เลือกตั้งและการเมือง

อาคารกีฬาเวสน์ 1 แทบแตก! ‘ด้อมส้ม’ แห่ฟัง ‘ก้าวไกล’ ปราศรัยใหญ่ส่งท้าย ‘พิธา’ ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ ของคนทุกวัย

โดย petchpawee_k

13 พ.ค. 2566

441 views

'ก้าวไกล' เปิดปราศรัยใหญ่ส่งท้าย 'พิธา' ใส่สูทอุ้ม 'พิพิม' ประกาศพร้อมเป็นนายกฯของคนทุกวัย ลั่น ไม่ว่าจะเห็นด้วยกับผมหรือไม่ ผมก็ยังจะเป็นนายกฯของท่าน ย้ำเลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกด้วยความกลัว มองนายกฯคนต่อไปต้องพร้อมแก้ปัญหามรดกคนรุ่นเก่าที่ไปถึงคนรุ่นใหม่

วานนี้ (12 พ.ค.) ที่อาคารกีฬาเวสน์1 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยส่งท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.

บรรยากาศ มีประชาชนเข้ามาฟังอย่างคับคั่ง ภายในอาคารสามารถจุคนได้ 4,000 คน แต่ประชาชนที่เข้าไปนั่งฟังจริง คาดว่ามีประมาณ 10,000 คน เนื่องจากเจ้าหน้าที่นำเก้าอี้ออกและจัดให้ประชาชนนั่งพื้น ทำให้มีพื้นที่ในการจุคนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีสนามกีฬาโซนเอ้าดอร์ด้านนอก ที่รองรับคนได้ 7,000 คน มีจอ LED ให้มอนิเตอร์

การปราศรัยเริ่มตั้งแต่ 18.00 น. นางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล รับหน้าที่พิธีกร ขึ้นกล่าวบนเวที

จากนั้น นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล  เปิดปราศรัยว่า ถ้ายุบพรรควันนี้ เรามีพรรคใหม่เรียบร้อยแล้ว เราอย่ากลัว อย่าให้เขาใช้ความกลัวกดหัวพวกเรา ตอนนี้พวกเขากำลังดิ้น เราไม่กลัวแมลงสาบเพราะเลือกตั้งรอบนี้สูญพันธุ์แน่นอน ส่วนหนูผีก็สะดุดปล้องกัญชาล้มไปแล้ว พรรคพลังประชารัฐก็เละไปแล้ว สาบานสัญญาว่าตนจะคอยกำกับตรวจสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้  


วันนี้เราเข้ามาแก้แค้นไม่ได้มาแก้ไข แก้แค้นด้วยการออกกฎหมาย แก้กฎหมายป้องกันการทำรัฐประหาร รวมถึงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ให้สอดคล้องกับหลักสากล ลดโทษให้เหลือ 0-1 ปี ทั้งนี้เราต้องการให้พระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมืองและอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ทั้งต้องการตำรวจน้ำดี


ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกเพียงหนึ่งเดียวของพรรค กล่าวว่า เหลือเวลาอีกเพียง 2 วันเท่านั้น คำตอบสุดท้าย ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน อีก 2 วัน พวกเราทุกคนจะร่วมกันขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ กาก้าวไกล ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม และวันนี้ตนพร้อมแล้วที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน


นายพิธา กล่าวต่อว่า ในขณะที่เราปราศรัยมีน้องหยก เยาวชนอายุ 15 ปีถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ตนต้องการให้เราตั้งสติอย่างมีวุฒิภาวะ ว่าการกระทำของน้องหยกเหมาะสมหรือไม่ และตั้งคำถามกันชัดๆ ว่าสังคมกำลังสร้างกำแพงกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหรือไม่ และยอมรับหรือไม่ว่าสิ่งที่คนรุ่นใหม่กำลังเผชิญเป็นมรดกตกทอดมาจากคนรุ่นเก่า ที่นำสถาบันมาโจมตีกันทางการเมือง ถ้าคนที่เห็นแล้ว เกลียดการกระทำของคนรุ่นใหม่ ต้องตั้งสติให้ดี ว่าเป็นเราคนรุ่นก่อน ดังนั้นนายกคนต่อไป ต้องเป็นนายกฯในระบอบประชาธิปไตยอันมีประมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับสถาบันดีขึ้น หลัง 14 พ.ค. เราจะร่วมกันวางอิฐก้อนแรกในการเปลี่ยนแปลง


