เลือกตั้งและการเมือง

"ฉัตรวรรษ-อลงกต" แท็กทีม สว. ร้อง กกต. สั่ง คกก.ชุดที่ 26 หยุดปฏิบัติหน้าที่

โดย nutda_t

21 พ.ค. 2568

215 views

วันนี้ (21 พ.ค. 68) พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมด้วย นายอลงกต วรกี , พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย , นายกอบ อัจนากิตติ เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนการฝ่าฝืนกฎหมาย การปฏิ​บัติหน้าที่​มิชอบด้วยกฎหมาย​ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ที่ไม่กระทำให้เป็นไปตามระเบียบ​ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย​ชี้ขาด​ พ.ศ.2561 และแก้ไขเพิ่มเติมการรักษาความลับของทางราชการ ซึ่งมีการปิดหมายโดยไม่ชอบและการปฏิเสธการเข้าถึงพยานหลักฐาน​ในวันที่แจ้งรับทราบข้อกล่าวหาซึ่งดำเนินการ​ตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ตนเองได้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ด้วยความเป็นกันเอง รู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นกรรมการตัวเล็ก ๆ คุยกันแล้วรู้เรื่อง ไม่เหมือนกับคนที่มีอำนาจสั่งการ ที่คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องยกความชอบธรรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

สำหรับวันนี้ ตนเองมายื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับ สว. ที่ถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ละเมิดระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างร้ายแร งและละเมิดสิทพื้นฐานของผู้ที่ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะการออกหนังสือเชิญที่ไม่ใช่หมายเรียก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทั้งยังแจ้งรายละเอียดไม่ชัดเจนเพียงพอ หรือหาพยานหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหาได้ ขัดต่อหลักความเป็นธรรมที่ควรได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องรับข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

ส่วนวิธีติดหนังสือเชิญ ไม่ได้มีการรักษาความลับราชการ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดว่าจะต้องบรรจุซอง 2 ชั้น เพื่อป้องกันการเปิดเผยข้อมูล โดยการติดหมาย ณ ที่พักอาศัยของผู้ถูกกล่าวหาในเขตกรุงเทพกรุงเทพมหานคร ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบรักษาความลับของราชการ สร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติยศของผู้ถูกกล่าวหา แม้ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตามในการแจ้งสื่อมวลชนไปทำข่าว แต่การกระทำดังกล่าวมีเจตนาพิเศษให้เกิดความเสียหายโดยไม่สุจริต

การปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นกลางและเลือกปฏิบัติ ทำให้เข้าใจได้ว่า สว.ที่ถูกออกหมายเรียกและรับทราบข้อกล่าวหาเป็นผู้กระทำผิดฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ทั้งที่สื่อมวลชนเสนอข่าวหลายแขนงรับฟังได้ว่ามี สว.กลุ่ม 8 + 1 และ 21 + 24 แต่ไม่ปรากฏว่ามีการสืบสวนไต่สวน แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นกลาง อาจมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ กกต.เป็นองค์กรอิสระ ปราศจากความครอบงำทางการเมือง

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ยังมีข้อน่าสังเกตว่าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 มีเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จำนวน 3 คน ร่วมเป็นกรรมการ หรือสัดส่วน 3 ใน 7 ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อาจเข้าใจได้ว่ามีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านก็ทราบดีว่าศาลได้สั่งให้รัฐมนตรียุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ DSI ไปแล้ว

การทำงานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ที่แจ้งข้อกล่าวหาในลักษณะเคลือบแคลง ขอตรวจสอบพยานหลักฐาน และขอคัดถ่ายพยานหลักฐานเพื่อเตรียมเอกสารชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา อ้างมิให้เปิดเผย เสมือนมัดมือชกฝ่ายเดียว จึงเรียกร้องต่อ กกต.ดังนี้

1.ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 และคณะอื่นที่มีการกระทำลักษณะเดียวกันทันที เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมที่จะเกิดขึ้น

2.ให้มีการเพิกถอนกระบวนการใด ๆ ที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนี้ทั้งหมด

3.อนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหาทุกคนได้มีโอกาสตรวจสอบและเข้าถึงพยานหลักฐานทั้งหมดที่ใช้ในการตั้งข้อกล่าวหา เพื่อให้สามารถปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนได้อย่างเหมาะสม

และขอให้ กกต. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยยืนยืนยันในหลักการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส ยุติธรรมและเป็นกลาง เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของกระบวนการเลือกตั้งและ กกต. อย่างสูงสุด

ช่วงถามตอบ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ยอมรับการตรวจสอบของ กกต.ที่เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม ส่วนในคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 หากปราศจากการครอบงำทางการเมืองซึ่งได้ชี้แจงการดำเนินการของ DSI ตั้งแต่ชั้นสืบสวน และสอบสวน เหมือนเป็นการเบนประเด็นการทำงาน เหมือนยืมมือคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งประธาน กกต.ควรที่จะเลือกตั้งคณะกรรมการที่ไม่เกี่ยวข้องกับ DSI เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพนักงานอัยการหรือส่วนที่เกี่ยวข้องที่พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา

ดังนั้นการกล่าวหาที่ทำให้เคลือบแคลงและเป็นที่สงสัยย่อมทำให้ สว.ทุกคนมาให้ข้อมูลได้อย่างไม่ชัดเจน ซึ่งตนเองเชื่อว่าตามข้อมูลข่าวสารหรือตามที่สื่อมวลชนเสนอเป็นการสืบสวนสอบสวนแบบฟังผู้ร้องฝ่ายเดียวโดยไม่ดูพยานหลักฐานว่าเพียงพอต่อการไต่สวนหรือไม่

