เลือกตั้งและการเมือง
'ทรัมป์' ผงาดเป็น ปธน.สมัย 2 ลั่น! 'สหรัฐฯ' จะแข็งแกร่ง ปลอดภัย รุ่งเรือง - จับตาสัมพันธ์จีน
โดย nattachat_c
6 ชั่วโมงที่แล้ว
101 views
อดีตประธานาธิบดี 'โดนัลด์ ทรัมป์' จาก 'พรรครีพับลิกัน' สามารถเอาชนะ รองประธานาธิบดี 'กมลา แฮร์ริส' คู่แข่งจาก 'พรรคเดโมแครต' ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอเมริกาสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ 'พรรครีพับลิกัน' สามารถครองทั้ง 'สภาสูง' และ 'สภาล่าง' นับเป็นการครอบครองแบบเบ็ดเสร็จ
โดย 'โดนัลด์ ทรัมป์' มีเสียงคณะผู้เลือกตั้งแบบเป็นทางการอย่างน้อย 295 เสียง จาก 538 เสียง โดยมี รัฐแอริโซนา 11 เสียง และ รัฐเนวาดา 6 เสียง ซึ่งทั้ง 2 รัฐนี้ เป็นรัฐสวิงสเตท แล้วดูเหมือนว่า 'โดนัลด์ ทรัมป์' จะเป็นผู้ชนะทั้ง 2 รัฐ และถ้าสามารถคว้าได้หมด 17 เสียง และจะกลายเป็นว่า มีเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 312 เสียง
ซึ่งคะแนนเสียงนั้น เพียงพอที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้นำอเมริกันคนแรก นับตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1890 ที่ดำรงตำแหน่งสมัย 2 แบบเว้นช่วงการบริหารประเทศ ทั้งนี้ 'โดนัลด์ ทรัมป์' จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 (เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 45 ด้วย)
ทั้งนี้ 'พรรครีพับลิกัน' สามารถครองเสียงข้างมากใน 'วุฒิสภา' หรือ 'สภาสูง' ได้ไป 52 ที่นั่ง จาก 100 ที่นั่ง ส่วน 'พรรคเดโมแครต' ได้ไป 45 ที่นั่ง
ส่วน 'สภาล่าง' หรือ 'สภาผู้แทนราษฎร' ทางด้าน 'พรรครีพับลิกัน' คว้าเก้าอี้ส่วนมากไปแล้วคือ 204 ที่นั่ง เหลืออีกเพียง 14 ที่นั่ง ก็จะเกินกึ่งหนึ่ง คือ 218 ที่นั่ง จากทั้งหมด 435 ที่นั่ง ส่วน 'พรรคเดโมแครต' ได้ไป 186 ที่นั่ง
'โดนัลด์ ทรัมป์' ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ประกาศชัยชนะ และกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนที่รัฐฟลอริดา ว่า “นี่เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ไม่เคยมีอะไรที่เหมือนอย่างนี้มาก่อนในประเทศนี้"
'โดนัลด์ ทรัมป์' ให้คำมั่นว่าจะ 'แก้ปัญหาเรื่องชายแดน' และ 'แก้ปัญหาทุกอย่างในประเทศ' และ จะมอบ 'อเมริกาที่แข็งแกร่ง ปลอดภัย และรุ่งเรือง'
นอกจาก 'โดนัลด์ ทรัมป์' แล้ว สื่อยังได้จับตา 'บารอน ทรัมป์' ลูกชายคนเล็ก วัย 18 ปี แต่มีความสูงถึง 202 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่า 'โดนัลด์ ทรัมป์' ที่สูง 188 เซนติเมตร ส่วน 'เมลาเนีย ทรัมป์' สูง 177 เซนติเมตร
ทั้งนี้ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในช่วงปี 2017 - 2021 ก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับประธานาธิบดี 'โจ ไบเดน' ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่ทรัมป์ยังยืนยันว่าตนเป็นฝ่ายชนะ และปฏิเสธผลการเลือกตั้ง
ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เพื่อหวังขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้งในปีดังกล่าว อีกทั้ง ทรัมป์ และพันธมิตรของเขา ยังเดินหน้าต่อสู้ทางกฎหมายมากมาย หลังการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน
หลังจาก 'โดนัลด์ ทรัมป์' ก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในสมัยแรก เขาเผชิญกับคดีความมากมาย ตั้งแต่การถูกตัดสินว่ามีความผิด 34 กระทง จากการปลอมแปลงข้อมูลทางการเงินช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 เพื่อปกปิดค่าใช้จ่าย 130,000 ดอลลาร์ ที่เขาใช้ในการปิดปาก 'สตอร์มีย์ แดเนียลส์' อดีตดาราหนังแนววาบหวิว เรื่องความสัมพันธ์ลับของทั้งสองคน เมื่อปี 2006 และคดีความดังกล่าวมีกำหนดการตัดสินในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 นี้
