เลือกตั้งและการเมือง

'ปดิพัทธ์' ไม่กังวลผิด กม. ปมเลี้ยงหมูกระทะ ยันทำตามระเบียบ - 'วิโรจน์' ท้าเปิดงบรับรองประมุข ฝ่ายนิติบัญญัติ-บริหาร

โดย weerawit_c

20 ส.ค. 2566

995 views

วานนี้ (19 ส.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา กลุ่มองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ใช้งบรับรองแขก เลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภา จากเงินภาษีของ ปชช.เพื่อหน้าตาของตนเองถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่?”


ขณะเดียวกัน นายศรีสุวรรณ แจ้งสื่อมวลชนว่า วันจันทร์ที่ 21 ส.ค. 66 เวลา 10.00 น. จะไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวน ตรวจสอบ “รองฯอ๋อง” นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พรรคก้าวไกล รองประธานสภาฯ เพื่อวินิจฉัยว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติห้ามไว้ หรือไม่ เพราะกระทำการที่อาจขัด รธน.เกี่ยวกับผลประโยชน์ขัดกัน ประกอบมาตรฐานจริยธรรมฯ


ด้านนายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ทวีตรูปภาพเมนู “ผัดกะเพราหมูใส่มะเขือ” ทั้งที่อยู่ในกระทะ และในจานที่ส่วนมากได้รับประทานไปแล้ว พร้อมระบุว่า “ไม่ได้กินหมูกระทะ แต่ทำกระเพราหมูใส่มะเขือ ทำเองกินเองไม่คลุมเครือ ไม่มีงบหนุนจุนเจือ..ควักจ่ายเอง …จริง จริ๊ง…!!!!! ผัดกระเพราหมูสับ ใส่มะเขือ และหมากแข้ง(มะเขือพวง)…งบประมาณตัวเอง ไม่เกี่ยวสภาผู้แทนราษฎร … อดิศร เพียงเกษ 19 สิงหาคม 2566”


จากนั้นยังได้ทวีตข้อความอีกว่า "ควักเงิน ตัวเอง มีใครว่า แต่ล้วงเงิน ของประชา ใช่หน้าที่จะหาสง หาเสียง ต้องดูดี กินหมูกระทะ ทั้งที ต้องดูงาม…อดิศร เพียงเกษ 19 สิงหาคม 2566"


ด้านนายคริส โปตระนันทน์ หัวหน้าพรรคเส้นด้าย ได้ออกมาโพสต์ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า "พี่อ๋อง ซวยแล้ว งบรับรองไปเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้าน ทั้งหมด 370 คนละ 269 บาท = 99,530 บาท 1. งบรับรองไม่ได้ถูกใช้ในการรับรองในการปฏิบัติหน้าที่ของรองประธานสภา 2. คูปองมีชื่อ ปดิพัทธ์ พิมพ์ในคูปอง เสี่ยงติดคุกตลอดชีวิต ผิด ป.อ. มาตรา 147,151,152,157"


นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า "เวลาทำงานที่ต้องใช้เงินราชการ เขาทำกันแบบนี้ งบมี เจ้านายอยากใช้รายการสร้างสรรค์เพื่อรับรองสักแสนนึง   ก็บอกลูกน้องที่เป็นหน้าห้องให้ดำเนินการ หน้าห้องต้องถามทางการเงินว่า ใช้เงินก้อนดังกล่าวได้หรือไม่


การเงินตอบได้ก็ตอบ  ตอบไม่ได้ต้องถามหัวหน้า ไล่ขึ้นไปถึงรองเลขา หรือ เลขาธิการ  
หากไม่ได้ ต้องแจ้งให้เจ้านายทราบเป็นลายลักษณ์อักษร  หากเจ้านายยังอยากทำ ก็รับผิดเอง แต่หากยังไม่มีการสอบถามแต่ใช้โดยพละการไปก่อน  ถ้าจ่ายเงินส่วนตัว ก็เบิกไม่ได้ (ไม่เป็นความผิด)  แต่หากเป็นเงินยืมของราชการไปใช้ ก็เบิกไม่ได้  ต้องเอาเงินส่วนตัวมาคืนเงินยืม (ไม่มีความผิด) หากส่งหลักฐานเบิกแล้ว เบิกได้ รอ สตง. เข้ามาตรวจเป็นเรื่องเป็นราวครับ  หากพบว่าผิด ถือเป็นความผิดทั้งอาญา แพ่ง และวินัย ต่อทั้งเจ้านายและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดครับ เขียนให้ชัด ๆ แล้ว  งดสัมภาษณ์ เสียงไม่มีครับ"


