทั้งระบบทั้งเรื่องของการสอนมวย และค่ายมวย รวมไปถึงการจัดแข่งขันมวยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ถือเป็นการสื่อสารจากหนึ่งกีฬาของไทยสู่สายตาโลก   ซึ่งตนและนายกฯ ได้มีโอกาสไปดูเวทีมวยวันแชมเปี้ยนชิพ ที่สนามมวยลุมพินีได้เห็นฝีมือคนไทยถือว่าเก่งมาก


“เราจะทำค่ายมวยไทยในต่างประเทศให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีกว่า 40,000 ค่ายมวยแล้ว เราอยากให้มีมากกว่านี้ โดยมีระบบจัดสรรให้ดียิ่งขึ้นและที่สำคัญ รัฐบาลได้มองเห็นว่า มวยเป็นการกีฬาของไทยที่โดดเด่น จึงอยากจะให้เป็นศูนย์กลางของการกีฬาที่จะได้เผยแพร่วัฒนธรรมไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นการไหว้ครู รวมถึงเสื้อผ้า ให้เป็นการส่งออกทางวัฒนธรรมได้ เพราะมวยถือเป็นอาวุธสำคัญ ทำให้ต่างชาติรักเมืองไทยได้ง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลได้มองเห็น ซึ่งเราจะพัฒนาทั้งระบบให้มากขึ้นและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น”


จากนั้นบัวขาว ได้มอบกางเกงนักมวยและนวมให้กับนายกรัฐมนตรี และนางสาวแพทองธาร ขณะที่นายกฯ ได้เซ็นชื่อบนนวมให้กับนักมวยค่ายบัญชาเมฆ เชียงใหม่ด้วย


ทั้งนี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมถ่ายรูปออกแอ็กชั่นแลกหมัดกับบัวขาวด้วย


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังนำภาคธุรกิจลงพื้นให้พบเกษตรกรที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ถือเป็นครั้งแรกที่นำภาคธุรกิจลงพื้นที่ จึงขอขอบคุณนักธุรกิจ รายกลางใหญ่ รายกลาง รายย่อยที่มาเรียนในหลักสูตรรวมมิตร ที่สละเวลามา เพราะเป็นเวลาที่ต้องทำมาหากิน และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้โอกาสช่วยกันในระยะยาว ซึ่งต้องการให้ภาคธุรกิจ ช่วยเปิดตลาดให้ เพราะเรามีของดีหลายอย่าง อย่างเช่นเมื่อวานนนี้ก็มีชาวเขา ที่ทำอาชีพปลูกกาแฟ เห็นว่ามีกาแฟเหลืออยู่เยอะมาก ก็มีภาคธุรกิจรับซื้อไว้ทั้งหมด ถือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วย อยากให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นอีกบ่อยๆจะได้มีความใกล้ชิดกันเพิ่มมากขึ้น มีปัญหาอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน มีมากก็ให้มาก มีน้อยก็ให้น้อย ไม่มีก็ไม่ต้องให้


ส่วนปัญหาที่เกษตรกร ร้องเรียนเรื่องการขอใบอนุญาตอาหารและยา หรือ อย. นายกฯยอมรับว่า มีปัญหาจริง และมีปัญหาหลายอย่างทั้งการเปิดตลาด ก็จะให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ไปช่วยดูให้ เเละเรื่องแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ได้เดินทางมากับนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่เป็นส.ส.ในพื้นที่ ที่ดูเเลเรื่องนี้อยู่เเล้ว จึงรับเรื่องไว้ว่าจะไปดูเรื่องแหล่งเงินทุน และเรื่องใบอนุญาตต่างๆและเป็นเรื่องบังเอิญที่ตนเดินทางไปดาวอส มีสินค้าเวชภัณฑ์ ยารักษาโรคต่างๆที่เข้ามา และติดปัญหาเรื่องเหล่านี้เยอะ ซึ่งจะไปดูเรื่องนี้แบบบูรณาการ ซึ่งหากมีขี้นตอนเอกสารเยอะ ส่งผลให้ใบอนุญาตออกมาช้า ก็จะไปช่วยปรับปรุงในเรื่องนี้


ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ ถึงวัตถุประสงค์การเลือกจังหวัดระนองเป็นพื้นที่การประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่อย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ว่า ครม. สัญจรนัดแรกไปภาคอีสานมา ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ครั้งนี้เป็นภาคใต้ ครั้งต่อไปเป็นภาคเหนือ สลับสับเปลี่ยนกันไป จะต้องไปดูแลให้ทั่วถึง รับฟังปัญหา พร้อมชี้แจง โอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งคนที่เห็นด้วยแล้วไม่เห็นด้วย รวมถึงเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์


ส่วนที่มีรายงานข่าวว่าอาจจะมี ประชาชนมาแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะการคัดค้าน โครงการแลนบริดจ์ เตรียมจะชี้แจงอย่างไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าก็ต้องมีการชี้แจง และมีการชี้แจงตลอด เวลาเราลงพื้นที่ ก็มีคนมาร้องเรียน ขอใช้คำว่า ร้องเรียนทุกเรื่องอยู่แล้ว รัฐบาลมีหน้าที่ต้องรับฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ราคาพืชผล หรือเรื่องอื่นๆ ก็ต้องรับฟังอยู่แล้ว


นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าโครงการแลนด์บริดจ์จะทำให้เกิดประโยชน์ แต่ก็ต้องไปพูดคุย คิดว่า ยังทำได้อีกในแง่ของการสื่อสาร และรับฟังความคิดเห็น



https://youtu.be/75VqjC16qOY

คุณอาจสนใจ

Related News