“ทวี” ห่วง กกต. หวั่น พิจารณาคดีฮั้วเลือกส.ว. ไม่ทันตามกรอบกฎหมายกำหนด 3 เดือน

“ทวี” ห่วง กกต. หวั่น พิจารณาคดีฮั้วเลือกส.ว. ไม่ทันตามกรอบกฎหมายกำหนดที่เหลือ เพียง 3 เดือน ชี้หากไม่ทันเท่ากับนิรโทษกรรมคนทำผิด ลั่นยังมีคดีอาญา ฟอกเงิน อั้งยี่ ยุยง DSI เดินหน้าต่อได้ มอง กกต. ไม่เข้าร่วมประชุมพิจารณาคดีฮั้ว สว. พรุ่งนี้ไม่มีผล แต่ขอเร่งส่งหนังสือตอบกลับ กคพ.

พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในฐานะรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษหรือ กคพ. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จะไม่ร่วมกันประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ที่จะประชุมในวันที่ 6 มีนาคมที่จะถึงนี้ ว่า ไม่มีผลในการประชุมพิจารณา เนื่องจากการประชุมครั้งที่ผ่านมาเป็นเพียงการประชุมขอให้เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาของอนุกรรมการฯ ก่อน แต่หากจะไม่มาร่วมการประชุมในวันพรุ่งนี้ ก็จะให้ทางดีเอสไอส่งคำถามไป ซึ่งคาดว่าในวันนี้จะตอบคำถามกลับมา ซึ่งหากตอบกลับมาแล้วก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น

โดยคำถามที่ส่งไปเป็นเรื่องในที่ประชุมของคณะกรรมการคดีพิเศษ ที่มีความเห็นร่วมกันว่าคดีที่เป็นความผิดของ กกต. เรื่องการได้มาของ สว. ตามมาตรา 77 วรรค 1 ซึ่งทางคณะกรรมการคดีพิเศษมีความเห็นมาตลอดว่าเป็นอำนาจของ กกต. แต่ระหว่างที่รอ กกต. รับสำนวนไป ก็จะไม่ตัดสิทธิ์อำนาจของฝ่ายสืบสวนสอบสวน ซึ่งที่ผ่านมาทำหนังสือไปหลายครั้ง ว่าทางกกต. จะมีการเรียกสำนวนกลับไปหรือไม่

พันตำรวจเอกทวี กล่าวอีกว่า สิ่งที่มีความเป็นห่วงมากที่สุดเป็นเรื่องของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเรื่องการได้มาของส.ว. มีการเขียนกำหนดระยะเวลาและกกต. ก็ต้องไปกำหนดระยะเวลาในระเบียบว่าจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาอีก 3 เดือนกับการร้องเรียนที่เข้ามาจำนวนถึง 140 คน หากกกต. ยังไม่เร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จ จะเป็นการนิรโทษกรรมให้ผู้กระทำความผิดได้ ส่วนตัวจึงแสดงความเป็นห่วงไปยังกกต.

ส่วนกรณีที่ กกต. ทำหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการคดีพิเศษแล้วก็มองว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งคนมาเข้าร่วมประชุมพิจารณา เพราะเบื้องต้นทางคณะกรรมการคดีพิเศษมีข้อมูลอยู่แล้วเกี่ยวกับความผิดคดีอาญาอื่นๆ โดยเฉพาะคดีความผิดฐานฟอก ความผิดอั้งยี่ที่พิจารณาตรวจพบก่อนหน้านี้ รวมถึงความผิดตามมาตรา 116 ที่เกี่ยวข้องกับการยุยงส่งเสริม ให้บุคคลไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องนี้ตั้งข้อสังเกตว่าเข้าลักษณะครอบงำอำนาจนิติบัญญัติหรือไม่ โดยทางเราก็จะพิจารณาต่อไป

เมื่อถามว่าการที่กกต.ไม่ส่งคนมาแต่เป็นการทำหนังสือแทนจะเข้าข่ายลักษณะไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่าเป็นการประสานไป เหมือนเป็นทางเลือกหากตอบกลับคำถามที่ส่งไปก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาเข้าร่วมประชุม แต่หากให้บุคคลที่ไม่ใช่ กกต. มาเข้าร่วมประชุม การพิจารณาอาจจะไม่สมบูรณ์ และทราบว่ากกต.จะส่งหนังสือชี้แจงมาภายในวันนี้ ดังนั้นจะต้องรีบนำหนังสือคำชี้แจงให้คณะกรรมการฯ ตรวจสอบดู