กมธ.ที่ดิน โวยวิกฤตผู้นำ ไร้ทิศทางแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 “แบงค์ ศุภณัฐ” ซัดรัฐบาลบริหารตามมีตามเกิด

“แบงค์ ศุภณัฐ” ซัด “นายกรัฐมนตรี” ปล่อยหน่วยงานราชการแก้ไขปัญหาตามยถากรรม สะท้อนรัฐบาลบริหารฝุ่นตามมีตามเกิด จี้ถึงเวลาแสดงความเป็นผู้นำ นัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคาะนโยบายสักที ด้าน กมธ.ที่ดิน เหนื่อย เชิญหน่วยงานแจงแก้ฝุ่น แต่ยังไร้ทิศทางแก้อย่างยั่งยืน

วันที่ 14 ก.พ. 2568 ที่รัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.ที่ดินและสิ่งแวดล้อมฯ พร้อมด้วย สส.พรรคประชาชน ร่วมแถลงความคืบหน้าการแก้ไขวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่สะท้อนวิกฤตภาวะผู้นำทั้งในระดับ กทม. และระดับรัฐบาล หลังผู้นำฝ่ายค้านได้เสนอแนะแนวทางให้กับรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหานี้ไปแล้ว

โดยนายพูนศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวานได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเรื่องนี้ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่พบว่าแนวทางที่หน่วยงานเสนอเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุและเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไม่มีการนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน จึงมองว่านี่คือวิกฤตของผู้นำ ไม่ใช่แค่ระดับนายรัฐมนตรี แต่ลามไปถึงระดับท้องถิ่นด้วย ขณะที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยได้ชี้แจงแล้วว่าได้ลดการเผ่าเหลือเพียง 15% แต่กลับไม่ได้รับการชดเชยตามที่รัฐบาลบอกไว้ จึงวิกฤตของผู้นำและผู้ปฏิบัติอย่างแท้จริง

ด้านนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวว่า พวกเราพยายามประสานระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ กทม. เพื่ออุดช่องว่างการประสานงานและติดตามข้อเสนอที่ผู้ว่าฯกทม. เสนอไปยังนายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่มีใครให้ความสำคัญ ทั้ง 2 ฝ่าย ส่งแค่เจ้าหน้าที่มาร่วมประชุม โดย 11 ข้อเสนอที่ผู้ว่าฯเสนอหน่วยราชการปัดตกถึง 7 ข้อ ตอบรับเพียง 4 ข้อ

คือ 1.ติดตั้งเครื่องตรวจมลพิษที่โรงงานอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานมีแผนที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี้ 2.การศึกษาโครงการผลกระทบโรงกลั่นน้ำมัน 3. โครงการประกาศเขตควบคุมมลพิษที่ดำเนินการอยู่ 4. การเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังผลักดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด แต่อีก 7 ข้อที่เหลือ หน่วยงานราชการบอกไม่เห็นด้วย หรือ ไม่มีนโยบายที่จะดำเนินการ อาทิ การย้ายท่าเรือคลองเตย ทางการท่าเรือแจ้งว่าไม่มีแผนตามข้อเสนอของผู้ว่าฯ กทม. และทางกรมควบคุมมลพิษก็ไม่ยอมให้อำนาจ กทม.มาตรวจสอบเอง และมาตรการควบคุมปริมาณรถยนต์ด้วยการจำกัดการซื้อรถใหม่ ซึ่งหน่วยงานแจ้งว่าไม่มีนโยบายนี้เพราะรัฐบาลไม่สั่งให้ทำ ตนจึงมองว่าข้อเสนอเหล่านี้จะไม่ได้รับการสนับสนุนเลยถ้าไม่ได้รับการผลักดันจากฝ่ายการเมือง

“ณ เวลานี้รัฐบาลและฝ่ายการเมืองไม่มีนโยบายที่ชัดเจน ไม่มีใครนั่งหัวโต๊ะแล้วเคาะว่านโยบายไหนจะทำหรือไม่ทำ ปล่อยให้หน่วยงานราชการทำกันเองตามยถากรรม ขาดทิศทาง ขาดเป้าหมาย ไม่รู้ว่าจะลดฝุ่นในภาคอุตสาหกรรม ภาคการขนส่ง และภาคการเกษตรอย่างไร เรียกได้ว่ารัฐบาลกำลังบริหารประเทศ บริหารวิกฤตฝุ่น pm2.5 ตามมีตามเกิด พรรคประชาชนจึงอยากเรียนว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่จะต้องทำตัวเป็นผู้นำ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน สรุปข้อเสนอจากหลายฝ่าย และออกมาเป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้หน่วยงานเอาไปปฏิบัติ”