เลือกตั้งและการเมือง

‘พิธา’ ชี้ปม ‘ประธานสภาฯ’ เป็นเรื่องเล็ก เจรจากันได้ไม่ถึงขั้นโหวต ย้ำเชื่อใจ ‘เพื่อไทย’ ไม่ถอนตัวพรรคร่วมฯ

โดย petchpawee_k

27 พ.ค. 2566

8 views

“พิธา” เปิดวงเจรจาร่วมหาทางออก เก้าอี้ประธานสภาฯ หลังนักวิชาการเสนอพรรคที่ 3 นั่งประธานสภาฯ หรือแบ่งเก้าอี้คนละ 2 ปี เชื่อใจ “เพื่อไทย” ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล มองไปไม่ถึงจุดที่ต้องโหวต ระบุ ทุกคนมีสิทธิ หลังกองเชียร์ “เพื่อไทย” เตรียมกดดันถอนตัวพรรคร่วมฯ


วานนี้ (26 พ.ค.) นายพิธา ลิ้มเจริญ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ปัญหาเรื่องตำแหน่งประธานสภาที่นักวิชาการเสนอให้นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติเป็นประธานสภา หรือให้พรรคก้าวไกลและเพื่อไทยแบ่งกันคนละ 2 ปีว่าทั้ง 8 พรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องร่วมมือ ปรับจูนกัน ต้องมีการพูดคุยกัน ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันนี้



ซึ่งทั้งตนและประชาชนก็ได้ยินแล้วว่าแต่ละพรรคมีความต้องการ มีเหตุผลอย่างไร มีความตั้งใจอย่างไร คิดว่าทางที่ดีที่สุดคือน่าจะกลับไปพูดคุยกันผ่านทีมเจรจาที่เคยตั้งไว้ และเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน พยายามเดินหน้าเรื่องนโยบายในช่วงเวลา 1-2 เดือน ที่จะต้องทำนโยบายร่วมกัน และแถลงต่อรัฐสภา


 จึงคิดว่าตอนนี้น่าจะเหมาะสมที่จะกลับไปพูดคุยกัน ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับทีมเจรจา แต่คิดว่าคงมีการพูดคุยกันอยู่ได้เรื่อยๆ เชื่อว่าจะคุยกันอย่างรอบคอบ เอาประชาชนเป็นที่ตั้งและหาทางออกร่วมกันได้ เพราะยังมีงานที่ท้าทาย ที่ประชาชนไว้วางใจเราอยู่แล้ว เรื่องที่พูดคุยนี้อาจจะเป็นเพียงจุดหนึ่งเท่านั้น ต้องพยายามทำงานให้ประชาชนมีความหวัง ต้องจับมือกันให้แน่นขอให้ทีมเจรจาได้มีโอกาสทำงานไปก่อน



 นายพิธา ย้ำว่ายังคงเชื่อใจพรรคเพื่อไทย เชื่อใจทุกท่าน เวลาทำงานร่วมกันต้องเริ่มต้นด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกัน และเชื่อว่ารอยร้าวระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยสามารถสมานกันได้แน่นอน ตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการทำงานที่อาจจะมีความเห็นไม่ตรงกัน และมีการพูดคุยกัน แต่ถ้าสามารถเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และสามารถพูดคุยกันอย่างมีเหตุมีผล คิดว่าทุกอย่างมีทางออก



ส่วนที่จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมไปเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวจากการรัฐบาลในวันอาทิตย์ ที่ 28 พฤษภาคม นี้นั้น นายพิธา ระบุว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นส่วนหนึ่งของระบบประชาธิปไตย แต่เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกันแล้วและตอนนี้มีคนฝากความหวังไว้เยอะก็ขอให้เป็นหนึ่งในกระบวนการ ซึ่งกระบวนการสำคัญคือการพูดคุย ปรับจูนกัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อได้เหมือนที่ประชาชนไว้วางใจมีงานใหญ่รออยู่อีกเยอะ



ส่วนมีทางออกเรื่องตำแหน่งประธานสภาไว้ในใจหรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่า ตนคิดว่าทุกท่านมีทางออก คงไม่ใช่แค่ตนคนเดียว แต่ต้องให้เกียรติพรรคร่วมอีก 7 พรรคด้วย นี่เป็นการตั้งรัฐบาลครั้งที่ 30 ก็คงมีเรื่องอย่างนี้ทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าจะพูดคุยแสดงเหตุผลกันอย่างไร จะทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เสียกำลังใจไม่เสียความหวังไม่เสียสมาธิกับเรื่องใหญ่ของประเทศ



