‘บิ๊กป้อม’ ลุยตรวจน้ำ "อยุธยา-สระบุรี" ป้ายเชียร์นายกฯ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีลงพื้นที่ไป อยุธยาและสระบุรี แต่ไฮไลต์ที่น่าสนใจ วันนี้ได้ร่อนจดหมายเปิดใจอีกแล้วเป็นฉบับที่ 5 เล่าที่มาการต้องเดินหน้า ก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยประกาศดึง 2 ขั้วมาทำงาน พาประเทศสู่ประชาธิปไตย ก็มีประโยคสำคัญ ที่ระบุว่า "ขอให้เชื่อผมสักครั้ง" มั่นใจว่า ผมทำได้ และจะทำได้ดีกว่าใคร

เพจเฟซบุ๊ก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นเพจทางการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เผยแพร่จดหมายเปิดใจฉบับที่ 5 เรื่อง "ก้าวสู่วิถีประชาธิปไตย"

ใจความสำคัญ ระบุว่า "การที่เป็นนายทหารเติบโตจาก "ชั้นผู้น้อย" จนมาเป็น "ผู้บัญชาการทหารบก" อยู่เป็นผู้หนึ่งในศูนย์กลางอำนาจรัฐ ประกอบกับการคบหาสมาคมกับคนในทุกวงการ ทำให้ตนเข้าใจ "โครงสร้างอำนาจของประเทศ" เป็นอย่างดี

ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน การต่อสู้ของ 2 ฝ่าย 2 แนวความคิด เป็นไปอย่างเข้มข้น ฝ่ายหนึ่งมองเห็นแต่ความเหลวแหลกของพฤติกรรมนักการเมือง แต่ความไม่รู้ ความไม่มีความสามารถของประชาชน ที่จะเลือกคนมีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารจัดการประเทศ เห็นแต่ "นักธุรกิจการเมือง" เพื่อค้ากำไร แสวงหาผลประโยชน์

การสนับสนุนให้ก่อร่าง "โครงสร้างอำนาจนิยม" เกิดขึ้นจากความเหลือทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวของนักการเมือง

ผมรับรู้ถึงกระแสสนับสนุน "การปฎิวัติรัฐประหาร" ที่ไม่เคยหมดไปจากโครงสร้างอำนาจประเทศเรามาตลอด และมองความเป็นไปทั้งหมดอย่างเข้าใจ ว่าทำไมกลุ่มผู้มีอิทธิพล ในการกำหนดความเป็นไปของประเทศจึงพากันคิดและร่วมกันลงมือเช่นนั้น

แต่เหมือนชะตาชีวิตเอื้อให้ผมมีโอกาสเข้ามาทำงานในฐานะนักการเมือง ได้ทำงานร่วมกับผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งรัฐมนตรี และ ส.ส. จนขยับมาเป็นหัวหน้าพรรค

"ผมเริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆว่า การตัดสินว่า "ประชาชนไม่มีความสามารถในการเลือกคนดี มีความสามารถเข้ามาเป็นผู้แทน" นั้นเป็น "ความคิดที่ไม่ถูก"

ผมได้รับรู้ว่า การปลูกฝังสำนึกประชาธิปไตยให้กับประชาชนนั้น ไปไกลแล้ว ทำให้ผมกลับมาย้อนมองผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ว่าทำไม "พรรคที่สนับสนุนอำนาจนิยม" จึงพ่ายแพ้ต่อ "พรรคที่เดินในแนวทางประชาธิปไตยเสรีนิยม" ทุกครั้ง

เหมือนไม่มีหนทางในชัยชนะอยู่เลย แม้ว่า "ฝ่ายอำนาจนิยม" จะสร้างกติกา และแต่งตั้งคนของตัวเองเข้ามาควบคุมกลไก เพื่อให้เอื้อต่อชัยชนะของฝ่ายตัวเอง อย่างเอาเป็นเอาตายแค่ไหนก็ตาม

และด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทำให้เกิดความเชื่ออย่างหนักแน่นในใจ ว่า "ในเส้นทางการบริหารจัดการประเทศ ไม่มีหนทางอื่นนอกจากมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าในระบอบประชาธิปไตย เคารพการตัดสินของประชาชนส่วนใหญ่" เท่านั้น

แต่ด้วยประสบการณ์ที่เรียนรู้ และรับทราบถึงเจตนาดีต่อประเทศของคนกลุ่มที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า "มีความรู้ความสามารถ" และยังคง "มีอิทธิพลกำหนดความเป็นไปของประเทศ"

ทำให้ผมเสียดาย และคิดว่าการหาทางประสานให้คนกลุ่มนี้ เข้ามามีส่วนร่วมในการนำพาประเทศ ย่อมเกิดผลดีต่อการพัฒนาบ้านเมืองและความคิดนี้เองเป็นที่มาของความมุ่งมั่น "ก้าวข้ามความขัดแย้ง" ของผม

โดยท้ายของบทนี้ ผมขอให้ทุกคนเชื่อว่า ด้วยประสบการณ์ และเรื่องราวที่ผมสั่งสมมา จะทำให้ "ผมทำได้และจะทำได้ดีกว่าใคร" ในความตั้งใจด้วยความปรารถนาดีต่อประเทศนี้ "ขอให้เชื่อผมสักครั้ง" หลังจากนี้ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปว่า ผมจะทำอย่างไร

ส่วนช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ติดตามแก้ปัญหาน้ำ 2 จังหวัด คือพระนครศรีอยุธยาและสระบุรี โดยเริ่ม ไปที่วัดสะตือพุทธไสยาสน์ อ.ท่าเรือ ก็มีทั้ง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อยุธยา ของพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 3 เขต รวมถึงนางสมทรง เจริญพันธุ์วรกุล นายกอบจ.พระนครศรีอยุธยา มาให้การต้อนรับด้วย

พล.อ.ประวิตร ได้นั่งรถกอล์ฟไฟฟ้า ไปไหว้พระปิดทองพระพุทธไสยาสน์ เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ปรากฎว่า รถกอล์ฟไฟฟ้า ได้ออกตัวแรง ทำให้ คนรอบข้างตกใจ ก่อนที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ที่นั่งอยู่ด้านหลัง จะระบุว่ารถไม่เสถียร แต่คนเสถียร

บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแฟนคลับ มารอชูป้ายต้อนรับ พร้อมตะโกน "รักลุงป้อม" "ลุงป้อมสู้ๆ" และเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดย พล.อ.ประวิตร มีสีหน้าอารมณ์ดี และยิ้มหลายครั้ง

ขณะที่ระหว่างกล่าวกับประชาชน พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ห่วงคนอยุธยา และเห็นใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยช่วงหนึ่ง ได้โชว์ลีลา สอบถามเรื่องน้ำกับ กรมชลประทาน ว่าปีนี้สามารถทำนาได้หรือไม่

เมื่อกรมชลประทาน ตอบว่าทำได้ ทำให้ พล.อ.ประวิตรบ บอกกับประชาชนว่า โอเคทำนาได้ จากนั้นก็มีเสียงปรบมือเสียงดัง

ช่วงก่อนกลับ พล.อ.ประวิตร ยังได้เข้าไปกราบสักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์โตองค์จำลอง ในศาลาการเปรียญ ซึ่งมีผู้นำท้องถิ่นรออยู่ด้านใน เพื่อพูดคุยกัน โดยขอความร่วมมือไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไป งดการถ่ายภาพทำข่าว

รับชมทางยูทูปที่ :  https://youtu.be/U_OUE2GuW0o