เลือกตั้งและการเมือง
'เศรษฐา' เตรียมพร้อม 'ภูเก็ต' รับมือ นทท.ช่วงไฮซีซั่น แนะโอกาสธุรกิจ ต่างชาติปิดซอยเรียนมวยไทย
โดย nattachat_c
12 ส.ค. 2567
50 views
วานนี้ (11 ส.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ใช้ช่วงเวลาวันหยุดพักผ่อนที่จังหวัดภูเก็ต เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการท่องเที่ยวในช่วง 'ไฮซีซั่น' (กันยายน - กุมภาพันธุ์) ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ / ตำรวจภูธรภาค 8 / ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต / ตำรวจท่องเที่ยว / ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง / ตำรวจน้ำ / กองทัพเรือ / ผู้ว่าราชการจังหวัด / บริษัท การท่าอากาศยาน จำกัด (มหาชน)
นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะตำรวจ ให้เตรียมความพร้อมรับมือกับการให้บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรม ที่อาจจะเกิดจากนักท่องเที่ยวกระทำความผิด หรือที่จะเกิดกับนักท่องเที่ยว เนื่องจากขณะนี้จำนวนนักท่องเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่น แต่ก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก โดยเห็นได้จากรายงานของ บริษัทการท่าอากาศยาน ฯ ที่แจ้งว่า ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ มีไฟลท์บินเข้ามาในสนามบินภูเก็ต วันละ 20-30 เที่ยวบิน โดยในช่วงไฮซีซั่นนี้ จะมีนักท่องเที่ยว ลงที่สนามบินภูเก็ตวันละ 14,000 -15,000 คน เท่ากับมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเดือนละ 600,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบปีที่ผ่านมา
จากรายงานของตำรวจภูธรภาค 8 เกี่ยวมาตราการการเตรียมความพร้อม ในการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว และการป้องกันปัญหาอาชญากรรม โดยทาง ตำรวจภูธรภาค8 ไปประสานไปยังกงสุล ประเทศต่าง ๆ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมากทั้ง รัสเซีย / จีน / อินเดีย / ออสเตรเลีย / อังกฤษ และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย
นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มอาสาสมัครชาติต่าง ๆ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ที่สามารถสื่อสารกับอาสาสมัครท่องเที่ยวที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาของแต่ละชาติได้เป็นอย่างดี
และยังได้กำชับเรื่องการเฝ้าระวังปัญหาอาชญากกรรม และยาเสพติด หลังจากรัฐบาลมีนโยบายให้สถานบริการเปิดให้บริการถึงตี 4 ซึ่งที่ผ่านมา ก็ถือว่ามีผลตอบรับที่ดี และไม่มีปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นเลย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากกองทัพเรือ โดยเฉพาะทัพเรือภาคที่ 3 ให้ช่วยตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยทางทะเล โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ / ปัญหาเรื่องเรือขนส่งผู้โดยสาร / การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล / การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่มีปัญหาที่ประสบภัย ตลอดจน เรื่องการช่วยเหลือ และตรวจสอบเรือสำราญขนาดใหญ่ที่เข้ามาจอดและพัก เพื่อท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต
อีกทั้งได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้ตรวจสอบเรื่องของประชากรแฝงโดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว และแรงงานที่เข้ามาทำงานในจังหวัดภูเก็ต ตลอดจน นักท่องเที่ยวที่เข้ามาสำนักอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในระยะยาว โดยขอให้ประสานกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องทางกฎหมายด้วย
ช่วงท้ายของการประชุมวันนี้ นายกฯได้สั่งการให้บริษัทท่าอากาศยาน ดูแลเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว เป็นพิเศษโดยเฉพาะ เรื่องการลำเลียงกระเป๋า ให้กับผู้โดยสารว่าไม่ควรให้มีการรอเวลานาน ๆ
