เลือกตั้งและการเมือง
“ทวี” ยันไม่ปล่อยผ่านผู้มีอิทธิพลเอี่ยวบริษัทไชนาเรลเวย์ฯ ประสานตม.ดักทางเข้า-ออกประเทศ
โดย paranee_s
4 เม.ย. 2568
65 views
“ทวี” รมว.ยุติธรรม ยันไม่ปล่อยผ่านผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับนอมินีจีน เอี่ยวบริษัทไชนาเรลเวย์ฯ ประสาน ตม. ดักทักทางเข้า-ออกประเทศ ลั่น ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ด้าน “ดีเอสไอ” ขอเวลา 2 เดือน ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า หลังจากที่ DSI รับ กรณีเหตุตึก สตง.ถล่มหลังแผ่นดินไหว ซึ่งรับเป็นคดีพิเศษในความผิด ว่าด้วยการเสนอราคาต่อรัฐ ส่วนการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ทางเราก็จะดูควบคู่ไปด้วย ซึ่งประเด็นนี้จะไปตรวจสอบคนไทยที่ถือหุ้นว่ามีการถือหุ้นโดยอำพรางหรือไม่ และเบื้องต้นไปตรวจสอบที่บ้านของนายประจวบ ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 102,000 หุ้น ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ประเทศไทย จำกัด คิดเป็น 10.2%

เมื่อไปตรวจสอบที่บ้านไม่เจอตัว แต่ได้สอบสวนภรรยา เผยว่า นายประจวบออกจากบ้านไป 2-3 วัน ก่อนที่ ตำรวจจะมา และทราบว่านายประจวบมีรายได้น้อยมาก ประมาณ 10,000 บาท ต่อเดือน จากการทำงานรับจ้างก่อสร้าง ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ทำให้เชื่อว่า ข้อมูลนายประจวบ ไม่สอดคล้อง และยังพบว่าถือหุ้น นิติบุคคลอีก 10 บริษัท มีแนวโน้มว่าเป็น นอมีนี หรือ การถือหุ้นอำพราง ส่วนผู้ถือหุ้นคนอื่นอยู่ระหว่างการติดตามตัว
เช่นเดียวกับ นางสาวกนกไรวินท์ บอกเสริมว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เดิมที่ก่อตั้งมีผู้ถือหุ้นทั้ง 3 คน เป็นนิติบุคคลก่อน และในช่วงแรก นายมนัส ถือหุ้น 306,000 หุ้น ในวันแรก จากนั้นค่อยโอนให้ นายโสภณ จนเหลือแค่ 3 หุ้นเท่านั้น ส่วนนายโสภณ มี 406,997 หุ้น ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการติดตามว่าเป็นการโอนหุ้นแบบปกติหรือไม่ รวมถึงจะตรวจสอบว่า บุคคลทั้ง 3 ยังไม่เคยประกอบอาชีพในการรับเหมาก่อสร้างมาก่อนแต่กลับเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นขนาดใหญ่แบบนี้และรับงานภาครัฐได้อย่างไร จากตรวจสอบเจอทั้งหมด 29 โครงการ ทั่วประเทศ เป็นเงิน 22,000 ล้านบาท อีกทั้งนานโสภณยังเป็นผู้บริการกับคนจีนอีก 1 คน ซึ่งประเด็นนี้จะไปตรวจสอบเช่นกัน
ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดี ดีเอสไอ บอกว่า บริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ อ้างตัวว่าเป็นไทยแต่ไม่มีประสบการณ์และมาร่วมกับบริษัทไทย มาร่วมประมูล ซึ่งต้องดูว่าคนไทยรู่เห็นเป็นใจหรือไม่และเอกสารมันเท็จหรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบ รวมถึงจะมุ่งไปดูประเด็น การทำกิจการร่วมค้าของที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ร่วมค้ากับนิติบุคคลของไทย 11 บริษัท โดยเฉพาะตึก สตง. ที่บริษัท อิตาเลียนไทย ร่วมกับ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ว่าเป็นกิจการร่วมค้าในการประมูลอาคารดังกล่าว

โดยจะขอเวลา ประมาณ 2 เดือน ในการตรวจสอบว่าเอกสารทั้งหมด ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ และ 29 โครงการที่ร่วมกับบริษัทไทย ที่รับงานโครงการจากรัฐบาลไปทำ ว่าทำไมถึงต้องอำพราง ทั้งที่เป็นคนไทย แต่ไม่ประมูลเอง ทำไมถึงต้องร่วมกับมีชื่อเสียงในการทำให้รัฐเชื่อมั่นและร่วมลงทุน
ส่วนที่ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ร่วมกับ บริษัทอิตาเลี่ยนไทย ที่ไปประมูล ตึก สตง. ในราคา 2,136 ล้านบาท จากราคากลาง 2,500 บาท มองว่าเป็นการฟันราคาเจ้าอื่นหรือไม่ และต้องดูข้อเท็จจริงว่าใช้เหตุผลอะไรทำให้รัฐหลงเชื่อและใช้บริการ
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังการประชุม ยืนยันหากมีหลักฐานแจ้งข้อกล่าวหาสามารถนำตัวผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ เว้นแต่ก่อนกรณีรับเป็นคดีพิเศษ พอรู้ที่อยู่ก็มีการติดตาม และเมื่อเช้าได้มีการแจ้งว่าจะต้องมีการประสานงานด่าน ตม.ทางเข้าออกประเทศด้วย

“หน้าที่ของพนักงานสอบสวนนอกจากแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ความบริสุทธิ์และความผิดแล้ว อีกหน้าที่สำคัญคือการนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องลงโทษ ในเรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเวลาจะทำเรื่อง ดูทุกเรื่อง เพราะเรามีสำนักสืบสวนสะกดรออยู่” พ.ต.อ.ทวี กล่าว...
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับบริษัทนอมินีจีน ว่ารัฐบาลนี้โดยเฉพาะในกระทรวงยุติธรรม นอกจากจะแก้ปัญหาอาชญากรรมยาเสพติดแล้ว ยังจะดำเนินการกับผู้มีอิทธิพลโดยเฉพาะกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผู้ส่งอิทธิพลต้องทำอยู่แล้ว ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าพยานหลักฐานไปถึงก็ดำเนินการได้ ซึ่งเมื่อเช้ายังได้รับฟังข้อมูลของพนักงานสอบสวน ตามที่เสนอก็มีความรอบคอบ ชี้คดีนี้เป็นคดีที่มีความสูญเสียเยอะ การดำเนินคดีต้องดำเนินการโดยเร็วบนข้อมูลพยานหลักฐานที่รอบคอบ
พ.ต.อ.ทวี ระบุว่าขณะนี้ขอทำคดีในส่วนของสาเหตุตึก สตง. ถล่มก่อน ส่วนในประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องหรือการตรวจสอบโครงการของรัฐที่มีสัญญากับบริษัทสัญชาติจีนต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ซึ่งได้มีการสอบถามเกี่ยวกับหลักฐานทางทะเบียน กรณีกิจการร่วมค้าปรากฏว่ากระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าไม่ได้รับผิดชอบทะเบียน ซึ่งรับผิดชอบเฉพาะ บริษัทนิติบุคคลตามกฎหมายแพ่ง ทำให้ข้อมูลจึงไปอยู่ที่กระทรวงการคลัง แต่กระทรวงการคลังไม่ได้ทำทะเบียนไว้ จึงต้องไปไล่ตาม สรรพากรต่างๆที่มีการเสียภาษี โดยเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องมีผู้มารับผิดชอบอาจเพิ่มภาระงานให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาร่วมดูด้วย
“อย่างน้อยเป็น 2 บริษัทหรือ 3 บริษัทเข้ามา บริษัทต่างด้าวกระทรวงพาณิชย์อยู่อยู่แล้ว ประการสำคัญเมื่ออ่านสัญญาบางครั้งอาจมีช่องว่าง ซึ่งประเทศไทยมีกฎหมายดีเยอะ แต่เวลาใช้เหมือนเป็นส่วนๆ ขาดการบูรณาการเท่าที่ควร เหมือนอานานิคมของกฎหมายหน่วยใดหน่วยหนึ่ง จึงบอกดีเอสไอต้องประสานงาน แม้แต่เรื่องการบังคับใช้กฎหมายเรื่องเข้าสู่เนื้องาน เช่นพยานหลักฐานควรต้องเก็บอย่างไร ควบคู่กับการช่วยเหลือชีวิตก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่หากปล่อยให้วัตถุพยานถล่มลงไปก็จะไม่มีภาพและวัตถุพยานไปยืนยันในชั้นศาล จึงขอให้ไปประสานงาน ให้เก็บภาพและวัตถุพยานให้มากที่สุด ทำให้พนักงานสอบสวนต้องประสานกับนิติวิทยาศาสตร์ และประสานกับวิศวกร และขอความกรุณาผู้ช่วยชีวิตช่วยบันทึกภาพเก็บไว้ด้วย” พ.ต.อ.ทวีกล่าว
ส่วนกรณีที่บริษัท ไชน่าเรลเวย์นัมเบอร์ 10 ได้โครงการสัมปทานของรัฐหลายโครงการจะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า มีหน่วยงานที่รับผิดชอบและกระทรวงยุติธรรมจะนำข้อมูลที่มีอยู่ไปให้ เช่นเรื่องกิจการร่วมค้า 29 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ส่วนดีเอสไอจะโฟกัสเฉพาะกรณีที่รับผิดชอบก่อน ส่วนกรณีอื่นจะต้องส่งให้ภาครัฐไปพิจารณา เพราะหากทำคดีใดก็ต้องทำไปเป็นคดีไป
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทวีสอดส่อง ,นอมินีจีน ,ตึกสตงถล่ม ,ไชนาเรลเวย์ฯ