“วันนี้ผมพร้อมเป็นนายกของคนไทยทุกคนในประเทศ ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับผมหรือไม่ ผมก็ยังจะเป็นนายกของท่าน ไม่ว่าวันที่ 14 พ.ค.ท่านจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ผมพร้อมรับใช้ท่าน และผมจะฟังโดยเฉพะาคนเห็นต่างจากผม … และผมจะเป็นนายกที่ดีขึ้นเพราะท่าน ดังนั้น 14 พฤษภา เข้าคู่หากาก้าวไกลให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม เลือกอนาคต อย่าเลือกอดีต เลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกด้วยความกลัว คำตอบสุดท้ายชัดเจน ตรงไปตรงมา ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน และมีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง” นายพิธากล่าว


ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายธนาธรกล่าว ว่า  คุณค่าเรื่องคนเสมอภาคเท่าเทียมเป็นคุณค่าที่เรายึดถือมาตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มาจนเป็นพรรคก้าวไกล ทุกคนเป็นคนเท่าเทียมกัน ควรเข้าถึงบริการของรัฐอย่างเสมอภาคกัน เราปฏิบัติตามคุณค่าที่เรายึดถือ ไม่ใช่แค่สโลแกนสวยๆ ที่แปะไว้หน้าพรรค แต่คือการกระทำ และเหตุผลที่เรากล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพล กลุ่มทุนผูกขาด ก็เพราะพวกเขาไม่ใช่นายของเรา นายของเรามีคนเดียวนั่นก็คือพี่น้องประชาชนเท่านั้น พรรคการเมืองนี้เป็นพรรคการเมืองที่มาจากประชาชน เป็นของประชาชน และดำรงอยู่เพื่อประชาชน นี่คือพวกเราอนาคตใหม่-ก้าวไกล


นายธนาธร ยังกล่าวต่อไปว่าและไม่ใช่แค่ในสถานการณ์ปกติเท่านั้น แต่ในสถานการณ์คับขันเราก็พร้อมเดินไปกับประชาชน หลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ คลื่นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงจากคนหนุ่มสาวที่ไม่เคยมีใครคาดเดามาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้ปรากฏขึ้นมา การเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ทำให้คนที่เคยถอดเสื้อแดง กล้าหยิบมาใส่ใหม่ด้วยความภาคภูมิใจ เปิดประตูความเป็นไปได้ใหม่ๆ ประเด็นที่เคยอ่อนไหวถูกเรียกร้องออกมาอย่างซึ่งๆ หน้า และเปลี่ยนแปลงสังคมไทยไปตลอดกาล


จากพรรคอนาคตใหม่มาเป็นพรรคก้าวไกล เราเติบโตขึ้นอย่างองอาจกว่าเดิมพร้อมการตื่นรู้ที่มากขึ้นของสังคม เขาต้องการทำลายการเดินทางและความคิดของเรา ทั้งสองเป้าหมายนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง การเดินทางของเราไม่ได้ถูกทำลายลง คนที่มาฟังการปราศรัยของเราที่นี่ มากกว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วถึง 4-5 เท่า


