“เผ่าภูมิ” ยัน คิดดีแล้ว แจกเงินดิจิทัลวัยรุ่น ใช้เป็น ใช้เร็ว ยันงบเพียงพอ

“เผ่าภูมิ” รมช.กระทรวงการคลัง ยืนยัน คิดมาอย่างดีแล้ว เงินหมื่นดิจิทัลเฟส 3 แจกวัยรุ่น อายุ 16-20 ปี เพราะเป็นกลุ่มที่ใช้เป็น ใช้ได้เร็ว เรียนรู้ง่าย ยืนยันมีงบเพียงพอ

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าประชาชนที่ลงทะเบียนในโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่ผ่านเกณฑ์ทุกคนจะได้รับสิทธิ์ตามโครงการอย่างแน่นอน โดยการแจกเงินในเฟสที่ 3 นี้ จะดำเนินการกับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์ อายุ 16-20 ปีก่อน ถือเป็นการทดสอบระบบดิจิทัลวอลเล็ต เนื่องจากมีการพิจารณาแล้วว่าประชาชนกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่ใช้ดิจิทัลเป็น และใช้ได้เร็ว มีความสามารถในการเรียนรู้ได้สูง จึงเลือกช่วงดังกล่าวเป็นกลุ่มแรกในการทดลองระบบดังกล่าว

สำหรับประชาชนกลุ่มอายุตั้งแต่ 20 ปี ถึง 59 ปีนั้น ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา แต่ยืนยันว่ารัฐบาลได้ตั้งงบประมาณสำหรับใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงโครงการดิจิทัล วอลเล็ตไว้เรียบร้อยแล้ว โดยปัจจุบันยังเหลือเม็ดเงินอีกราว 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะมีการใช้จ่ายในกลุ่มอายุ 16-20 ปี ราว 2.7 หมื่นล้านบาท ดังนั้นยังมีเม็ดเงินเหลืออีก ประมาณ 1.2 แสนกว่าล้านบาท ที่จะใช้ดำเนินการได้ โดยคาดว่าการดำเนินการในเฟสต่อไปจะดำเนินการได้ทันภายในปีงบประมาณ 2568 แน่นอน ซึ่งตามกระบวนการจะต้องชงเรื่องให้แล้วเสร็จก่อนเดือน ก.ย. นี้

ยืนยันรัฐบาลได้พิจารณาถึงจังหวะที่เหมาะสมในการจะใส่เม็ดเงินเข้าไปว่าควรจะเป็นช่วงไหน ใส่เท่าไหร่ และใส่มากเท่าไหร่ โดยหากพิจารณาตามแนวโน้มเศรษฐกิจ พบว่า ภาพรวมในไตรมาส 1/2568 จะออกมาดี ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 2/2568 ก่อนที่จะแผ่วลงในช่วงปลายไตรมาส 2 ดังนั้นจึงเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องใส่เม็ดเงินเข้าไปในช่วงดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลพิจารณาแล้วว่าช่วงอายุ 16-20 ปี ที่ได้รับสิทธิ์ เมื่อได้รับเงินไปแล้วก็จะมีการนำเงินไปใช้จ่ายอย่างแน่นอน เพราะใช้ดิจิทัลเป็น ใช้ได้เร็ว

ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าที่สามารถใช้จ่ายได้โครงการครั้งนี้นั้น รัฐบาลไม่ได้มีการกำหนดสินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการ (Negative List) แต่มีการกำหนดร้านค้าที่เป็น Negative List เช่น ร้านขายเหล้า ร้านขายบุหรี่ ร้านขายทอง ปั๊มน้ำมัน รวมถึงมีการกำหนดขนาดร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการชัดเจน


นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังได้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ จำนวนมาก ซึ่งมีทั้งโครงการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งเกี่ยวเนื่องทั้งการกระตุ้นในภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ส่วนรายละเอียดคงต้องรอให้แต่ละกระทรวงที่รับผิดชอบชี้แจงเอง