โดยคดีนี้เป็น 1 ใน 4 คดีอาญา ที่ทรัมป์กำลังเผชิญอยู่ ส่วนอีก 3 คดี ประกอบด้วย 2 คดีที่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าเขาพยายามพลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020 ที่เขาพ่ายเเพ้ ส่วนคดีสุดท้ายเป็นเรื่องการจัดเก็บเอกสารความลับด้านความมั่นคงของประเทศ หลังหมดวาระผู้นำสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม คดีเหลานี้ถูกฟ้องร้องที่ศาลนิวยอร์ก ขณะที่ทรัมป์อยู่ที่รัฐฟลอริดา ทำให้เขาสามารถลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีได้
ทั้งนี้ 'โดนัลด์ ทรัมป์' มีกำหนดการขึ้นปฏิญาณตนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ในวันที่ 20 มกราคม 2568
ในแง่ของประเด็นต่างประเทศ นโยบายสำคัญอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทั้งในด้านการค้า เรื่องไต้หวัน และท่าทีของจีนในทะเลจีนใต้ โดยที่ผ่านมาคณะทำงานทรัมป์ได้ออกมาตรการกำแพงภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีน ท่ามกลางสงครามการค้ากับรัฐบาลปักกิ่งที่เกิดขึ้นในยุคที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งผู้นำสมัยแรก
ในขณะที่ กระทรวงต่างประเทศจีน แถลงหลังรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี สมัยที่ 2 ว่าเป็น 'กิจการภายใน' ของสหรัฐฯ และจีนเคารพพลเมืองสหรัฐฯ
โดยในระหว่งการแถลงข่าว เหมาหนิง ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงประเด็นการที่ทรัมป์ จะกำหนดภาษีนำเข้าจากจีนที่สูงมาก โดย เหมาหนิง กล่าวว่า "เกี่ยวกับภาษีที่คุณกล่าวถึง เราไม่ตอบคำถามเชิงสมมติฐาน"
ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้เสนอให้จัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมากกว่า 60% และยุติสถานะการค้าของประเทศที่ได้รับความอนุเคราะห์สูงสุดด้วย
ซึ่งในแต่ละปี จีนส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี และอีกหลายแสนล้านดอลลาร์ในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ที่ชาวอเมริกันซื้อจากที่อื่น
ขณะเดียวกัน ทางด้าน ฮาน เซิน หลิน จากบริษัทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ จาก 'ดิ เอเชีย กรุ๊ป' (The Asia Group) ซึ่งตั้งอยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. เปิดเผยกับ สำนักข่าวรอยเตอร์ส ว่า การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นสมัยที่ 2 นั้น อาจทำให้ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนทันที เพราะทรัมป์กำลังมองหาวิธีที่จะ 'แก้ปัญหาที่ค้างคา' ที่รัฐบาลชุดแรกของเขาเคยวางไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
โดยสินค้าจากจีนนั้น อาจจะโดนเรียกเก็บภาษีรวมถึง 70% โดยแบ่งเป็น ภาษีนำเข้าสากล 10% สำหรับสินค้าจากต่างประเทศทั้งหมด และภาษีนำเข้า 60% สำหรับสินค้าจากจีน
นอกจากนั้น หลิน กล่าวว่า ความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่มีต่อพันธมิตรระดับโลก อาจได้รับการทดสอบโดยรัฐบาลทรัมป์ชุดต่อไป หลังจากก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยขู่ว่าจะถอนตัวออกจากนาโต้ หากพันธมิตรไม่เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม ซึ่งนั่นอาจทำให้ปักกิ่ง 'มีสถานะที่ก้าวหน้ามากขึ้น' ในภูมิภาคแปซิฟิก แม้ว่าภัยคุกคามจากภาษีที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความพยายามของจีน ในการสร้างการเติบโตผ่านการส่งออกก็ตาม