เลือกตั้งและการเมือง

กมธ.มั่นคง จี้ปมเก็บอัตลักษณ์แก๊งคอลฯ ตม.ยอมรับข้อมูล “ไบโอแมทริกซ์” เต็ม ใช้ระบบแมนนวลแทน

โดย chutikan_o

20 ก.พ. 2568

193 views

กมธ.มั่นคง จี้ปมเก็บอัตลักษณ์แก๊งคอลฯ หลังพบข้อมูล “ไบโอแมทริกซ์” เต็ม ตม.รับเป็นเรื่องจริง ต่างชาติเข้าไทยใช้ระบบแมนนวลมา 1 ปีแล้ว 17 ล้านคน รอระบบใหม่อีก 29 เดือน ยันส่งตัวผ่านแม่สอดวันนี้เข้าลักษณะเป็นบุคคลต้องห้าม ต้องขึ้นแบล็กลิสต์

คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธานกรรมาธิการ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานการตรวจคนเข้าเมือง และบริษัทท่าอากาศสยานไทย จำกัด (มหาชน) มาชี้เรื่องการส่งตัวชาวต่างชาติจากเมียวดี ประเทศกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ผ่านด่านชายแดนไทยจังหวัดตาก ทางการจีนส่งเครื่องบินมารับคนกลับประเทศ ทำให้เกิดข้อกังวลว่าจะไม่ได้เก็บอัตลักษณ์บุคคลเพื่อเป็นฐานของทางการไทย เพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรป้องกันการเดินทางกลับเข้าไทยโดยใช้พาสปอร์ตและสัญชาติอื่น

พ.ต.อ.เนติ ขันบุญ ผู้กำกับการฝ่ายจัดการระบบและฐานข้อมูล ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง ชี้แจงว่า โดยปกติแล้วการเดินทางเข้าออกประเทศไทยจะมีการเก็บตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลทุกกรณี ซึ่งในกรณีการส่งคนผ่านชายแดนเมียวดีนี้ ตนเองไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโดยตรงในจุดที่แม่สอด แต่ตามขั้นตอนเมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทยจะต้องตรวจสอบลายนิ้วมือในระบบไบโอแมทริกซ์ยืนยันตัวบุคคล ถ้ามีข้อมูลเข้าไทย แต่ไม่มีข้อมูลเดินทางออก น่าจะลักลอบออกไป จะถือว่าผิดปกติทันที อีกทั้งด่านเมียวดีเป็นด่านปิดที่นักท่องเที่ยวจากประเทศที่3 ไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ถ้าตนเองเป็นผู้กำกับ ตม.ตาก คงสันนิษฐานว่าเป็นบุคคลต้องสงสัย เป็นภัยต่อความมั่นคง ต้องเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลไว้แน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่ให้เข้าเมืองมาโดยโดยไม่มีการตรวจยืนยันตัวบุคคล ยกเว้นระบบมีปัญหา ณ เวลานั้น แต่ก็จะมีการเก็บระบบอื่น ซึ่งจากการตรวจสอบวันนี้ได้รับรายงานมาจากที่ด่านว่ามีการเก็บอัตลักษณ์บุคคล ที่ข้ามเข้ามาในวันนี้แน่นอน

นายรังสิมันต์ ได้ถามว่าระบบไบโอแมทริกซ์ของไทยสามารถจัดเก็บข้อมูลอัตลักษ์บุคคลได้เท่าไร ซึ่ง พ.ต.อ.เนติ ยอมรับว่า เดิมระบบไบโอแมทริกซ์ของไทยสามารถจัดเก็บข้อมูลอัตลักษ์บุคคลได้ 30 ล้านไลเซนส์ หรือ 30 ล้านคน และมีการจัดซื้อเติม 2 ครั้ง รวมเป็น 50 ล้านไลเซนส์ ซึ่งมีการจัดเก็บหมดไปแล้ว และยังไม่มีการซื้อเพิ่ม เพราะกำลังพัฒนาระบบเก็บอัตลักษณ์บุคคลใหม่ กรอบเวลา 29 เดือน วงเงินงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ตม.ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าของงบประมาณ 50 ล้านบาทในการซื้อลิขสิทธิ์เพิ่มเติม ดังนั้นในตอนนี้การจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลจะจัดเก็บเป็นภาพถ่ายใบหน้า และพิมพ์ลายนิ้วมือ และการบันทึกข้อความ โดยในปี 2567 มีผู้เดินทางเข้าออกประเทศโดยไม่มีไลเซนส์ 17 ล้านคน ทั้งนี้ยอมรับว่าระบบไบโอแมทริกซ์เป็นจุดอ่อนของไทยในเวลานี้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะยังแบล็กลิสต์ที่หากพบต่างด้าวกระทำความผิดสามารถกับข้อมูลลงฐานข้อมูลแบล็กลิสต์ได้เลย เหมือนกับกรณีนี้ถ้าตีความว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะเก็บข้อมูลเป็นแบล็กลิสต์ตรวจสอบข้อมูลได้

ขณะที่นายรังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกตว่าในระยะเวลาที่ระบบใหม่ยังใช้ไม่ได้จะเกิดวิกฤติเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ จึงสันนิษฐานว่าเหตุที่ไม่เอาคนที่ถูกส่งตัวจากเมียวดีมาเข้าระบบไบโอแมทริกซ์เพราะไลเซนส์เต็ม จึงใช้วิธีบันทึกภาพถ่ายใบหน้าและพิมพ์ลายนิ้วใช่หรือไม่ พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่าไม่ใช่ เพราะบุคคลกลุ่มนี้เข้าลักษณะบุคคลต้องห้าม ขอแค่สันนิษฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากพฤติการณ์การเดินทางเข้าไทยแล้วมุดออกไปตามแนวชายแดนตากถือว่าไม่น่าไว้วางใจ สามารถขึ้นแบล็กลิสต์ได้เลย ไม่ต้องใช้ไลเซนส์ ซึ่งยืนยันต่อให้เปลี่ยนพาสปอร์ตและสัญชาติใหม่ยังไงก็ตรวจสอบเจอว่าเคยถูกผลักดันออกนอกประเทศ จะให้เข้าประเทศใหม่หรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ตม.



คุณอาจสนใจ

Related News