เลือกตั้งและการเมือง
โฆษก พปชร.ซัดนายกฯ แก้วิกฤตกำแพงภาษีสหรัฐฯ ล่าช้า มองทีมเจรจาไทยยังอ่อนเกินไป
โดย chutikan_o
6 เม.ย. 2568
141 views
โฆษก พปชร.ซัด “แพทองธาร” แก้วิกฤตกำแพงภาษีสหรัฐฯ ล่าช้า สะท้อนไร้ภาวะผู้นำ มองทีมเจรจาไทยยังอ่อนเกินไป หวั่นเจรจาไร้ผล
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการเร่งตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Task Force) เพื่อรับมือภายหลังประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นกำแพงภาษีว่า อันดับแรกการเตรียมตัวเพื่อรับมือในการแก้ปัญหาดังกล่าวรัฐบาลเคลื่อนตัวช้ามาก ทางสหรัฐฯ มีท่าทีและนโยบายในการปรับมาตรการทางด้านภาษีและการค้ากับคู่ค้าต่างๆ ตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง และรับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 แต่รัฐบาลเพิ่งตั้งกูรู มาแก้ปัญหาหรือประสานงานหลังจากสหรัฐฯประกาศ นโยบายจะขึ้นภาษีไปเรียบร้อยแล้ว จนฝ่ายค้านต้องเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งทีมงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว
“การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ผมมองว่า ล่าช้าอย่างมาก สหรัฐอเมริกาประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 แต่รัฐบาลเพิ่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหานี้ หลังจากที่ฝ่ายค้านกดดัน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศ จีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ได้มีการเตรียมการ และเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568 รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมของสามประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดท่าทีรับมือกรณีนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน ประเทศเพื่อนบ้านของเรา เช่น เวียดนาม ได้แต่งตั้ง นายโฮ ดุค ฟ็อก รองนายกรัฐมนตรี และนายเหวียน ฮอง เตี่ยน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ดูแลเรื่องนี้และทราบว่า ได้หารือกับนายเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) มีแนวโน้มจะเลื่อนการใช้ อัตราภาษีอากรใหม่ไปอีกสามเดือน ส่วนประเทศสิงคโปร์ นายกรัฐมนตรีออกโรงเป็นหัวเรือ ในการแก้ปัญหาเอง และประเทศอื่นเขารีบไปจับมือไปเจรจา แต่ของเราเหมือนโดดเดี่ยว มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวที่เพิ่งจะรู้ว่าต้องส่งทีมไปเจรจา” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ศักยภาพทีมเจรจาของไทยที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งในการเดินทางไปเจรจาดูแล้วยังอ่อนเกินไป ถ้าหากเป็นทีมระดับนี้ไปคุยกับทางสหรัฐฯ เขาก็คงไม่ให้น้ำหนักอะไร โดยปกติการเจรจาระหว่างประเทศจะยึดหลักอธิปไตยและความเสมอภาคของรัฐ (sovereign Equality of State) เป็นหลักสำคัญถือกันมาโดยตลอดในการเจรจาระหว่างประเทศ โดยยึดถือหลักการ ที่ว่าการเจรจาต้องเคารพสิทธิ กฎหมาย และให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยถือว่าทุกประเทศเท่าเทียมกัน ต้องเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถ้าทางไทยส่งเบอร์เล็กไป ทางสหรัฐฯเขาจะส่งเบอร์เล็กมาเจรจาด้วย แล้วกี่วันจะประสบผลสำเร็จ มองว่านายกฯควรจะต้องจัดทีมใหม่ เอาคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่านี้ และที่สำคัญคือ ควรที่จะเอาคนที่เคยมีความสัมพันธ์หรือคนที่เคยทำงานร่วมกับทางสหรัฐฯ หรือคนที่เขาให้ความเกรงใจมาเป็นตัวหลักในการเจรจา มิเช่นนั้น การเจรจาครั้งนี้จะไม่ได้ผลอย่างแน่นอน ทีมที่ท่านนายกฯจัดตั้งมา ทำงานส่วนใหญ่เป็นทีมซอฟพาวเวอร์ ซึ่งทำงานมาตั้งแต่ 13 กันยายน 2566 ยังไม่เกิด impact อะไรเลย คงจะมีแต่ปลัดกระทรวงพาณิชย์เท่านั้น นอกนั้นเป็นข้าราชการระดับต่ำกว่าอธิบดี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ เป็นตัวนายกเองหรือรองนายกฯหรือรัฐมนตรี เหมือนไม่ให้เกียรติ คู่เจรจา และหวังผลอะไรกับการเจรจา
แท็กที่เกี่ยวข้อง อุ๊งอิ๊งแพทองธาร ,พปชร. ,นายกฯ ,กำแพงภาษีสหรัฐฯ