เลือกตั้งและการเมือง

'จตุพร' เผย 'ทักษิณ' เป็นนักโทษต่ำปี สามารถได้รับการพักโทษ - 'พิธา' มอง ขออภัยโทษ เป็นสิทธิของ 'ทักษิณ'

โดย weerawit_c

3 ก.ย. 2566

777 views

หลังจากที่เมื่อวันที่ 1 กันยายน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโทษจำคุกทั้งหมด 8 ปี เหลือเพียง 1 ปี เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป


เมื่อวานนี้ ( 2 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงถึงฉากทัศน์ความเป็นไปหลังจากนี้ของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอยู่ในระหว่างรับโทษจำคุก 1 ปี และยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจว่า เดิมศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน 3 คดี คือ คดีที่ 1 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี คดีที่ 2 ความผิดต่อตำแหน่งนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี ซึ่งภายหลังศาลให้นับโทษสูงสุดแทน จึงรวมโทษจำคุกคดีที่ 1 และ 2 เป็น 3 ปีแทน และ คดีที่ 3 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม กำหนดโทษจำคุก 5 ปี จึงรวมกำหนดโทษจำคุกทั้งสิ้น 8 ปี


เมื่อมีพระราชทานอภัยลดโทษลงมา จึงเหลือเพียงปีเดียว เท่ากับว่านายทักษิณเหลือโทษจำคุกเพียง 1 ปี จากนั้นอาจจะต้องไปดูในเรื่องของชั้นนักโทษของนายทักษิณตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังและการแยกคุมขัง การเลื่อนหรือลดชั้นนักโทษเด็ดขาด การลดวันต้องโทษจำคุกและการพักการลงโทษ พ.ศ. 2559 โดยนายทักษิณเดินทางกลับเข้าประเทศไทยและเข้ามาเป็นนักโทษในเดือนสิงหาคม ทำให้นายทักษิณจากที่เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง จึงถูกปรับเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีโดยอัตโนมัติ ตามระเบียบดังกล่าวที่กำหนดไว้ว่า ให้นักโทษเด็ดขาดที่เข้าเรือนจำในเดือนสิงหาคม ถูกเลื่อนชั้นจากนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี ทั้งนี้ หากผู้ต้องขังรายใดเข้าเรือนจำฯ ในเดือนกันยายน ก็จะต้องรอรับการปรับชั้นนักโทษในเดือนธันวาคม


เมื่อถามว่าในกรณีของนายทักษิณนั้น จะได้รับการลดโทษลงอีกในวันสำคัญต่างๆ หลังจากนี้หรือไม่ หรือต้องรับโทษจำคุก 1 ปี โดยไม่มีลดหย่อนตามที่นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรักษาราชการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่าพระราชอำนาจเด็ดขาดนั้น แหล่งข่าวระบุว่า เรื่องของการพระราชทานอภัยโทษตามวันสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะที่จะถึงในเร็ววันนี้คือวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ ซึ่งไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ว่าในวันสำคัญต่างๆ นั้น จะมีพระราชทานอภัยโทษหรือพระราชทานอภัยลดโทษให้อีกหรือไม่ เป็นสิ่งที่มิอาจก้าวล่วงได้


อย่างไรก็ตาม จะมีเรื่องเกณฑ์อายุของผู้ต้องขัง เช่น กรณีเป็นผู้ต้องขังสูงวัย พ่วงด้วยโรคอาการเจ็บป่วย ซึ่งอาจจะได้รับการพิจารณาพักโทษ ซึ่งทางผู้บัญชาการเรือนจำจะดำเนินการตรวจดูเรื่องหลักเกณฑ์ว่า ผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นดีรายใดเข้าเกณฑ์พักโทษ และรายงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ แล้วจะพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาอนุมัติ ท้ายสุดจึงจะแจ้งให้ผู้ต้องขังรับทราบ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบุคคลมีชื่อเสียงหลายรายที่ได้รับการพักโทษและออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้านนอก เพียงแต่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการรายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติ เช่น กรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทย กรณีของนายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นต้น อีกทั้งบางรายอาจจะมีการติดกำไลอีเอ็มสักระยะ แต่หากคณะกรรมการเห็นว่ามารายงานตัวปกติ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ก็จะอนุญาตปลดกำไลอีเอ็ม


แหล่งข่าวอธิบายอีกว่า ถือเป็นเกณฑ์ปกติสำหรับนักโทษเด็ดขาดที่ได้เข้าเกณฑ์การพักโทษ เช่น การเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี ไม่เคยประพฤติผิดวินัย หรือขณะที่อยู่ในเรือนจำมีความประพฤติดี ซึ่งเรือนจำฯ ก็จะมีการเสนอแจ้งไปยังผู้ต้องขังว่า เข้าเกณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ระหว่างการพักโทษ ผู้ต้องขังจะอยู่พื้นที่ใดก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะมีเงื่อนไข คือ ห้ามก่อคดี ห้ามกระทำความผิดระหว่างการคุมประพฤติ ดังเช่น ในกรณีของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่มีเงื่อนไขห้ามพูดเรื่องการเมือง เป็นต้น


ทำให้ในกรณีของนายทักษิณที่เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดี ทางคณะกรรมการอาจพิจารณาการพักโทษตามเงื่อนไขการที่ระบุไว้ข้างตน ส่วนเรื่องจำกัดรัศมีกิโลเมตรหลังการพักโทษนั้นแล้วแต่รายบุคคล เพราะบางรายอาจจะถูกเงื่อนไขจำกัดได้แค่พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ส่วนถ้าจะไปต่างจังหวัดก็ต้องดำเนินการแจ้งขออนุญาต อย่างไรก็ตาม การพักโทษจะเป็นความรับผิดชอบของหน้างานกรมคุมประพฤติและเมื่อจบกระบวนการพักโทษ จึงค่อยดำเนินการรายงานต่อศาล แล้วเข้าสู่กระบวนการปล่อยตัวตามวันเวลา เพราะถือว่าคดีสิ้นสุดแล้ว


เมื่อถามถึงเรื่องการนอนพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่โรงพยาบาลตำรวจ จะมีกรอบเวลาถึงเมื่อไหร่ แหล่งข่าวระบุว่า การนอนพักรักษาตัวของนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ จะนานเท่าใดก็ขึ้นอยู่ที่อาการความเจ็บป่วยหนักหรือเจ็บป่วยเบา ซึ่งจะต้องได้รับการประเมินวินิจฉัยจากแพทย์ผู้ทำการรักษา หากแพทย์ประเมินว่าจะต้องอยู่รับการรักษาต่อเนื่องก็ต้องอยู่ แต่ถ้าประเมินว่าอาการทุเลาดีขึ้นพิจารณาส่งกลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็สามารถกลับเข้าไปรับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้


แหล่งข่าวยังยืนยันด้วยว่า นายทักษิณได้ดำเนินการยื่นเอกสารขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา อันเป็นวันแรกที่นายทักษิณเดินทางกลับมายังประเทศไทยและถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งมีเอกสารประกอบการถวายฎีกา ทั้งคำพิพากษาของศาลรายคดี / เอกสารรายงานคุณงามความดี / ข้อมูลประวัติการรักษาอาการเจ็บป่วย / และหลักฐานอื่น ๆ ส่วนตัว แต่ภายหลังการยื่นนั้น ก็เป็นกระบวนการตรวจสอบเอกสารของทางเรือนจำฯ /กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม ไปตามลำดับชั้น จึงเป็นห้วงเวลาตามที่สังคมได้เห็นกัน 10 วันนับแต่วันที่ 22 สิงหาคม ก่อนปรากฏพระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566


ขณะที่ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ใจ!!" โดยระบุว่า เมื่อทักษิณ ชินวัตร ได้รับการลดโทษเหลือติดคุก 1 ปีแล้ว ย่อมเข้าเงื่อนไขได้รับพิจารณาให้พักโทษได้โดยทันที


นายจตุพร เห็นว่า ทักษิณ ได้ลดโทษจาก 8 ปี เหลือติดคุก 1 ปี มาเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ถ้าในปีนี้มีการอภัยโทษอีกครั้ง จะเข้าข่ายได้รับการพ้นโทษโดยอัตโนมัติ เพราะเหลือโทษติดคุกต่ำกว่า 1 ปี เข้าตามหลักเกณฑ์พิจารณาให้พักโทษได้


อีกทั้ง เห็นว่า เมื่อการพักโทษของทักษิณและขณะนี้เข้าเงื่อนไขแล้ว คงไม่มีคณะกรรมการพักโทษคนใดจะมีความเห็นคัดค้านเป็นอย่างอื่น อีกทั้งไม่ต้องเป็นภาระต่อรัฐบาลใหม่ด้วย


ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีพระราชทานอภัยลดโทษให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มองว่า เป็นสิทธิของ นายทักษิณในการขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งนี้อยากจะฝากรัฐบาลช่วยดูแลปัญหาระบบความยุติธรรม ในเรื่องเกี่ยวกับคนที่มีเงื่อนไขคล้ายๆกัน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันในประเทศไทย จึงขอฝากรัฐบาลไว้ด้วย


ส่วนมองว่าจะเป็นอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆหรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่า ก็เป็นสิทธิของนายทักษิณ


https://youtu.be/_EFI68jatuk

คุณอาจสนใจ

Related News