ขณะที่ ดร.แทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการ ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และ ความเสมอภาคระหว่างเพศพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธาน สภา คนที่ 1 และนางอมรัตน์ โชคปมิตรกุล นัดหมาย เชิญชวน แม่บ้านสภากว่า 370 คนไปทานหมูกระทะโดยใช้งบรับรองของรองประธานสภาว่า ถือว่ามีเจตนาชัดเจน ว่าต้องการ ประชาสัมพันธ์ตัวเองและพรรคของตัวเอง เพราะนายปดิพัทธ์ ยังมีตำแหน่ง เป็นรองประธานสภาที่เพิ่งมีประเด็น ทำผิดกฎหมาย แล้วยังมาทำเรื่องสิ้นคิดผิดซ้ำอีก เข้าทำนองสุภาษิตไทยว่า "ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก" ใช้อำนาจอนุมัติเบิกงบหลวงจากภาษี ประชาชนมาใช้แบบนี้


ทั้งที่วัตถุประสงค์ก็ชัดเจนว่าต้องการให้เป็นงบรับรองแขกบ้านแขกเมือง หรือ คนสำคัญสำหรับระดับประเทศ แน่นอน เดี๋ยวคนของพรรคนี้ก็ต้องออกมาดราม่าต่อว่าแม่บ้านเป็นประชาชนเป็นคนที่มีความสำคัญ ซึ่งก็เท่ากับว่าการใช้วิจารณญาณ ในการแยกแยะระดับความสำคัญว่าอย่างไหนสำคัญ ระดับประเทศกับสำคัญ ระดับส่วนบุคคลมีปัญหา จนแทบไม่น่าเชื่อ ว่าต้องใช้ "คนระดับสมองหมอ ปัญญา คมคาย" ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความจงใจที่จะใช้งบประมาณผิดวัตถุประสงค์หรือไม่และจงใจในการมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์แสวงหาคะแนนนิยมให้กับตนเองโดยใช้งบประมาณของแผ่นดินมากกว่าที่จะใช้งบส่วนตัวในการเลี้ยงดูแม่บ้าน


นอกจากนี้ การกระทำแบบนี้ถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนด้วยหรือไม่ เพราะพรรคก้าวไกลยังเคยมี นโยบายที่จะ "ห้ามไม่ให้ใช้งบหลวงในการโปรโมทตัวเอง" โดย การที่ก่อนหน้านี้ ที่ยังไม่มีอำนาจ เที่ยวไปกล่าวหาคนอื่นต่างๆนานาแต่พอมีอำนาจ กลับทำหนักยิ่งกว่าคนอื่นโดย เฉพาะยังมีอดีต ส.ส.อย่างนางอมรัตน์ สมาชิก ก้าวไกลไม่ได้มีตำแหน่งในสภาแล้ว แต่กลับใช้โอกาสไปร่วมเสพสุขจากเงินภาษี ประชาชน อีกด้วยแปลว่าอย่างไร เพราะงานนี้ตนมองว่าคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือนายปดิพัทธ์ และพรรคก้าวไกล


ยิ่งช่วงนี้จะมีเลือกตั้งซ่อมถ้าหากพบว่าแม่บ้านที่ ไปร่วมรับประทานอาหารเป็นผู้มีสิทธิ์ เลือกตั้ง ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 3 ที่ระยอง ก็จะเข้าข่ายจัดเลี้ยงเพื่อจูงใจหรือซื้อเสียงด้วยซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายการเลือกตั้ง จึงอยากให้พรรคก้าวไกล ได้เตือนสติและเปลี่ยนตัวรองประธานเพราะไหนๆอีกไม่กี่วันก็ต้องลาออกอยู่ แล้วอย่าสร้าง ความอับอาย มัวหมองให้กับสภาอีกต่อไปเลย


ทางด้านนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะทำงานรองประธานสภาผู้แทนฯ คนที่หนึ่ง ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า “ที่ผ่านมาท่านอื่นในตำแหน่งเดียวกัน เคยใช้งบรับรองก้อนนี้ซื้อไวน์แพง ๆ ไปเลี้ยงดูปูเสื่อเพื่อนฝูงมิตรสหายมาแล้ว งบรับรองปีละ 2 ล้านของรองประธานสภาฯ เป็นดุลยพินิจของผู้ใช้ หมูกะทะไม่ได้แพงอะไร เมื่อเทียบกับไวน์ขวดละเป็นหมื่นเป็นแสน ให้คุณค่ากับสิ่งใดก็ใช้ได้ ไม่มีระเบียบใดห้ามไว้”


มีรายงานว่า นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็มอบของขวัญให้พนักงานทำความสะอาด เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 เว็บไซต์รัฐสภาไทยเผยแพร่ข่าวประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้พบปะพูดคุยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่พนักงานทำความสะอาดและพนักงานจ้างเหมาบริการ เนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่


เนื้อหาระบุว่า วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2563 เวลา 15.25 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้พบปะพูดคุยเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่พนักงานทำความสะอาดและพนักงานจ้างเหมาบริการ เนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ โดยมี นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมในการดังกล่าว


โอกาสนี้ นายชวน หลีกภัย ได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่มีความเสียสละในการทำหน้าที่ที่มีความสำคัญยิ่งไม่ต่างไปจากตำแหน่งอื่นๆ ในสำนักงาน พร้อมทั้งอวยพรให้ทุกคนมีความสุข ความเจริญตลอดปี พ.ศ.2564 จากนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มอบกล่องอาหารเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่พนักงานทำความสะอาดและพนักงานจ้างเหมาบริการ จำนวน 166 คน

ซึ่งในกรณีดังกล่าว แทนคุณ จิตต์อิสระ ยอมรับว่า นายชวน ได้นำงบจากส่วนเดียวกันมาใช้ คืองบรับรอง เพราะงบนี้เป็นอำนาจโดยตรงของประธานสภาที่สามารถใช้ได้ แต่ต้องใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน


เพราะขณะนั้น เกิดสถานการณ์โควิด-19 การทำหน้าที่ของนายชวน ก็เป็นการสั่งการผ่านข้าราชการประจำเป็นผู้จัดทำ และบนข้าวกล่องไม่ได้มีการติดชื่อป้ายที่บ่งบอกว่านายชวนเป็นคนดำเนินการ เป็นการสั่งซื้อข้าวมาแจก ก็แจกไป ไม่เหมือนกับกรณีของนายปดิพัทธ์


โดยนายแทนคุณกล่าวว่า “น่าจะเป็นงบรับรองเหมือนกัน แต่เป็นช่วงโควิด ช่วยคนที่เดือดร้อน”


ล่าสุดวันนี้ (20 ส.ค.) นายปดิพัทธ์ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ระบุว่า “เรียนตรง ๆ ว่ามันใช้ยังไงก็ได้จริง ๆ แต่ที่ผ่านมาไม่รู้คนอื่นใช้มีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ ผมมองว่าการที่ผมเอางบนี้มาเพื่อเลี้ยงแขกต่าง ๆ ในเวลาไปเจอทูต เจอนักการเมืองผมก็เลี้ยงอาหาร แต่ไม่เคยมีการเลี้ยงใหญ่ ๆ แต่พอผมบอกว่าอยากเลี้ยงแม่บ้านจังเลย ลองไปเช็กยอดให้หน่อยว่า ปรากฏว่ามี 370 คน ผลก็เลยบอกว่าเลี้ยงให้หมด ไม่ได้คิดอะไรเยอะ”


ส่วนการจัดทำคูปองที่มีชื่อของปดิพัทธ์อยู่ เจ้าตัว แจง ไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนจัดทำบัตรนี้ แต่จากการสอบถาม เจ้าหน้าที่เผยว่าจะมีการจัดทำคูปอง เพื่อนับและยืนยันจำนวนพ่อบ้านแม่บ้านที่จะเข้ามาทานหมูกระทะกับเงินที่จ่ายว่าเป็นเท่าไร เนื่องจากคนที่มาทานก็ไม่ครบ 370 คน แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนสั่งของตนเองแน่นอน


และจากประเด็นที่ “คริส โปตระนันทน์” โพสต์เฟซบุ๊กที่เนื่องจากบนบัตรมีชื่อตัวเอง กังวลไหม นายปดิพัทธ์ เผยว่าไม่กังวล เพราะใช้จ่ายงบก้อนนี้อย่างตรงไปตรงมา “ถ้าเปิดของอีกหลายหน่วยงานน่าจะเข้าคุกก่อนผมเยอะ”


และตนเองพร้อมชี้แจง เพราะเราทำตามระเบียบราชการทุกอย่าง ถ้าตนไปเลี้ยงนายทุนบริษัทหนึ่งในห้องรับรองหรู อาจจะต้องใช้ 2-3 แสน แต่พอไปเลี้ยงพ่อบ้านแม่บ้านกลับเป็นเรื่องเป็นราว เพราะว่าเขาไม่สมควรหรือ หรือว่าตนจะได้หน้า ยืนยันว่าไม่ได้ประโยชน์จากอะไรเลย


หรือที่"คุณอี้ แทนคุณ" โยงว่าเลี้ยงแม่บ้านเพื่อหวังผลเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง “ตนเป็นสส.พิษณุโลก จะไปหวังผลเลือกตั้งซ่อมระยอง ไปกันใหญ่แล้ว ผมว่าสังคมมีสติ ๆ หน่อย”


ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ใช้งบรับรอง รองประธาน เลี้ยงหมูกะทะ แม่บ้านสภา370 คน โดยย้อนถามกลับว่าปกติทราบกันหรือไม่ ว่างบดังกล่าวเคยใช้รับรองใครที่ไหน ไปเลี้ยงญาติใครเลี้ยงนักการเมือง ในกลุ่มของตัวเอง หรือไปกินกันที่ไหนมีอาหารอะไรมีไวน์มีคาเวียร์หรือไม่ และหลายครั้งก็มีการ เลี้ยงข้าราชการระดับสูง


ซึ่งเป้าหมายของการใช้งบดังกล่าวคือ การปรึกษาหารือประชุม เพื่อปรับปรุงงาน และในกรณีเลี้ยงหมูกระทะก็มีการประชุมกันจริง เพื่อปรึกษาหารือในมุมมองของแม่บ้านสภา เพื่อปรับปรุงการทำงานในสภา ดังนั้นจึงขอถามว่าแม่บ้าน ไม่ใช่ข้าราชการสภาระดับสูง แม่บ้านไม่มีศักดิ์ศรีพอ ที่จะเป็นแขกของ รองประธานสภาหรือ จึงไม่มีสิทธิ์ใช้งบรับรองตรงนี้ แม่บ้านซึ่งถือเป็นคนปฏิบัติงานรากหญ้าที่สุด จะรับฟังเสียงไม่ได้เลยถือเป็นเรื่องแปลกที่สุด หรือจะต้องจัดเลี้ยง บุฟเฟ่ต์หัวแพงๆ500-600 หรือ1,000บาทในสภา การไปกินหมูกะทะถูกเกินไปหรือ เหมือนกรณีที่เคยเปิดเผยข้อมูลกางเกงในทหารที่ จัดซื้อ ราคาแพงกว่า 3 เท่า ต้องการให้เงินภาษีไปรับรอง เฉพาะการประชุมระดับสูงเท่านั้น ให้ลองฉุกคิดกันดู


"หัวหนึ่ง อู้หู เฮ้ย มีการส่งเงินทอนกัน ไปกินอะไรที่ไหนตรงนั้นเรียกว่าลับลอง ใช้ ล ลิง เพราะคือลับ และลองของ"


นายวิโรจน์ กล่าวว่าที่สื่อมวลชนรับทราบเพราะเป็นการเปิดเผยโปร่งใส ว่าประชุมเรื่องอะไรที่ไหนใช้งบเท่าใด ดังนั้นจึงขอให้มีการเปิดเผยการใช้งบประมาณรับรองของประธานวุฒิสภารองประธานวุฒิสภารวมถึงประธานสภาและรองประธานทั้งหมด ตั้งแต่ในอดีตว่าได้ไปใช้เลี้ยงใครที่ไหน เพราะคิดว่าการนำงบไปใช้เลี้ยงนักการเมืองในกลุ่มตัวเองหรือข้าราชการระดับสูง ไม่ได้งานอะไร ทั้งนี้ส่วนตัวคิดว่าหากดำเนินการอะไรที่ผิดระเบียบข้าราชการคงไม่แนะนำ และในฐานะที่ทำงานในกรรมาธิการ งบอะไรที่เบิกได้หรือเบิกไม่ได้ ข้าราชการต้องตรวจสอบระเบียบอยู่แล้ว และถ้าทำแบบเดิมที่ทั้งเลี้ยงกันเอง กินอาหารแพงๆเปิดไวน์กิน เป็นเรื่องห่วยๆที่ทำกันจนเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า


ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้ก่อตั้ง กลุ่มองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เตรียมไปร้องเรียนนายวิโรจน์ มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าไม่ร้อง สิแปลก แต่อยากให้นายศรีสุวรรณร้องเพื่อให้เปิดเผยข้อมูลการใช้งบประมาณ รับรอง ของประทานวุฒิสภารองประธานวุฒิสภาและ ประธานสภาคนก่อนๆด้วย รวมถึงในยุค สนช.ด้วยจะดีมาก รวมไปถึงงบรับรองของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เดี๋ยวรอให้ครบไม่ใช่ร้องเฉพาะบางเพลงหรือเฉพาะบางคน พร้อมทิ้งท้ายว่าหากเปิดงบมาอาจจะต้องร้อง เฮ้ย.. อู้หูกันเยอะแยะแน่นอน อยู่ที่ว่าจะกล้าเปิดหรือไม่


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/NDDVA7LzEvQ

คุณอาจสนใจ

Related News