เลือกตั้งและการเมือง
'สนธิ' นำมวลชน ยื่นยกเลิก MOU 44 ขีดเส้น 15 วัน 'นพดล' เชื่อไม่มีรัฐบาลไหนไร้จิตสำนึก ทำไทยเสียดินแดน
โดย passamon_a
10 ธ.ค. 2567
144 views
สนธิ นำมวลชน ยื่นยกเลิก MOU 44 ขีดเส้น 15 วัน ต้องมีคำตอบ ถ้าไม่ทำประกาศลงถนน ทะลุซอยแน่ - นพดล เชื่อไม่มีรัฐบาลไหนไร้จิตสำนึก ทำไทยเสียดินแดน
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.67 นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 2 อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เพื่อคัดค้าน และขอยกเลิก MOU 44 เพราะอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทางทะเล ไทย กัมพูชา ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล
โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีกลุ่มมวลชนที่ส่วนใหญ่สวมเสื้อสีเหลือง พร้อมกับนำธงชาติไทย ธงช้าง และป้ายสัญลักษณ์ข้อความต่าง ๆ พร้อมกับมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ กับมวลชนที่มาแสดงจุดยืนในวันนี้ เพื่อแนบท้ายไปกับคำร้องฯ โดยมวลชนมีจำนวนมากจนเต็มพื้นที่ ลานจอดรถและใต้อาคาร ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ของทำเนียบรัฐบาล
ขณะบริเวณจุดแถลงข่าว ได้มีการนำเอาป้ายแผนที่โดยรอบพื้นที่ทางทะเล บริเวณที่ทับซ้อนระหว่างไทยและกัมพูชา มาติดตั้ง พร้อมกับนำเอาภาพ ส.ค.ส. พระราชทาน พ.ศ. 2547 จาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นภาพแผนที่บริเวณคาบสมุทรอินโดจีนบนตารางช่องเล็ก ๆ ซึ่งมีเสาธงปักอยู่ พร้อมภาพระเบิดและควันล้อมรอบคาบสมุทรอินโดจีน อยู่ทั้ง 4 ด้าน มาเตรียมไว้
จากนั้นเมื่อ นายสนธิ และนายปานเทพ เดินทางมาถึง มวลชนได้ร่วมกันตะโกนให้กำลังใจนายสนธิ ว่า “สนธิสู้ ๆ สนธิสู้ ๆ” ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องประชุม โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที จากนั้นนายสนธิได้แถลงข่าว พร้อมกับอธิบายคู่กับภาพ ส.ค.ส. พระราชทาน พ.ศ.2547 ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า
วันนี้ตนมาร้องเรียนกึ่งกล่าวหา ว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังทำผิด เพราะว่าเอ็มโอยู 2544 นั้นมันเป็นเอ็มโอยูขายชาติ 20 ปีที่แล้วที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชทาน ส.ค.ส.ให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบ ท่านเขียนว่ามีระเบิดทั่วไปหมดเลย แต่มีประเทศไทยที่เดียวที่ไม่มี ที่สำคัญท่านบอกว่าความสามัคคีคือความสุขของประเทศชาติ จากนั้นนายสนธิได้ชี้ไปที่บริเวณพื้นที่ทางทะเล ภาคตะวันออก ซึ่งในแผนที่บน ส.ค.ส.พระราชทานนั้นว่างเปล่า พร้อมกับบอกว่า ที่ว่างเปล่าเพราะนี่คือพื้นที่ของประเทศไทย นี่คือแผนที่ที่พระองค์ท่านเขียนด้วยลายมือของพระองค์เอง
ก่อนที่นายสนธิจะนำเอาแผนที่ฉบับจริงขึ้นมาโชว์ และกล่าวว่า หากนำเอาสองแผนที่นี้มาประกบกันก็จะเห็นว่าตรงกันพอดี ลงตัวกันพอดี
จากนั้นนายสนธิได้อ่านพระบรมราชโองการ พ.ศ.2516 ซึ่งเป็นประกาศราชกิจจานุเบกษา ประกาศกำหนดไหล่ทวีปประเทศไทยด้านอ่าวไทย ก่อนกล่าวต่อว่า พระบรมราชโองการนั้นชัดเจน และมาจากประมุขของประเทศ ซึ่งก็เปรียบเหมือนกฎหมายเด็ดขาด ในการกำหนดพื้นที่ บริเวณอ่าวไทยของประเทศไทย คำถามมีอยู่ว่าเอ็มโอยู 2544 นั้น เกิดขึ้นมาได้อย่างไร โดยไม่คำนึงถึงพระบรมราชโองการ พ.ศ.2516 แต่เกิดขึ้นมาขณะที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนั้น ไปจับมือกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เพื่อเปิดโอกาสให้กัมพูชา ยอมรับแผนที่ของกัมพูชา ที่ซี้ซั้วร่างขึ้นมาเอง เข้ามากินพื้นที่ของคนไทย และคนที่ร่างเอ็มโอยู 44 ก็คือ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ที่ต้องการให้นายทักษิณผลักดัน ลงสมัครเป็นเลขาธิการสหประชาชาติในขณะนั้น
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เมื่อนายทักษิณไม่เห็นพระบรมราชโองการ 2516 อยู่ในสายตา แต่ทำไม 31 สิงหาคม 2566 จึงยอมรับพระบรมราชโองการ พระราชทานอภัยลดโทษ ให้จาก 8 เหลือ 1 ปี อะไรที่เป็นพระบรมราชโองการที่ให้ประโยชน์ต่อคุณ คุณก็เอาใช่ไหม แต่อะไรที่คุณไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่เอา นี่คือความจริง ผมจึงกล้าพูดได้ว่าเอ็มโอยู 2544 คือเอ็มโอยูขายชาติ และประเทศไทยไม่เคยมีพื้นที่ทับซ้อน แต่เรามีนายกรัฐมนตรีทับซ้อน เพราะฉะนั้นแล้วเอ็มโอยู 2544 หากเป็นไปตามพระบรมราชโองการ 2516 นั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้
ผมให้เวลารัฐบาลชุดนี้ 15 วัน หลังจากนั้นจะมาติดตามผล และขั้นต่อไป ผมจะไปร้องเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร ผมจะส่งเอกสารให้ สส. และ สว. ทุกคนยืนยันสิทธิของประเทศไทย ว่าหากคนไหนลงมติเห็นชอบเอ็มโอยู 44 ก็ถือว่าร่วมอยู่ในกระบวนการขายชาติเช่นเดียวกัน และถ้าความจริงหนึ่งเดียวปรากฏ ในอนาคตข้างหน้าก็จะต้องติดคุกติดตารางในฐานะขายชาติ หลังจากนั้นตนก็จะไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ ว่าหากไม่ร่างสัญญาใหม่เพื่อปกป้องอาณาเขตของไทย คุณก็คือข้าราชการขายชาติเช่นเดียวกัน
นายสนธิ ได้ประกาศถึงท่าทีในการลงถนน ว่าหากเราจะสู้กับรัฐบาลโจรก็ต้องทำอย่างรอบคอบ เหตุผลที่เราต้องมาร้องเรียน เราได้มีการกำหนดกรอบเวลาไว้แล้ว ถ้าไม่ทำจะเกิดอะไรขึ้น ตนอายุมากแล้ว ทำอะไรก็ต้องทำด้วยความระวัง สู้ครั้งนี้ถ้าถึงที่สุดแล้วต้องชนะลูกเดียว มีแกนนำเก่า มาบอกว่าตนไม่มีมวลชนแล้ว แต่มวลชนที่มาวันนี้ตนไม่ได้ระดม แต่มาด้วยใจ ถ้าถึงเวลาที่จะต้องมา ก็จะมากกว่า 1,000 เท่า 10,000 เท่า ทำให้มวลชนตะโกนโห่ร้อง เป็นที่ถูกใจ
"มีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยบอกว่า ถ้าไม่ตกลงผลประโยชน์ก็จะรบกันหรืออย่างไร ผมจึงบอกว่ามึงกินยาผิดหรือเปล่า กูไม่ได้ทะเลาะกับใคร กูถามว่าอันนี้เป็นของกูใช่มั้ย ถ้าเป็นของกูมึงมาเอาไปได้อย่างไร ถ้ามึงไม่ฟัง มึงจะมาเอาคืนก็ต้องเจอกัน"
มีคนว่าตัวเองเป็นสารตั้งต้นของความวุ่นวาย ประเทศไม่เดินหน้า ต่อไปเพราะการประท้วงของตน จึงขอถามกลับว่าที่ตนออกมาประท้วงปี 2548 กูประท้วงใคร ประท้วงเรื่องอะไร ใช้เวลา 18 ปีในการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ว่าความจริงมีเพียงหนึ่ง ให้ทักษิณสารภาพผิด ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ว่าได้คดโกงประเทศชาติไปอย่างไร ความจริงประวัติศาสตร์รอตั้ง 18 ปี
นายสนธิ กล่าวขอให้พี่น้องใจเย็น ๆ ไม่ต้องรีบร้อน เราจะทำเป็นขั้นเป็นตอน ทำจนกระทั่งสุดขั้นตอน สุดซอยแล้ว ถ้ายังไม่รู้เรื่อง ก็จะทะลุซอยเลย ถึงวันนั้นถ้าจำเป็น ก็ต้องออกมาแสดงพลัง พร้อมถามกับมวลชนว่าพร้อมหรือไม่พร้อม
