"ทวี" พร้อมเปิดวงจรปิด "อดีตผู้กำกับโจ้" ฉบับเต็ม แจงดรามาแจกผ้าอนามัย LGBTQ+ ลืมเอ๊ะเรือนจำชาย

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกล้องวงจรปิดภายในเรือนจำคลองเปรม ฉบับเต็ม ในช่วงเวลาที่ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ เสียชีวิต มาให้สาธารณชนรับทราบ ว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนทั้งหมดได้นำเซิร์ฟเวอร์ไปแล้ว เนื่องจากเป็นการตายไม่ธรรมชาติ

ส่วนที่บอกว่าประชาชนเรียกร้อง ก็คงเป็นสื่อมวลชนที่มีความสงสัย ก็ให้กรมราชทัณฑ์เปิดให้ดูทุกแง่มุม อยากดูอะไรให้ไปดู แต่ส่วนที่พนักงานสอบสวนยึดไปแล้ว ต้องประสานกับพนักงานสอบสวน และได้สั่งให้อนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการอุ้มหาย ไปตรวจสอบข้อมูล ซึ่งในอนุกรรมการตอนนี้ได้ร้องไปที่อัยการด้วย ซึ่งกระทรวงยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมตรงนั้น และเร่งให้ความกระจ่างโดยเร็ว โดยต้องกระจ่างด้วยพยานหลักฐาน

ส่วนกรอบระยะเวลาจะชัดเจนอย่างไร จะต้องดูที่ผลชั้นสูตรพลิกศพของทั้ง 2 โรงพยาบาล ที่มี 2 ส่วน คือ 1.เรื่องการตาย 2.สาเหตุการเสียชีวิตว่ามีการทรมานหรือไม่ นอกจากนี้ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม จะไปดูเรื่องการปกครองการบริหาร รวมถึงจะเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยกระทรวงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว มีคนนอก ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และนิติวิทยาศาสตร์

ส่วนจะชี้แจ้งอย่างไร เพราะข้อมูลที่ให้นั้นคลาดเคลื่อนทุกวัน พันตำรวจเอกทวี ยืนยันว่า ไม่เคยคิดปกป้องใคร อยากช่วยตรวจสอบทำความจริงให้ปรากฎ เพราะเรามีความคิดที่จะปฏิรูปราชทัณฑ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรือนจำคลองเปรม ที่มีผู้ต้องหามากที่สุด กว่า 6,000 คน

ส่วน ผบ.เรือนจำ จะถูกย้ายหรือไม่ เพราะถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว พันตำรวจเอกทวี ระบุว่า ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องดู เพราะเขาก็เพิ่งมา ทราบว่าอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องการซ้อมทรมานฯ ได้ไปรวบรวมข้อเท็จจริง ซึ่งเมื่อวานก็ไปที่ราชทัณฑ์ เราก็ได้ให้ความร่วมมือกับตำรวจ วันนี้ก็จะไปสอบปากคำต่างๆ และจะมีการประชุม โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมไปดูแลความเรียบร้อย

ส่วน ผบ.เรือนจำ ได้ชี้แจงอะไรหรือไม่ เรื่องที่ถูกร้องเรียนมา พันตำรวจเอกทวี ระบุว่า ขอให้ทางสอบสวนเป็นคนพูดดีกว่า เพราะบางทีต้องฟังความทั้งฝ่ายผู้ร้อง ฝ่ายผู้ชี้แจงด้วย ยืนยันว่าเราจะทำเต็มที่ ส่วนการตรวจสอบของสื่อมวลชนก็สามารถตรวจสอบได้เลย

ส่วนกรณีที่วันนี้หัวหน้าพรรคประชาชน จะเดินทางไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย พันตำรวจเอกทวี ระบุว่า ได้ชวนตนมา แต่ติดประชุมแต่ถ้ามีเวลาจะเข้าไปดู

พันตำรวจเอกทวี ยังกล่าวถึงข้อสงสัยเรื่องของผ้าขนหนู ที่ผู้กำกับโจ้ ใช้แตกต่างจากผู้ต้องหาอื่นใช้ก่อเหตุ ว่าส่วนนั้นเป็นหลักฐานจากการซื้อผ้า และขนาดของผ้าขนหนูที่แจกของกรมราชทัณฑ์ คนละ 1 ผืน คงจะให้มีการสอบสวนว่าที่ไม่แจกมีเหตุอะไร พร้อมยืนยันว่า เป็นของหลวงไม่ใช่ของผู้ต้องขัง กิน นอน อยู่ หลวงซื้อให้ ส่วนแดน 5 ยืนยันว่าเราซื้อขนาดเดียว ชาย 1 ขนาด หญิง 1 ขนาด เป็นระเบียบเป็นเงินหลวงที่ทุกเรือนจำเหมือนกัน

พร้อมชี้แจงว่าขนาดของผ้าขนหนูคือ 30-40 นิ้ว ไม่ใช่เซนติเมตร อย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ รวมแล้ว 100 กว่าเซนติเมตร ส่วนที่มีคนเคยติดคุกออกมาให้ความเห็นว่าผ้าขนหนูคนละขนาด ว่าต้องไปดูสมัยนั้น แต่นี่คือสมัยนี้

ส่วนดรามาเรื่องการให้สัมภาษณ์ถึงประเด็น LGBTQ+ ทำไมต้องใช้ผ้าอนามัย พันตำรวจเอกทวี ระบุว่า เมื่อวานคลาดเคลื่อน เพราะในเรือนจำมีLGBTQ+ ประมาณ 88 คน ในจำนวนนี้แปลงเพศแล้ว 18 คน ในห้องข้างๆ ซึ่งตนยืนอยู่กับปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ยินเสียงไม่ชัด ซึ่งตนมีเจตนาจะพูดว่า มีพยานใกล้ชิดที่เกิดเหตุ แต่ภาพเป็นผู้หญิง เลยเข้าใจไปแบบนั้น ซึ่งตนได้คุยเอง

ส่วนตกใจหรือไม่ที่เห็นผู้หญิงอยู่ในเรือนจำชาย พันตำรวจเอกทวี ระบุว่า ตอนนั้นตนมุ่งแต่พาญาติไปดูชันสูตรพลิกศพ พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องกระจ่าง เพราะเรือนจำไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร คนที่เขาเรือนจำเราต้องดูแล ต้องเป็นสถานที่ฟื้นฟูไม่ได้มาทรงมานใคร กฎของเรือนจำก็มีใครผิดว่าไปตามผิด

เมื่อถามว่าต้องเข้มงวดเรื่องระเบียบในห้องขัง มากขึ้นหรือไม่ เนื่องจากต้นเหตุของกรณีผู้กำกับโจ้ มาจากการนำยาเส้นเข้าเรือนจำ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังเป็นคำกล่าวอ้าง ต้องรอให้กรรมการตรวจสอบรายละเอียดก่อน ซึ่งยืนยันว่าทางกรมราชทัณฑ์จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา ถ้าสังคมอยากให้มีการสอบสวน โดยเฉพาะกฎหมายได้ให้อำนาจพนักงานสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วย ต้องทำอย่างตรงไปตรงมาและทำให้เร็ว ทั้งเรื่องการตาย และสาเหตุที่ทำให้เขาตาย ถ้าเขาตายเพราะฆ่าตัวตาย ก็ต้องหาว่าอะไรคือสาเหตุจูงใจให้เขาฆ่าตัวตาย รวมถึงต้องดูว่ามีการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งได้สั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมการราชทัณฑ์ ที่มีจำนวน 19 คน ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายหน่วยงาน เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศาลยุติธรรม และตำรวจ โดยให้ใช้กรณีของเรือนจำคลองเปรม เป็นต้นแบบว่ายังมีข้อบกพร่องอะไรบ้าง

ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าในตอนแรกทางเรือนจำคลองเปรม ไม่อนุญาตให้เข้าไปตรวจสอบตามที่อดีตผู้กำกับโจ้ ถูกทำร้ายร่างกายนั้น พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่าอยากให้รับฟังคณะกรรมการมากกว่า ราชทัณฑ์มีระเบียบของเขา คนจะเข้าไปด้านใน ถ้าไม่มีหมายจำคุกก็เข้าไม่ได้ ผู้ที่จะเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังก็ต้องขออนุญาตจากผบ.เรือนจำ การเข้าไปสอบสวนก็จะมีระเบียบอยู่ ซึ่งกฎหมายของราชทัณฑ์กำหนดต้องให้ความร่วมมือให้เกิดการสอบสวนโดยเร็ว ส่วนข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างนั้นยังต้องมีการสอบสวน เมื่อสอบสวนเสร็จแล้วจะมีการพิจารณา ผบ.เรือนจำ จะใช้ระเบียบของเรือนจำ แต่ตามหลักการแล้วคนที่เป็นผู้เสียหายรัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครอง

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรกับคำกล่าวที่ว่า ผู้คุมเรือนจำ ใหญ่กว่ากฎหมาย ใหญ่กว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และใหญ่กว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า วันนี้ไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย เราจะต้องใช้หลักกฎหมายหลักนิติธรรม ตอนนี้พยายามจะทำทุกเรื่องรวมถึงเรื่องในเรือนจำ ใครบกพร่องจะต้องถูกดำเนินการ แต่จะต้องไม่เอาความรู้สึกไปตัดสิน จะต้องรอผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการ

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงมีคำสั่งย้ายผู้คุมแดน 7 และนักโทษ ส. ล่าช้านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ช้าเร็วเป็นอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ส่วนก่อนสั่งย้ายจะมีการพูดคุยกับผู้คุมแดน 7 คนดังกล่าวหรือไม่นั้น ต้องสอบถามจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์

เมื่อถามว่าการปฏิรูปราชทัณฑ์จะสามารถดำเนินการได้เมื่อไรและจะเรียกความเชื่อมั่นได้หรือไม่ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ได้เริ่มนับหนึ่งไปแล้ว ทั้งเรื่องผู้ต้องหาระหว่างอย่าง อย่างกรณีอดีตผู้กำกับโจ้ ก็เป็นผู้ต้องหาระหว่าง ที่เป็นผู้ต้องหาเด็ดขาด ซึ่งผู้ต้องหาระหว่างจะมีทั้งผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวนที่ยังฝากขังอยู่ กับผู้ต้องหาระหว่างที่ศาลตัดสินไปแล้ว จะต้องมีหลักปฏิบัติต่างกัน

เมื่อถามว่าขณะนี้หลายเรื่อง ประเดประดังมาที่กระทรวงยุติธรรมทั้ง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อุยกูร์ และยังมีเรื่องของอดีตผู้กำกับโจ้อีก พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า อุยกูร์ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงยุติธรรม ส่วนกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องที่เราต้องแก้ปัญหา ซึ่งหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมภายใต้การนำของตน จะขจัดการมีอิทธิพล แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง รวมถึงการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา