'บิ๊กป้อม' ร้องโอ้โห! อยากเปิดนานแล้ว ไม่หวั่น ศาลปกครองสั่ง ป.ป.ช. เปิดรายงานไต่สวนคดีนาฬิกาเพื่อน

กรณีคดีนาฬิกาหรู ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2560 ที่เป็นข่าวครึกโครม ต่อมา ป.ป.ช.ไต่สวนแล้ว บอกว่าไม่มีมูลและยกคำร้องไป และ ป.ป.ช.ก็ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการไต่สวนด้วยว่ามีเหตุผลอย่างไร

เมื่อวานนี้ (21 เม.ย.) ที่ศาลปกครองกลางถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรทราบ กรณีไม่แสดงว่ามีนาฬิกาข้อมือและแหวนประดับหลายรายการ ของ ป.ป.ช. รวมทั้งความคิดเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทุกคนที่รับผิดชอบในการไต่สวนดังกล่าว และรายงานการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ให้แก่นายวีระ สมความคิด ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา

โดยศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผลว่า เมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารฯ ได้มีคำวินิฉัยให้ สำนักงาน ป.ป.ช. และ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ตามคำขอของนายวีระ สมความคิด และมีผลผูกพันให้สำนักงาน ป.ป.ช. และ ป.ป.ช.ต้องปฏิบัติ ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ดังนั้นการที่ สำนักงาน ป.ป.ช. และป.ป.ช.ไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแก่นายวีระ สมความคิด จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด

คดีนี้ หนึ่งในผู้ร้อง เรื่องนาฬิกาหรูและแหวนเพชร ของพลเอกประวิตร คือ นายวีระ สมความคิด ในฐานะเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ซึ่ง นายวีระ ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2560

ขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า พลเอกประวิตร จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือหรือปกปิดทรัพย์สินหรือไม่ ในคดีนาฬิกาหรูเมื่อปี2560 เพราะไม่พบว่ามีการแจ้งรายการทรัพย์สินดังกล่าว แต่ต่อมาในปี 2562 ป.ป.ช.มีมติ 5 ต่อ 3 ว่ายังไม่มีมูลเพียงพอ ว่าพลเอกประวิตรจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ทำให้ นายวีระ มีหนังสือเมื่อวันที่18 ม.ค. 2562 ขอให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูล 3 รายการ ประกอบด้วย 1. รายงานและสำนวนการไต่สวน / 2. ความเห็น ของ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคน / 3. และรายงานการประชุม ของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.

แต่ ป.ป.ช.มีมติเปิดเผยเพียง สำเนามติของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เท่านั้น ไม่เปิดเผยรายงานการประชุม และรายงานตรวจสอบ นายวีระก็เลยไปยื่นอุทธรณ์ ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ของ สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2562

คณะกรรมการชุดดังกล่าว มีคำสั่งให้ ป.ป.ช. เปิดข้อมูลทั้ง 3 รายการ แก่ นายวีระ ในฐานะผู้ฟ้องคดี แต่ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติว่า ข้อมูลบางส่วน ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะยังมีคดีอื่นที่ ป.ป.ช. ยังอยู่ระหว่างวินิจฉัย คือ คดีรับทรัพย์สินเกิน 3000บาท และคดี ร่ำรวยผิดปกติ ยืนยันไม่สามารถเปิดเผยได้ (ซึ่งตอนนี้ คดีนี้ ป.ป.ช. ยังวินิจฉัยไม่เสร็จ)

นายวีระจึงยื่นร้องต่อศาลปกครอง ขอให้ศาลปกครอง มีคำสั่งให้ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลทั้ง 3 รายการ และศาลปกครองชั้นต้น มีคำพิพากษา เมื่อวานที่ 15 กันยายน 2564 ให้ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลทั้ง3 รายการ แต่ เฉพาะข้อมูลความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เสนอให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณาคดี เท่านั้น

ต่อมานายวีระได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ว่าการเปิดข้อมูลเฉพาะ ข้อมูลความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้การเปิดเผยข้อมูลเปิดหน้าที่ของรัฐ จึงขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นให้เปิดเผยข้อมูลทั้งหมด

ด้าน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง กรณีที่ศาลปกครองสั่งให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดรายละเอียดคดีนาฬิกาหรู โดยพลเอกประวิตรตอบอย่างมั่นใจพร้อมออกท่าทางว่า

"โอ้โหผมอยากให้เปิด เพื่อจะได้รู้ความจริงเป็นอย่างไร ผมไม่มีปัญหาเลย อยากให้เปิดนานแล้ว" และยืนยันว่าไม่มีผลต่อกระแสการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีได้อย่างไรเพราะไม่ได้ไปเอา ของใครมา ผมยืมเขามา ก็ไปคืนเขาแล้ว

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/SQ-1oW0Adb8