เลือกตั้งและการเมือง

'ชูวิทย์' แฉเพื่อชาติ Ep.1 เปิดหลักฐานอ้าง 'เศรษฐา' ทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษี 521 ล้าน

โดย panisa_p

3 ส.ค. 2566

87 views

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นัดสื่อมวลชนแถลงข่าว "แฉเพื่อชาติ ep.1 12 คน 12 วันโดยก่อนแถลงคุณชูวิทย์ บอกว่า เมื่อเช้าไปโรงพยาบาลมาแต่เช้า ไปฉีดยา ผมมีเวลาอยู่ไม่เยอะในโลกใบนี้ ชีวิตผมเป็นเส้นด้าย อาจจะเป็นเส้นสุดท้าย

เหตุผลในการแถลงครั้งนี้ มีความพยายาม ที่จะไม่ให้ผมพูดในทุกวิถีทาง มีการนำเสนอ มีการใส่ร้าย แต่ผมไม่จำเป็นต้องมาแก้ตัวแล้ว เพราะเวลาอันสั้นของผมนั้น ยินดีให้คุณดูหลักฐานดีกว่า เสียงใครจะพูดกระแหนะกระแหนนินทาพูดไปเลย

ผมไม่มีต้นทุน แต่คนที่มีต้นทุนมากที่สุด คือนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งได้ไปคุกเข่ากับนายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ว่าจะทำให้ทุกอย่าง ถ้าตัวเองได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี



การแถลงในครั้งนี้คุณชูวิทย์ได้ยกประเด็นเรื่องที่ดินถนนสารสินมาอธิบาย พร้อมแสดงหลักฐานเป็นโฉนด การโอนจ่าย ธุรกรรมการจำนองที่ดิน และ แผนผังของเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมาแสดง



พร้อมอธิบายว่า ที่ดินถนนสารสิน เดิมของนายพจน์ สารสิน มีการโอนให้กับทายาท ต่อมามีการขายตกถึงท่านผู้หญิงนงเยาว์ จำนวนเนื้อที่หนึ่งไร่หรือ 399.7 ตารางวา ท่านผู้หญิงนงเยาว์ ขายให้กับนางประไพ เมื่อปี 2507 และโอนมายังบริษัทประไพทรัพย์ จำกัด ถือครองตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2526 ต้นทุน 7 ล้านบาท ต่อมาบริษัทประไพทรัพย์ จดทะเบียนเลิกบริษัท เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยมีการแบ่งที่ดินผืนดังกล่าวตามส่วนผู้ถือหุ้น รวม 12 คน



ต่อมาคุณชูวิทย์ระบุว่า บุคคลทั้ง 12 คน ได้มีการโอนขายหุ้นให้บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ลักษณะแบ่งโอนแยกรายบุคคล ทั้งที่เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ซึ่งมองว่าเพื่อเป็นการเลี่ยงภาษี



ก่อนจะเขียนกระดานอธิบายว่าการที่จะโอนชื่อ 12 คน ใน 1 วัน ทางกฎหมายจะถือว่าเป็นคณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญ จะต้องไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปลายปี ภงด.90 อัตราก้าวหน้า 35% นอกเหนือจากที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมที่กรมที่ดินแล้ว



โดยจะต้องเสียภาษีที่กรมที่ดิน 59,247,317 บาท และต้องเสียภาษีเงินบุคคลธรรมดา 521,130,789.05 บาท รวมทั้งสิ้น 580,378,106.05 บาท



โดยได้เปรียบเทียบกับกรณีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ถือครองหุ้น 42,000 หุ้นของบริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน) กรณีนี้ไม่ได้ทำให้รัฐเสียหายแม้แต่บาทเดียว พิธาจึงถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนในการเป็นนายกฯ



คุณชูวิทย์อ้างว่า พฤติการณ์ของนายเศรษฐาถือว่าร่วมกันกระทำความผิดโดยการหลีกเลี่ยงภาษีให้ผู้ขาย ซึ่งเรื่องนี้คนขายที่ดินทำคนเดียวไม่ได้ เหมือนการตบมือข้างเดียวไม่ดัง เรื่องนี้ต้องมีคนซื้อ ที่มีความรู้ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาช่วยสนับสนุนความผิด



12 คนถ้าโอน 12 วันก็จะไม่ต้องเสียภาษีตรงนี้ นายเศรษฐารู้ไม่รู้ แต่ในสถานะคือนายทุน ในวันที่นายเศรษฐาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ บมจ.แสนสิริ แล้วบอกว่าไม่รู้ คุณชูวิทย์ จึงนำเอกสารรายการประชุมออกมาแสดง