อีกทั้ง เรื่องการใช้ระบบตรวจสอบเอกสารแบบอัตโนมัติ เพื่อแบ่งเบาภาระให้ตำรวจตรวจคนเข้าได้บางส่วน ลดปัญหาการรอหน้าด่าน ที่ต้องไม่เกิน 30 นาที ในช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น
-------------
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความ ว่า “ภูเก็ตมีฝรั่งปิดซอยต่อยกันแล้วครับ” เพื่อนคนภูเก็ตบอกผมและให้ดูรูปค่ายมวยไทย ฟังแล้วน่าสนใจ จุดประกายต่อยอดเรื่องซอฟท์พาวเวอร์ การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและธุรกิจเกี่ยวกับ Mixed martial arts ได้มากเลยครับ
ในภูเก็ตนี่มีค่ายมวยกว่า 300 แห่ง ทั้งค่ายใหญ่ค่ายเล็กมีรูปแบบการสอนหลากหลายอย่างในรูปนี่คือ 'ค่ายซิมบี้มวยไทย' ที่หาดในหานเป็นค่ายมวยขนาดกลางมีครูประมาณ 30 คน
ทำให้ผมรู้ว่าที่ภูเก็ตมี Muay Thai Village ซึ่งตั้งอยู่ใน 'ซอยตาเอียด' ตำบลฉลอง ในซอยนั้นมีค่ายมวยหลายสิบค่าย และค่ายที่ใหญ่สุดคือค่ายมวยไทเกอร์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ไทเกอร์มวยไทยนี่ มีครูกว่า 100 คน มีนักเรียนลงทะเบียนเรียนตลอด 1 ปีที่ผ่านมากว่า 80,000 คน มีเวที 12 เวที สำหรับจัดการแข่งขัน คิดดูครับค่ายมวย 1 ค่ายนี้จะนำมาสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขนาดไหน
อย่างแรกเลย นักเรียนมวยเหล่านี้ มาเรียนชกมวยคอร์สเริ่มต้น ก็ 15 วันแล้ว และมีคอร์ส 1 เดือน จนไปถึงหลายเดือน บางทีก็มาเรียนกันทั้งครอบครัว รวมเด็กเล็กๆก็มาเรียนกับพ่อแม่ด้วย และนี่ทำให้เราได้นักท่องเทียวแบบ “พำนักระยะยาว” ซึ่งตอบโจทย์เรื่องการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่คุ้มค่ากับโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่เราต้องลงทุนไปกับการท่องที่ยว
เมื่อพำนักระยะยาวแล้วก็มีธุรกิจตามมาหลายอย่าง แค่ใน “ซอยตาเอียด” ที่เดิมเป็นพื้นที่สวนยาง ชาวบ้านก็ปรับเปลี่ยนบ้านตัวเองเป็นที่พักอาศัย มีร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านซักผ้า เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับรากฝอย กระจายรายได้ลงสู่ชุมชน
สินค้าที่เกี่ยวข้องกับค่ายมวยก็เป็นที่นิยม เช่น กางเกงมวยจากค่าย ดัง ๆ อย่างไทเกอร์มวยไทย ใส่กันไปทั่ว เป็นของขายที่มีราคา กางเกง เสื้อชื่อค่ายมวย ประเจียดคล้องคอ ประเจียดรัดแขน และมงคลประเจียด (ที่คาดหัว) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ ทำเงินให้กับผู้ผลิตและผู้ขายอย่างมหาศาล
เมื่อนักเรียนมวยเรียนจบแล้วก็มี 'เวที' ให้ขึ้นชก ขายบัตรเข้าชมได้ และเมื่อนักเรียนเขานี้ได้แต่งตัว ไหว้ครูขึ้นชกเหมือนเป็นมืออาชีพมีรูปลงโซเชียลมีเดียก็ทำให้คนอยากมาเรียนกันอีก
สุดท้ายที่น่ายินดี คือ 'ครูมวย' คือ นักมวยอาชีพที่เลิกชกแล้ว พวกเขาได้ทำหน้านี้สืบสานศิลปะการต่อสู้ของไทยอย่างมีศักดิ์ศรีและมีรายได้ นักมวยที่มีดีกรีได้ครองเข็มขัดแชมป์จากสนามมวยลุมพินี หรือสนามมวยราชดำเนิน ก็สามารถหารายได้ได้ถึงชม.ละ 2,000 บาท เท่ากับว่า อายุงานของนักมวยอาชีพไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นนักมวยแต่คือการเป็นเทรนเนอร์มวยไทยที่ยิ่งมากประสบการณ์ค่าตัวยิ่งสูงยิ่งเป็นที่ตัองการของตลาด
มวยไทยอยู่ใกล้ตัวคนไทยและเราชินที่จะเห็นมวยไทยเป็นแค่กีฬาขึ้นชกบนเวที แต่การเติบโตของค่ายมวยอย่างไทเกอร์ที่ตอนนี้เปิดที่สิงค์โปร์ ที่จีน หรือค่ายซิมบี้ ทำให้เรามองมวยไทยในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Mix martial arts และมีโอกาสขยายเป็นธุรกิจท่องเที่ยว กีฬา แฟชั่น ไปจนถึงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาวิทยาศาสตร์การกีฬาในประเทศไทย ทั้งหมดคือห่วงโซ่ทางธุรกิจที่จะสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับผู้คนได้กว้างขวาง ผมอยากให้ทั้ง ฝรั่ง จีน แขก ไทย อยากมาปิดซอยเรียนต่อยมวยที่ประเทศไทยครับ
-------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/DRYDdn6jP3k