ส่วนเตรียมยื่นข้อเสนอให้กับพรรคร่วมเร็วๆ นี้หรือไม่ นายพิธา ระบุว่า มีโอกาสที่จะพูดคุยกัน แต่ทุกฝ่ายก็มีโอกาสที่จะเอาข้อเสนอมาวางบนโต๊ะเจรจาและใช้เหตุผลพูดคุยกัน ก็น่าจะหาทางออกได้



ส่วนจะต้องใช้วิธีการโหวตหรือหรือไม่นายพิธามองว่าตอนนี้คงไม่ต้องถึงจุดนั้น


ส่วนกรณี กกต. รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้วการเดินหน้าของรัฐบาลใหม่นั้นจะเป็นอย่างไรต่อนั้น นายพิธา ระบุว่า ก็เหมือนเดิม คณะกันเจรจาต้องทำงานให้หนักขึ้น ในส่วนของตนพยายามเดินหน้าทำให้การถ่ายโอนอำนาจไร้รอยต่อมากที่สุด สัปดาห์นี้เน้นไปที่ภาคเศรษฐกิจ โดยช่วงเช้าวันนี้ก็ไปสภาอุตสาหกรรมใหม่ เกี่ยวกับนวัตกรรม ช่วงบ่ายก็มาพบกับกลุ่มสุราไทยและคราฟท์เบียร์ ส่วนช่วงเย็นก็จะไปสภาแรงงาน เพื่อให้ทำงานไร้รอยต่อเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลต่อก็จะได้ทำงานได้ทันที

---------------------------------------

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า  ประธานสภาผู้แทนราษฎรและในฐานะประธานรัฐสภาต้องทำหน้าที่ประสานงานกับสมาชิกทุกพรรคการเมือง ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม และเป็นตัวแทนของรัฐสภาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงต้องมีความเหมาะสมในหลายประการ เพราะเป็นเบอร์หนึ่งของฝ่ายนิติบัญญัติ เรื่องประสบการณ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ความตั้งใจย่อมสำคัญกว่า ไปจนถึงความเหมาะสม บุคลิกภาพการวางตัวก็สำคัญ ส่วนวัยวัยอายุนั้น ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับยุคสมัยนี้ เดี๋ยวนี้คนหนุ่มคนเก่งเยอะ อาจจะดีกว่าผู้สูงอายุด้วยซ้ำไป



ตามธรรมเนียมส่วนมากก็เป็นพรรคอันดับ 1 ที่จะมานั่งทำหน้าที่ประธานสภาฯ นอกจากในบางครั้งที่มีความจำเป็นเท่านั้นอาจจะไม่ใช่พรรคอันดับ 1 ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อย ส่วนพรรคอันดับ 2 ที่ร่วมรัฐบาลและไม่ได้เป็นประธานสภาฯ จะได้โควตารองประธานสภาฯคนที่ 1 และพรรคอันดับ 3 จะถูกวางตัวเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตามลำดับ


 เมื่อถามว่า การที่มีความพยายามต่อรองของพรรคอันดับ 2 จะทำอย่างไร นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนก็อยากให้ คุยกัน ซึ่งยังมีเวลาจนกว่าจะมีการรับรอง ส.ส.ทั้ง 500 คน ควรจะคุยกันภายในให้ตกลงกันได้ระหว่างหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคทั้งสองฝ่าย ไม่ควรจะเอาความขัดแย้ง ไปกระจายออกข้างนอก เพราะประชาชนมีความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศและต่างประเทศได้ ถ้ามัวทะเลาะกันความเชื่อมั่นก็จะลดไป ดังนั้นไม่ควรเอาความขัดแย้งแสดงออกข้างนอก การสร้างความเข้าใจหาข้อตกลงที่ดี ควรทำเป็นการภายในจะดีกว่า


ส่วนพรรคเพื่อไทยควรจะยอมถอยหรือไม่นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ตนไม่ขอก้าวล่วงทั้งสองพรรค เพราะเป็นคนนอกพรรค พร้อมกับปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีความขัดแย้งระหว่างนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย มองว่าเป็นความเห็นแต่ละบุคคล ไม่ขอก้าวก่ายเช่นกัน


 “ผมไม่ขอก้าวล่วงทั้ง2พรรค เพราะเราอยู่คนละพรรค มันไม่ดี แต่เชื่อว่าการนั่งในตำแหน่งนี้มีความเหมาะสมทั้งสองพรรค ขึ้นอยู่กับข้อตกลงและความจำเป็น ส่วนจะจะต้องให้เกียรติพรรคก้าวไกลเสียงข้างมากอันดับ 1 หรือไม่ ก็เป็นการตัดสินใจ เมื่อเขาเป็นพรรคใหญ่ควรจะตกลงกันได้ เขารู้ว่าอะไรควรจะทำ ผมคิดว่าทุกอย่างจะตกลงกันได้”


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/H0zJ2_2L6DY

คุณอาจสนใจ

Related News