ซึ่งระบุว่าในวันที่ 14 สิงหาคม 62 นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ได้เข้าร่วมประชุมในวันนี้ มีลายเซ็นรับรองสำเนารายงานการประชุมถูกต้อง โดยทำรายงานการประชุมวันเดียว ฉบับเดียว แบ่งเป็น 12 คน 12 วัน ส่วนตัวมองว่า พฤติการณ์ของนายเศรษฐา จึงแสดงให้เห็นว่ามีการร่วมมือกันกับคนขาย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญ ไม่จดทะเบียน หรือคณะบุคคลตามคำวินิจฉัยของสรรพากร



จากนั้นชูวิทย์ได้นำถาดพิซซ่าขึ้นมาแสดงตัวอย่างเพื่อเปรียบเทียบการตัดแบ่งโอนที่ดินเป็น 12 ชิ้นและระบุว่า อีกข้อน่าสงสัยคือทำไมในที่ดินผืนเดียวกันสามารถแบ่งขายราคาได้หลากหลายราคา 12 คน เพราะเมื่อนำมาหารเฉลี่ยต่อตารางวาแล้ว แต่ละคนก็มีการซื้อขายที่ไม่เท่ากัน บางคน 3 ล้าน 9 แสนกว่าบาท บางคน 4 ล้านบาท ทั้งที่เป็นโฉนดฉบับเดียวกัน



คุณชูวิทย์ บอกว่าจะนำข้อมูล และเอกสารที่นำมาแถลงวันนี้ไปยื่นต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ,ประธานรัฐสภา และ กรมสรรพากร เพื่อให้นำข้อมูลนี้ไปประกอบในการพิจารณาโหวตนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะตนเชื่อว่าพฤติการณ์เหล่านี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ที่ระบุว่านายกฯต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต พร้อมระบุว่าเขาเป็นคนตัวสูงมักจะมองข้ามคนอื่นๆ ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ชอบ เพราะถือว่ามาในฐานะตั๋วปู ก็คือของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เศรษฐา เป็นคนมีอีโก้สูง ปากไวใจร้อน ตนรู้พฤติกรรมหมดเวลาจะแฉใคร



ส่วนที่มีผู้สงสัยว่าการออกมาเปิดโปงครั้งนี้ของตนเป็นเรื่องส่วนตัวเนื่องจาก บมจ.แสนสิริ ไม่ซื้อที่ดินตนเองหรือไม่ ชูวิทย์กล่าวว่าตนขายที่ดินนั้นให้กับบริษัทเอกชนรายหนึ่งไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อนฉะนั้นขายให้ บมจ.แสนสิริไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ บมจ.แสนสิริเคยส่งผู้มาเจรจาเรื่องที่ดินดังกล่าวจริงเมื่อปี 2565



ชูวิทย์ กล่าวว่า การออกมาเปิดโปงของตนเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน งานนี้ตนขอแฉเพื่อชาติ เพราะตนมีเวลาไม่นานแล้วเมื่อเช้าตนไปรับการรักษาด้วยคีโมมา แต่ตนคิดว่าถึงจะตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ทุกอย่างก็กลับมาแบบเดิม



ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ทั้งหมดของพรรคเพื่อไทยส่วนตัวมองว่านายชัยเกษม นิติสิริ เป็นผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกฯ เพราะเป็นผู้มีอายุมากแล้ว คงไม่ได้คาดหวังเงินทองใดๆ และยังมีความเป็นนักกฎหมาย ซึ่งเดิมคุณหญิงพจมานและทักษิณเองก็เลือกชัยเกษม ส่วนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็ถูกมองว่าเป็นลูกถ้าเป็นนายกก็ต้องการทำการทุกอย่างเพื่อให้นายทักษิณกลับ



นอกจากนี้ชูวิทย์ แบ่งประเด็นเนื้อหาการแฉ เป็น 10 ตอนคือ

ep.1 12 คน 12 วัน

ep.2 ปั่น

ep.3 บวม

ep.4 ขงเบ้ง

ep.5 ร้าง

ep.6 แพะชนแกะ

ep.7 ฟอก

ep.8 ตัดตอน

ep.9 กู้

ep.10 บทสรุปธาตุแท้ของนายทุน



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/7OFhtV-vep8

คุณอาจสนใจ

Related News