"นายกอุ๊งอิ๊ง และพรรคเพื่อไทย ผมและพวกผมและอีกเยอะในประเทศไทย ทำผิดตรงไหนที่เรารักชาติ ทำผิดตรงไหนที่เราไม่ยอมส่งต่อดินแดน ที่เป็นของเราสิทธิอาณาเขตของเรา ให้กับเขมร เพียงเพราะผู้นำเขมรและนายกทับซ้อนบางคน มีข้อตกลงกันว่าจะแบ่งผลประโยชน์กัน 50/50 เราผิดตรงไหน วันนี้เราได้แสดงพลังให้ฝ่ายตรงข้ามได้เห็นแล้ว อย่ามาทะลึ่งกับกู
นายสนธิ ยังกล่าวถึงการจัดเวทีดีเบต ระหว่างตัวแทนรัฐบาลกับกลุ่มของตัวเอง ซึ่งจะเป็นโทรทัศน์ช่องไหนก็ได้ จะใช้ NBT ที่คุณยึดมา หรือท็อปนิวส์ ที่คุณเป็นเจ้าของก็ได้ ได้ทั้งนั้นแต่ต้องเปิดเวทีสาธารณะให้กับประชาชน ให้รับทราบข้อเท็จจริง คุณมีด็อกเตอร์กี่คน จะเป็นด็อกเตอร์จากดาวอังคาร ก็เอามาให้หมด ของผมมีไม่เกินสองสามคน นำโดยนายปานเทพ ตนต้องการเปิดเวทีสาธารณะไม่ใช่ให้ไปงุบงิบกันในสภา ด้วยเหตุนี้ตนจึงต้องไปร้องเรียนต่อประธานรัฐสภา
ด้าน นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการที่มีผู้เห็นต่างยื่นหนังสือถึงรัฐบาล รวมทั้งการเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 44 นั้น ตนเห็นว่ารัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นต่าง และตอบทุกข้อห่วงใย แต่ความเห็นต่างนั้นควรตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ถูกต้อง อย่าใช้ความเท็จมาโจมตีรัฐบาล เช่นบอกว่าถ้าเจรจาตาม MOU 44 จะทำให้เสียดินแดน ซึ่งไม่จริง และคงไม่มีรัฐบาลไหนไร้จิตสำนึก จนทำให้ไทยเสียดินแดน
ตนไม่อยากเห็นการใช้ความเท็จ เพราะเคยเป็นเหยื่อการใส่ร้ายเท็จเรื่องเขาพระวิหาร ว่าพวกตนจะทำให้เสียดินแดน ปลุกปั่น จุดกระแส แต่ท้ายที่สุดศาลฎีกาฯตัดสินยกฟ้องตน และในคำพิพากษาระบุว่า สิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้องตามสถานการณ์และประเทศจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ตนทำ แต่ไม่มีใครรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดจากการปลุกปั่น ไม่ว่าจะเป็นการสู้รบกับเพื่อนบ้าน การเสียชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมทรามลง เป็นต้น เราคนไทยด้วยกันควรพูดกันด้วยเหตุผลและยึดประโยชน์ประเทศ
นายนพดล กล่าวต่อว่า การเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 44 โดยอ้างว่าจะทำให้ไทยเสียดินแดน เพราะไทยไปยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีเนื้อหาตอนใดของ MOU 44 ที่ไปยอมรับเส้นของกัมพูชา อีกทั้งแผนผังแนบท้าย MOU 44 เพียงสะท้อนเส้น 2 เส้นที่กัมพูชาและไทยประกาศ การสะท้อนเส้น ไม่ถือว่าเป็นการยอมรับเส้น ยิ่งกว่านั้น เนื้อหาในข้อ 5 ของ MOU 44 ปกป้องสิทธิ์ฝ่ายไทยไว้ ตามที่ระบุไว้ว่าตราบใดที่ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องการแบ่งเขตทางทะเล ให้ถือว่า เนื้อหา MOU 44 จะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของทั้งไทยและกัมพูชา ดังนั้นการให้ความเห็นว่า MOU 44 ไปยอมรับเส้นของกัมพูชาจึงขัดกับข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และไม่เป็นผลดีต่อท่าทีของไทย หากสงสัยควรสอบถามกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/QaPk-wyi-7c
แท็กที่เกี่ยวข้อง สนธิลิ้มทองกุล ,MOU44