เวลานี้โมงยามแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว ไม่มีทางที่จะหวนคืนทุกอย่างกลับได้แล้ว ประชาชนตื่นรู้ทางการเมืองแล้ว และจะไม่ยอมกลับไปหาอดีตที่มืดมิดอีก นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของประเทศไทยที่จะเปลี่ยนแปลง โอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอด 17 ปีที่ผ่านมา ไม่มีเวลาไหนที่ฉันทามติเพื่อการเปลี่ยนแปลงจะดังสนั่นทั้งแผ่นดินเท่าเวลานี้ เวลานี้เป็นเวลาแห่งการฝันใหญ่ ไม่ใช่เวลาแห่งการเจียมเนื้อเจียมตัว


ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวว่า นี่คือการเลือกระหว่างอดีตกับอนาคต แน่นอนที่สุดคนที่ครองอำนาจอยู่ รวมทั้งคนที่เคยครองอำนาจและอยากจะกลับมาครองใหม่ ต่างก็จะพาสังคมไทยกลับไปสู่อดีต แต่สุดท้ายเข็มนาฬิกานี้จะต้องเดินไปสู่อนาคต ที่พวกเรากำหนดเอง หมดเวลาเอาความทรงจำในอดีตมากักขังอนาคตของประเทศไทย พรรคก้าวไกลเดินทางไปทั่วประเทศ ทุกเส้นทางของคาราวานก้าวไกลทั่วประเทศไทย แต่ละเส้นทางที่เราผ่าน แต่ละเวทีปราศรัย สายตาของประชาชนที่มองมายังพวกเรามีแต่ความหวังและกำลังใจ


นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า นี่คือปรากฏการณ์ก้าวไกลไฟลามทุ่ง เขาจึงเกิดความกลัว ใช้ความกลัวปล่อยข่าวสารอันเป็นเท็จ บิดเบือนนโยบายพรรคก้าวไกล และมาทำลายความฝันความหวังของพี่น้องประชาชนด้วย การที่บอกว่าสิ่งที่พวกเราหวงเราฝันเป็นไปไม่ได้  ความกลัวจะนำไปสู่การทำลายล้างผู้อื่น แต่ความหวังจะกระตุ้นพวกเราออกไปเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีกว่าเดิม ความกลัวจะผลักดันสู่โลกมืด แต่ความหวังจะผลักดันสู่แสงสว่างอนาคตแห่งใหม่


การต่อสู้ครั้งนี้ จึงเป็นการต่อสู้ความกลัวกับความหวัง เขากลัวสังคมใหม่ จะทำให้พวกเขาไม่ได้อยู่ในอำนาจ กลัวสังคมใหม่จะทำให้ตั้งรับไม่ทัน ปรับตัวไม่ได้ แต่ความหวังของพวกเรา เราเรียกร้องสังคมที่ดีขึ้น ทุกเพศวัยความคิดอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ความหวังพร้อมจะยอมรับกลุ่มคนอนุรักษนิยม แต่ความกลัวจะไม่ให้เราเผยแพร่ความคิดแบบก้าวหน้านี้ไป


พวกเขาพยายามหยุดพวกเรา เพราะเขาเกิดความกลัวกังวล ไม่สบายใจ เพราะสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังจะพัดเข้ามา คนที่ครองอำนาจใช้ความกลัวทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งความหวังของประชาชน ใช้ความกลัวทำให้พวกเราเป็นพวกปีศาล ชังชาติ สุดโต่ง การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการต่อสู้ระหว่างความกลัวกับความหวัง กลัวว่าสังคมแบบใหม่จะทำให้พวกเขาหลุดจากอำนาจ ถูกดำเนินคดีย้อนหลัง ส่วนความหวังคือเราต้องการทำสังคมให้เปลี่ยนแปลงและอยู่ด้วยกันอย่างสันติ เขากลัวไม่แลนสไลด์แล้วจะไม่ได้กลับมามีอำนาจอีก ส่วนพวกเรามีความหวังเปลี่ยนแปลงรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และประเทศไทยไปด้วยกัน     



https://youtu.be/iTcHisUsp4c

คุณอาจสนใจ

Related News