เลือกตั้งและการเมือง
“ณัฐวุฒิ” เผยไม่เคยเห็น ศาลสั่ง รมว.เป็นอัมพฤกษ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วน
โดย nicharee_m
14 พ.ค. 2568
331 views
กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่ง สั่ง พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง หยุดปฏิบัติหน้าที่คุมดีเอสไอ และรองประธานคดีพิเศษ กรณีถูก สว.ร้องแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่ และอำนาจของ กกต.
ล่าสุด นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ผมไม่เคยเห็นกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นส่วนๆ (ถ้าจำคลาดเคลื่อนต้องขออภัย) ที่ผ่านมาถ้าสั่งหยุดก็หยุดเลย แต่วันนี้สั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ยุติปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) และรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ ตามคำร้องที่ส.ว.เข้าชื่อเสนอ
พูดบ้านๆ คือที่แล้วมาสั่งให้เป็นอัมพาต หยุดเต็มตัวเต็มตำแหน่ง แต่คราวนี้สั่ง รมว.ยุติธรรมให้เป็นอัมพฤกษ์ เคลื่อนไหวไม่ได้เป็นบางส่วน
ข้อกล่าวหาคือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม กับพ.ต.อ.ทวี ใช้อำนาจแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยใช้ DSI เป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา
DSI มีอำนาจทำคดีนี้ด้วยมติคณะกรรมการคดีพิเศษ ศาลยกคำร้องกรณีนายภูมิธรรมซึ่งทำหน้าที่ประธาน แต่สั่งรองประธานหยุดทำหน้าที่
แปลกแน่ๆ แต่ก็ต้องตามนั้น เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร
ในฐานะรมว.ยุติธรรม แม้เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ DSI แต่การทำคดีเลือก สว.ดำเนินการคู่ขนานกับ กกต. ซึ่งทาง กกต.ก็ตั้ง DSI เป็นผู้ช่วย ไม่ได้แสดงออกว่าจะถูกแทรกแซงครอบงำใดๆ ทุกขั้นตอนจนถึงขณะนี้มีแต่คณะสว.บางส่วนที่เห็นว่าไม่ชอบธรรม แต่คนทั่วไปชอบให้ทำ เพราะเรื่องนี้จัดอยู่ในประเภทคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน
ผมยืนยันอีกครั้งว่าคดีเลือก สว.ไม่ได้มีความหมายเพียงสงครามการเมืองเรื่องสี แต่เป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องระบบรัฐสภา ถ้าเรื่องนี้จบลงโดยไม่มีใครผิด จะกลายเป็นประเทศไทยผิดที่ประกาศในรัฐธรรมนูญว่าปกครองในระบอบประชาธิปไตย
แม้มีเส้นทางอีกยาวไกลอีกหลายเงื่อนไขให้ต้องต่อสู้ แต่ถ้าไม่สู้เรื่องนี้ที่ชัดเจนเต็มตาแบบนี้ สังคมจะเดินหน้าอย่างไร
ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือ เมื่อศาลวินิจฉัยและสั่งรัฐมนตรียุติการทำหน้าที่เฉพาะเรื่อง จะมีผลกดดันข้าราชการคนทำงานหรือไม่ อาจมีคนอาศัยช่องนี้ฟ้องดำเนินคดี 157 กับเจ้าหน้าที่ ทำให้คดีที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม กลายเป็นเข้ารกเข้าพงไปหรือไม่
ขอส่งกำลังใจไปยังผู้กำลังปฏิบัติงานทุกคน อย่ายอมตนเป็นเครื่องมือทางการเมืองของสีไหน แต่จงตระหนักว่าท่านเป็นความหวังของประชาชน
ส่วนศาลรัฐธรรมนูญ ผมเคารพอยู่แล้วล่ะ
ข้อกล่าวหาคือ นายภูมิธรรม เวชยชัย และ พ.ต.อ.ทวี ใช้อำนาจแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยใช้ DSI เป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา
พูดบ้านๆคือที่แล้วมาสั่งให้เป็นอัมพาต หยุดเต็มตัวเต็มตำแหน่ง แต่คราวนี้สั่งรมว.ยุติธรรมให้เป็นอัมพฤกษ์ เคลื่อนไหวไม่ได้เป็นบางส่วน
แปลกแน่ๆ แต่ก็ต้องตามนั้น เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร
DSI มีอำนาจทำคดีนี้ด้วยมติคณะกรรมการคดีพิเศษ ศาลยกคำร้องกรณีนายภูมิธรรมซึ่งทำหน้าที่ประธาน แต่สั่งรองประธานหยุดทำหน้าที่
ในฐานะ รมว.ยุติธรรม แม้เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ DSI แต่การทำคดีเลือกส.ว.ดำเนินการคู่ขนานกับกกต. ซึ่งทางกกต.ก็ตั้ง DSI เป็นผู้ช่วย ไม่ได้แสดงออกว่าจะถูกแทรกแซงครอบงำใดๆ ทุกขั้นตอนจนถึงขณะนี้มีแต่คณะสว.บางส่วนที่เห็นว่าไม่ชอบธรรม แต่คนทั่วไปชอบให้ทำ เพราะเรื่องนี้จัดอยู่ในประเภทคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน
ผมยืนยันอีกครั้งว่าคดีเลือก สว.ไม่ได้มีความหมายเพียงสงครามการเมืองเรื่องสี แต่เป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องระบบรัฐสภา ถ้าเรื่องนี้จบลงโดยไม่มีใครผิด จะกลายเป็นประเทศไทยผิดที่ประกาศในรัฐธรรมนูญว่าปกครองในระบอบประชาธิปไตย
แม้มีเส้นทางอีกยาวไกลอีกหลายเงื่อนไขให้ต้องต่อสู้ แต่ถ้าไม่สู้เรื่องนี้ที่ชัดเจนเต็มตาแบบนี้ สังคมจะเดินหน้าอย่างไร
ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องคือ เมื่อศาลวินิจฉัยและสั่งรัฐมนตรียุติการทำหน้าที่เฉพาะเรื่อง จะมีผลกดดันข้าราชการคนทำงานหรือไม่ อาจมีคนอาศัยช่องนี้ฟ้องดำเนินคดี 157 กับเจ้าหน้าที่ ทำให้คดีที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม กลายเป็นเข้ารกเข้าพงไปหรือไม่
ขอส่งกำลังใจไปยังผู้กำลังปฏิบัติงานทุกคน อย่ายอมตนเป็นเครื่องมือทางการเมืองของสีไหน แต่จงตระหนักว่าท่านเป็นความหวังของประชาชน
ส่วนศาลรัฐธรรมนูญ ผมเคารพอยู่แล้วล่ะ”
แท็กที่เกี่ยวข้อง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ,พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง