“ทวี” แถลงสับสน ปมการตาย “อดีตผกก.โจ้” บอกผู้ต้องขังห้องข้างๆ เป็นหญิงมีประจำเดือน

จับพิรุธ “ทวี” แถลงปมการตาย “อดีตผกก.โจ้” บอกผู้ต้องขังห้องข้างๆ เป็นหญิงมีประจำเดือน ก่อนยอมรับจำข้อมูลสับสน ด้านน้องสาวเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม “ทวี” ย้ำกรมราชทัณฑ์ต้องปล่อยวงจรปิดตัวเต็ม-สอบผู้คุมทั้งเรือนจำ

วันนี้ (10 มี.ค. 2568) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงข่าวชี้แจงเรื่องการตายของอดีตผู้กำกับโจ้อีกครั้ง แต่มีช่วงหนึ่งที่ให้ข้อมูลที่น่าสงสัย เรื่องผู้ต้องขังที่อยู่ใกล้ห้องขังของอดีตผู้กำกับโจ้ว่าเป็นผู้หญิงมีประจำเดือน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์อธิบายเรื่องห้องขังที่ควบคุมอดีตผู้กำกับโจ้ว่า ห้องที่อดีตผู้กำกับโจ้นอน อย่าเรียกว่าห้องขังเดี่ยว ให้เรียกว่าห้องนอน เพราะตอนกลางวันอดีตผู้กำกับโจ้ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกตามปกติ ญาติยังมาเยี่ยมได้ แต่พอถึงเวลาต้องเข้าเรือนนอนก็จะมานอนที่ห้องนี้เท่านั้น ซึ่งห้องนี้จริงๆ นอนได้ 4-5 คน และวันนั้นห้องข้างๆ ห้องขังของอดีตผู้กำกับโจ้ยังมีผู้ต้องขังหญิงที่เป็นประจำเดือนอยู่ด้วย

คุณสุวรรณ นักข่าวอาชญากรรมช่อง 3 ถามว่า เป็นแดนผู้ต้องขังชายจะมีผู้หญิงได้อย่างไร รัฐมนตรีจึงตอบไปว่า ผู้ต้องขังคนดังกล่าวเป็น LGBTQ+ นักข่าวเลยถามจี้ต่อว่า แม้จะเป็นสาวข้ามเพศ แต่ก็ไม่สามารถมีประจำเดือนได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องเข้ามาขัด ขอให้หยุดถามในประเด็นนี้ รัฐมนตรีจึงติงเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวว่า “อย่าไปขัดเขา” ก่อนจะออกตัวว่า “ตัวท่านเองอาจจะจำข้อมูลสับสน”

ขณะที่เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาน้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ก็ได้ยื่นหนังสือต่อพันตำรวจเอก ทวี เพื่อขอให้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยเฉพาะการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ภายในเรือนจำ พร้อมขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การช่วยเหลือ รู้สึกมั่นใจมากขึ้นหลังได้เข้าพบรัฐมนตรี ซึ่งพันตำรวจเอก ทวี ก็รับปากพร้อมย้ำว่า ให้มั่นใจในคณะกรรมการชุดที่กำลังแต่งตั้งขึ้น เพราะมีผู้ตัวแทนจากหลายองค์กรที่จะเข้ามาร่วมตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นน้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ ก็เดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์

จากนั้น พันตำรวจเอก ทวี ชี้แจงข้อสงสัยของสังคมเรื่องการตายของอดีตผู้กำกับโจ้หลายประเด็น โดยเฉพาะห้องขังที่เกิดเหตุ ย้ำว่า ห้องดังกล่าว ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว แต่เป็นห้องนอน ที่โดยปกติสามารถรองรับผู้ต้องขังได้ 4-5 คน แต่อดีตผู้กำกับโจ้นอนคนเดียว และตอนกลางวันก็ยังสามารถไปร่วมกิจกรรมอื่นๆ ได้หมด และวันก่อนเกิดเหตุก็ยังได้เข้าเยี่ยมญาติด้วย ซึ่งปกติแล้วสิ่งที่ผู้ต้องขังในเรือนจำเรียกร้องมาที่สุดก็คือพื้นที่การนอน แต่ประเด็นที่เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือล่าช้า เนื่องจากเรือนจำมีที่ประมาณ 100 ไร่ และต้องไปเอากุญแจที่อาคารด้านนอก กว่าจะมาถึงห้องขังจึงล่าช้า

กรณีที่ครอบครัวอดีตผู้กำกับโจ้บอกว่า มีเจ้าหน้ากรมราชทัณฑ์โทรศัพท์ไปเจรจาให้ถอนฟ้องผู้คุมคดีทำร้ายร่างกายภายในเรือนจำ แลกกับการปล่อยตัวอดีตผู้กำกับโจ้จากห้องขัง เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ที่สำคัญการที่ผู้ต้องขังเสียชีวิตในเรือนจำ ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรงจะต้องสอบปากคำผู้คุม และเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงานในขณะนั้นทั้งเรือนจำ

ส่วนเรื่องที่เคยบอกว่า อดีตผู้กำกับโจ้มีอาการป่วยทางจิตเวช เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดเพราะที่จริงแล้ว แพทย์ยืนยันอดีตผู้กำกับโจ้แค่มีอาการวิตกกังวล ไม่ใช่อาการป่วยทางจิตเวช

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ทวี ยังบอกด้วยว่า คดีนี้แยกเป็น 2 ส่วน คือคดีการเสียชีวิต และคดีมูลเหตุจูงใจที่นำไปสู่การเสียชีวิต และประเด็นที่ครอบครัวอดีตผู้กำกับโจ้ยังติดใจ กรมราชทัณฑ์ควรชี้แจงหลักฐานให้ครบถ้วน พร้อมยืนยันว่า แม้อดีตผู้กำกับโจ้จะเสียชีวิตแล้ว แต่คดีอาญาก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะผู้กระทำความผิดยังมีชีวิตอยู่จนกว่าจะหมดอายุความ โดยสามารถสอบสวนจากพยานหลักฐานอื่น เช่น พยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด และพยานบุคคล ดังนั้นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ควรอนุญาตให้นำกล้องวงจรปิดตัวเต็ม ที่ไม่ผ่านการตัดต่อมาเผยแพร่ เพื่อคลายข้อสงสัยของครอบครัว