เลือกตั้งและการเมือง

'วิโรจน์' ชี้เป้าตัดตอนสมุนไอทีวี กระชากหน้ากากแก๊งเตะตัดขาขวางตั้งรัฐบาล - 'โรม' ข้องใจ ทำไม 'พิธา' จะนั่งนายกฯ ถึงมีอุปสรรคมากมาย

17 มิ.ย. 2566

676 views

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เผยถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า เมื่อกรณีหุ้นไอทีวีถูกกระชากหน้ากากออกมา ทำให้ประชาชนเชื่อว่าขบวนการไอ้โม่งมีอยู่จริง และถูกกระชากออกมาเกือบหมดแล้ว คนที่เป็นนายเริ่มถีบหัวส่งลูกสมุน ส่วนลูกสมุนแต่เดิมก็เสียงแข็ง แต่เท่าที่ติดตามการให้สัมภาษณ์ช่วงหลังๆของลูกสมุน พบว่าไม่ได้มาขู่ฝ่ายตรงข้ามหรือก้าวไกล แต่ขู่ผู้บงการและลูกสมุนด้วยกันเองมากกว่า ว่าอย่าทิ้งเขา ถ้าทิ้งก็จะมีหลักฐานล่อคืนเหมือนกัน


ดังนั้น ถ้ายังมีขบวนการสกัดกั้นการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ คุณจะเจอการขุดคุ้ยโยงการตรวจสอบจากภาคประชาชนอย่างเข้มข้นแน่นอน เพราะตอนนี้ประชาชนมีสมมติฐานแล้ว ถ้ามีเหตุอะไรที่ยกขึ้นมาขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาล หรือขัดขวางนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ให้เป็นนายกฯ ประชาชนจะมีสมมติฐานที่ไม่เชื่อโดยทันที จะช่วยกันขุดและโยงหาคนที่อยู่เบื้องหลัง เหมือนการตรวจสอบเอกสารรายงานงบการเงินของไอทีวี


จากคลิปวิดีโอที่ออกมา ชัดเจนเลยว่ามีการวางแผนไว้ก่อน แต่ขบวนการคนถ่อยแบบนี้คงคิดว่าเขาฉลาด แต่ฉลาดในโลกยุคโบราณ ทุกอย่างใช้แต่เอกสารในการโยงกัน คนถ่อยเหล่านี้เก่งในเรื่องของการโยงเอกสารกับเอกสาร แต่คงลืมว่าโลกใบนี้เป็นโลกของดิจิทัลที่มีดิจิทัลฟุตปรินต์แล้ว ไม่สามารถกลับไปแก้ไขดิจิทัลฟุตปรินต์ที่เกิดขึ้นจากตัวคุณเองได้ นี่คือความโง่ ความเขลา และความไม่ทันโลก ความโง่เหล่านี้ประชาชนเขารู้ทันแล้ว หมดมุกหมดท่าไม้ตาย มันจบแล้วครับนาย รัฐบาลเดินหน้าได้ฉลุยแน่นอน


ส่วนกรณีที่ กกต.มีมติปัดตก 3 คำร้องถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ก่อนหน้านี้ ตั้งเรื่องไต่สวนตามมาตรา 151 แทนคิดว่าเรื่องนี้คือสัญญาณบวก เพราะการสู้ในเรื่องมาตรา 151 คือการรู้อยู่ก่อนว่าไม่มีคุณสมบัติแล้วมาสมัคร ในเมื่อศาลยังไม่ตัดสินจะไปกล่าวหาว่าเขารู้อยู่ก่อนได้อย่างไร เพราะเขาเชื่อโดยสุจริตว่าเขามีคุณสมบัติ คนที่กล่าวหาต้องมาพิสูจน์


เผลอๆ คนที่แจ้งมาตรา 151 มั่วๆอาจโดนแจ้งความเท็จแจ้งข้อมูลเท็จ กลั่นแกล้งให้บุคคลอื่นต้องโทษคดีอาญาก็ได้ หากกล้าก็แจ้งเลย การสู้ในศาลยุติธรรมมี 3 ศาล แต่เอามาตรา 151 มาเป็นชนักปักหลังแล้วไปซื้อเวลาเอา เผื่อดินฟ้าอากาศเปลี่ยน อาจสั่งให้มีอภินิหารในการเดินคดีได้ เอาชนักปักหลังแล้วไปต่อรองเอา มองอีกมุมถ้าเกิดใช้กลไก ส.ว.ได้ วิชามารเหล่านี้ไม่เกิดหรอก แสดงว่าด่าน ส.ว.ผ่านแล้ว


ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวกรณีนายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ส.ว.ไม่สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ชี้ขาดคุณสมบัติของส.ส.ได้ แต่มาตรา 82 ระบุว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจทำได้ จึงเห็นว่า กกต.มีหน้าที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเป็นที่สุด ว่า ทำไมการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถึงได้มีอุปสรรคหรือกระบวนการต่างๆ มากมาย


นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ทั้งที่ในความเป็นจริง นายพิธาไม่เคยมีกรณีทุจริตคอร์รัปชั่นจากการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งการที่นายพิธากำลังจะได้เป็นนายกฯ ก็มาจากการตัดสินใจของประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้เป็นการเล่นแร่แปรธาตุหรือใช้วิธีการโกงใคร ซึ่งหากย้อนเทียบตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง จะเห็นว่ากระบวนการเหล่านี้ มีลักษณะมุ่งหมายที่จะจัดการพรรคและนายพิธาอย่างเฉพาะเจาะจง


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าการใช้กระบวนการแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นและศรัทธา กลับทำให้ประชาชนรู้สึกโกรธต่อความไม่เป็นธรรมที่พยายามมุ่งเข้าสู่นายพิธาด้วย ซึ่งจะเกิดการตั้งคำถามที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ว่า การกระทำดังกล่าวเกิดจากการพยายามใช้กระบวนการทางกฎหมายทุกอย่างที่ไม่เป็นธรรม และจะนำไปสู่การทำลายกระบวนการยุติธรรมเสียเอง


สิ่งที่พยายามทำทั้งหมด คือ การนำต้นทุนทางกฎหมายและทุกอย่าง ไปใช้เพื่อสกัดกั้นนายพิธา ซึ่งสุดท้ายไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็คือการทำลายศรัทธาของประชาชนที่จะมีต่อระบบการเมืองและกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ดังนั้น ควรปล่อยให้มีการเดินหน้าต่อไปตามผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา นี่คือทางออกที่ดีสุดสำหรับประเทศไทยในเวลานี้



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/UKfE6cRXxmY

คุณอาจสนใจ

Related News