ผู้สื่อข่าวย้อนถามว่า แสดงว่าไม่ต้องการให้ DSI เข้ามาสืบสวนเรื่องนี้ใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตวรรษ กล่าวว่า DSI ไม่ชอบตั้งแต่การสืบสวน เมื่อสืบสวนรู้ว่าเป็นความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งก็ไม่ควรตั้งคณะกรรมการ และคณะพนักงานสืบสวนอีก 40 กว่าคน ซึ่งก็ทำให้ตนเองเกรงใจในพนักงานบางคนที่ประพฤติ ตนเองชอบบ้างไม่ชอบบ้างในการปฏิบัติหรือการสอบบุคคลเป็นพยาน

พล.ต.ต.ฉัตวรรษ กล่าวว่า เราให้ความร่วมมือกับ กกต.ในการสอบทุกประเด็น แต่มีเหตุอันเคลือบแคลงสงสัยว่าการได้มาซึ่งพยานหลักฐาน และการกล่าวหาโดยภาพรวมดูน่าสงสัยทำให้ สว.ไม่สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจน ที่ผ่านมาการให้สัมภาษณ์ของประธาน กกต. และเลขา กกต. ก็ไม่ได้ปฏิเสธการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน สว. จะดำเนินการต่อไปอย่างไร

เป็นข้อสังเกตให้สังคมรับทราบ แต่ก็ไม่ได้ต่อสู้ต่อการทำงานของคณะกรรมการไต่สวน "ใครอยากทำงานก็ทำไปผมชอบ" แต่หากกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจก็ต้องรับผิดชอบ สำหรับการชี้ถูกชี้ผิดเป็นเรื่องที่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่การไต่สวน และการพิจารณาขึ้นอยู่กับกกต. ส่วนการออกมาชี้นำสื่อว่าการได้มาซึ่ง สว.นั้นเป็นที่ไม่สุจริต และไม่เที่ยงธรรมทั้งที่ กกต.ได้ให้ความบริสุทธิ์กับ สว.ชุดนี้และปฏิบัติหน้าที่มาในระยะหนึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าในการเลือกตั้งหากมีเหตุที่เกิดขึ้นในทางการเมืองก็เป็นเหตุให้เกิดการสับสน

พล.ต.ต.ฉัตวรรษ ยังกล่าวถึงประเด็นที่มีคนมาร้องให้ถอดถอน สว. ทั้ง 148 คน เป็นที่ทราบดีบ้านเมืองเราไม่เป็นปกติสุขทุกวันนี้เพราะการเมือง ดังนั้นเมื่อการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องทุกคนก็มีสิทธิเสรีภาพในการต่อสู้ตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนที่มีคนมายื่นร้องยุบพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นคนละประเด็นกันนั่นเป็นเรื่องของ สส. ตนเองคงไม่ไปก้าวล่วงตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองอื่น ๆ นอกจากนี้ ที่มีการเชื่อมโยงว่าพรรคภูมิใจไทยเกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือก สว. พล.ต.ต.ฉัตวรรษ กล่าวว่า บนหน้าผากของผมมีเขียนหรือไม่ว่าอยู่พรรคไหน ดังนั้นตนเองถือว่าได้เป็น สว.ทำงานในราชการได้ด้วยความรู้ ความสามารถ

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ระบุอีกว่าการสอบสวนครั้งนี้จะเป็นกลางหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติ ถ้าใจบริสุทธิ์ความเป็นธรรมย่อมเกิด ถ้าถูกครอบงำไม่ว่าด้วยอะไรก็แล้วแต่ใจก็จะไม่บริสุทธิ์ ตนเองเป็นตำรวจ ทำงานสืบสวนสอบสวนมาทั้งชีวิต แต่หน่วยงานอื่นก็ว่าไปตามกระบวนการ แต่จะหลีกหนีไม่ได้เรื่องนิติรัฐนิติธรรม มีหน้าที่ก็ทำไปแต่จะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนอะไรที่ทำให้กังวลอย่าไปคิดมัน

ส่วนที่มีข่าว สว.หลายคน เดินทางไปที่โรงแรมพลูแมน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ยอมรับว่าบางคนมีตังก็ไปกินข้าว

ด้าน นายอลงกต จึงถามกลับสื่อมวลชนว่า What is Pullman?, Like a pool ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับเป็นภาษาไทยว่า “โรงแรมพูลแมน” นายอลงกต กล่าวว่า Where is hotel Pullman ? ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับไปว่า “ซอยรางน้ำ” นายอลงกต จึงตอบว่า “Where is Soi Rangnam” ผู้สื่อข่าวจึงถามกลับอีกว่าแสดงว่าไม่เคยไปใช่หรือไม่ นายอลงกต ตอบว่า “I know only Rattanakosin Hotel”

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อถึงกรณีมีการเปิดเผยว่ามีการให้ สว.เซ็นใบลาออกเป็นประกันไว้ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ไม่รู้ พวกท่านรู้ดีว่ากำพืดของคนเคยเป็นสส.เป็นอย่างไร นักข่าวรู้ดี แต่ตนเองเป็น สว.เป็นอาชีพสุจริต ช่วยเหลือประชาชนมาเยอะ ใครจะกล่าวหาอย่างไรก็ว่าไป แต่ถ้ามีเอ่ยชื่อตนเองค่อยว่ากัน

คุณอาจสนใจ

Related News