เลือกตั้งและการเมือง

'โรม' ตั้งฉายารัฐบาล 'ครม.โควตาครอบครัว' มองแถลงนโยบาย 22 ส.ค. มีคนแถลงไปหมดแล้ว

โดย passamon_a

5 ก.ย. 2567

54 views

โรม ตั้งฉายารัฐบาลชินวัตร เป็น ครม.โควตาครอบครัว เหน็บ อุ๊งอิ๊ง ไม่รู้นายกฯหรือเปล่า ซัดเก้าอี้ดนตรี เป็นกันไม่ได้ ก็เอา ลูก-พ่อ-น้อง-เพื่อน มาเป็น ส่วนตัวจริงอยู่เงามืดหลังฉาก ไม่ตอบโจทย์วิกฤตชาติ มองหน้าตาก๊อปวางรัฐบาลเศรษฐา มองแถลงนโยบาย ไม่ต้องจริงจังก็ได้ เพราะ 22 สิงหา มีคนแถลงไปหมดแล้ว


เมื่อวันที่ 4 ก.ย.67 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน มองหน้าตา ครม.ชุดใหม่ แพทองธาร 1 ว่า เป็น ครม.โควตาครอบครัว ที่เราจะเห็นว่า เมื่อลูกเป็นไม่ได้ ก็ให้พ่อมาเป็น เอาน้อง เอาเพื่อน มาเป็น ซึ่งยอมรับว่าเมื่อพูดถึงการเมือง เราก็อยากได้คนที่มีความสามารถตรงกับเรื่องนั้น เมื่อเจอเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ที่เป็นการตีความอย่างกว้างของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีของ นายเศรษฐา ทวีสิน ทำให้สุดท้ายกลายเป็น ครม.เก้าอี้ดนตรี หมุนเวียนกันไป ทำให้ตนไม่มั่นใจว่าคนที่มานั่งเป็นรัฐมนตรีเป็นตัวจริงหรือไม่ หรือจะมีคนที่อยู่เบื้องหลัง อาจไม่ได้เป็นตัวแสดงจริง ทำให้การบริหารราชการแผ่นดิน อาจมีปัญหาต่อไป และทำให้การตรวจสอบของฝ่ายค้านทำได้ยากยิ่งขึ้น


สุดท้าย ที่เกิดขึ้นใน ครม.ชุดนี้ คือ ตัวจริงอยู่หลังฉาก ส่วนคนที่มาเป็นรัฐมนตรี ก็เป็นแค่ตัวแสดงเท่านั้น ก็คงถูกวิพากษ์วิจารณ์ และหากในอนาคต มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็คงต้องไปดูว่า สุดท้ายจะยังยอมรับให้ระบบแบบนี้ดำเนินต่อไปในอนาคตหรือไม่


เมื่อถามย้ำว่า คำว่า ครม.ครอบครัว เกิดขึ้นตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรีเลยใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ หัวเราะ ก่อนจะกล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะเป็นการแถลงนโยบาย แต่เราก็คงจะทราบแล้วว่า การแถลงนโยบายได้เกิดขึ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ดังนั้นสัปดาห์หน้า จึงเป็นการแถลงนโยบายที่ไม่จำเป็นต้องจริงจังนัก เพราะถือว่าวันนั้น ได้แถลงให้สาธารณะทราบแล้ว และเราในฐานะฝ่ายค้าน ก็ติดตาม ตั้งคำถามกับนโยบายของรัฐบาล


ส่วนที่กล่าวกันว่าเป็นสมบัติผลัดกันชม หรือโควตาครอบครัว ตนเชื่อว่า สังคมจำนวนมาก คงตั้งคำถามในลักษณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทย ในการทำงานยุคของ นายเศรษฐา ทวีสิน มีนายกฯ 2 คน มาวันนี้ ไม่แน่ใจว่า เป็นนายกฯ 2 คน หรือ 1 คน แต่จะเป็น น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตนไม่แน่ใจ สุดท้ายเรากำลังอยู่ในบรรยากาศที่การเมืองขาดเสถียรภาพ  ขาดความแน่นอน และไม่รู้ว่าตกลงแล้วใครคือผู้ตัดสินใจ


นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า การที่เราไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ตัดสินใจ หรือผู้ที่ตัดสินใจไม่ต้องรับผิดชอบอะไรโดยตรง จะสร้างปัญหาทางการเมืองอย่างแน่นอน นี่คือข้อที่ตนกังวล สิ่งต่อมาตนเชื่อว่ารัฐบาลนี้ จะเป็นรัฐบาลที่อาจจะกังวลทุกอย่างจนไม่กล้าทำอะไร ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาใหม่ เพราะความท้าทายของโลกมีหลากหลายรูปแบบ ถ้าคุณไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวว่าจะผิดจริยธรรม หรือจะถูกองค์กรอิสระ หรือศาลรัฐธรรมนูญเล่นงาน สุดท้ายก็จะเป็นรัฐบาลที่บริหารอะไรไม่ได้เลย ทั้งนี้ในทางการเมือง รัฐบาลอาจจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไปเต็ม ๆ แต่ผลเสียที่เกิดขึ้นของเรื่องนี้ก็คือประชาชน ตนจึงคิดว่าโจทย์สำคัญของรัฐบาลนี้ คือคุณจะแก้ปัญหาวิกฤติที่ทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างไร ถ้าแก้โจทย์เรื่องนี้ไม่ได้ ตนเชื่อว่าการบริหารงานของรัฐบาลยากที่จะประสบความสำเร็จ


ส่วนหน้าตาของรัฐมนตรีชุดนี้ ไปวัดไปวา หรือพอจะฝากผีฝากไข้ได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ บอกว่า หน้าตาของรัฐมนตรีส่วนใหญ่ก็ยังเป็นคนเดิม แต่คำถามคือ ในยุคของนายเศรษฐาไปได้แค่ไหน เป็นนายกฯ เกือบปี นโยบายเรือธงที่สัญญาไว้กับประชาชน มีเรื่องไหนสำเร็จแล้วบ้าง คำถามที่ตามมาคือ คนเดิมที่มีอำนาจแบบเดิม จะทำสำเร็จได้อย่างไร


นอกจากนั้น ยังมีส่วนผสมใหม่ ซึ่งมีคนที่อยากเป็นรัฐมนตรี แต่เป็นไม่ได้ จึงต้องอยู่หลังฉาก อยู่ภายใต้เงามืด และต้องส่งตัวแทนมาทำหน้าที่แทน แล้วจะบริหารประเทศได้ดีกว่าเดิมได้อย่างไร ดังนั้นจึงคิดว่าส่วนผสมแบบนี้ ไม่ตอบโจทย์ของประเทศที่เผชิญอยู่ และยังนึกไม่ออกว่ารัฐบาล จะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้อย่างไร


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/asDDJGSRURk

คุณอาจสนใจ

Related News