เลือกตั้งและการเมือง

'ชัยธวัช-วิโรจน์' ปราศรัยเดือด หลังก้าวไกลถูกยุบ เดินหน้าสู้อำนาจเก่า ลั่นหัวเราะให้มันหน่อย

โดย passamon_a

8 ส.ค. 2567

129 views

ปราศรัยเดือด ชัยธวัช ตะโกนสุดเสียงปลุกประชาชน เดินหน้าสู้อำนาจเก่า ชี้แม้ยุบพรรคก้าวไกลได้ แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงอนาคตได้อีก ยันหลังจากนี้ไม่หายไปไหน พร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่ทุกคนเดินหน้าสู่อนาคตไปด้วยกัน


ด้าน วิโรจน์ ปลุกประชาชน หัวเราะให้พวกมันหน่อย ลั่นคงเป็นกรรมที่ใช้ให้เพื่อนแฟนแมนยู จะได้รู้แพ้ 9-0 มันเป็นยังไง



เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 นายชัยธวัช ตุลาธน อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวบนเวทีปราศรัยด้วยน้ำเสียงดุดัน ในทำนองตะโกน ที่ลานกิจกรรมของพรรคก้าวไกล โดยกล่าวขอเสียงกองเชียร์ว่า "วันนี้เราฟังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ขอฟังเสียงศาลประชาชนหน่อยเร็ว"


นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยบอกว่าพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วคนที่ทำรัฐประหาร แอบอ้างสถาบันเพื่อนำเหตุผลมาใช้รัฐประหารยึดอำนาจ จึงเกิดคำถามว่าใครเซาะกร่อนบ่อนทำลายมากกว่ากัน รวมถึงคนที่ปากบอกว่า ทำเพราะจงรักภักดี แต่จงรักภักดีจนน้ำลายไหล เพื่อเอาตำแหน่งไปฉ้อฉลหาผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงตั้งคำถามว่าใครเซาะกร่อนบ่อนทำลาย


"บอกว่าก้าวไกลเซาะกร่อนบ่อนทำลาย แล้วพรรคการเมืองที่เอาเรื่องความจงรักภักดีมาหาเสียง และบอกว่าจงรักภักดีกว่าใคร ส่วนก้าวไกลไม่จงรักภักดี แล้วแพ้เลือกตั้งได้มาไม่กี่เสียง ใครเซาะกร่อนบ่อนทำลาย" นายชัยธวัช กล่าว


นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ใช้ข้อหาจงรักภักดีเพื่อสกัดกั้นไม่ให้พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งไปบริหารประเทศ ไม่ให้นายพิธาเป็นนายกฯ ชี้หน้าว่าไม่จงรักภักดี พฤติกรรมแบบไหนที่เซาะกร่อนบ่อนทำลาย ใช้กฎหมายมาตรา 112 ไปปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรงเกินเหตุ อ้างความจงรักภักดี ใช้กฎหมายไปละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน และไม่ให้ประกันตัว ตีความกฎหมายจนเกินเหตุ ใครคือผู้เซาะกร่อนบ่อนทำลาย


ทั้งนี้ นายชัยธวัช ได้เปิดใจบนเวทีว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้าย ขอเผยความในใจว่า ภูมิใจมากที่ได้ทำหน้าที่นี้ แม้เพียงสั้น ๆ และภูมิใจมากที่ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนพรรคก้าวไกล เพื่อนสมัยอนาคตใหม่ จนถึงวินาทีสุดท้าย และไม่เคยเสียใจ ไม่เคยเสียดาย ไม่เคยคิดว่าเราทำอะไรผิด ซึ่งที่สำคัญที่สุดขอขอบคุณพลังจากพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพวกเรามากขึ้น ๆ จนถึงวันนี้ และจะมากกว่านี้อีก


"วันนี้พวกเขารวมหัวกันยุบก้าวไกลได้ แต่เขายุบก้าวไกลในหัวใจของพวกเราไม่ได้ ยุบอนาคตใหม่ไม่ได้ ยุบก้าวไกลไม่ได้ ยุบความฝันที่เราอยากเห็นอนาคตที่ดีกว่านี้ไม่ได้"


อีกทั้งในฐานะที่เป็นผู้บริหารพรรคก้าวไกล ความสำเร็จที่เป็นความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคน คือผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ที่สำคัญมากกว่าพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง คือปรากฏการณ์ที่บอกว่าสังคมไทยมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่น้องประชาชนตื่นแล้ว และเราจะไม่ยอมหลับไหลอีกต่อไป เราอยากเห็นอนาคตแบบใหม่ เราไม่อยากอยู่ในสังคมไทยที่จมปลักกับอดีตที่ไม่มีอนาคตให้เรา และลูกหลานอีกต่อไปแล้ว


"ยุบเราได้ แต่ยุบความฝันไม่ได้ สังคมไทยเปลี่ยนแล้ว เราตื่นแล้ว คุณจะทำอย่างไร จะฝืนอย่างไร คุณก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว" นายชัยธวัช กล่าว


นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า นี่คือความเป็นจริงที่ชนชั้นนำต้องยอมรับให้ได้ว่าพื้นฐานของสังคมไทยนั้นวิวัฒนาการมาจนถึงจุดที่ต้องรับความเปลี่ยนแปลงแล้ว พลังเก่า และอำนาจเก่าที่ฝ่าฝืน พยายามที่จะต่อต้านความปรารถนาของประชาชนส่วนใหญ่ มันไม่มีทางสำเร็จ แต่พลังเก่าไม่ยอมตาย และพยายามไม่ให้พลังใหม่เกิด ซึ่งตนก็เชื่อว่าสุดท้ายอนาคตก็จะเป็นของเรา เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่มากพอ ดังนั้นในวันนี้แม้เขาจะยุบพรรคของเรา เราก็ต้องเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้มากกว่านี้ ไม่ให้พวกเขาปฏิเสธความเปลี่ยนแปลง และความต้องการขอพี่น้องประชาชนได้อีกต่อไป


"เมื่อเราเดินหน้า แล้วเขาไม่ให้เดิน เราก็จะวิ่ง เมื่อเราวิ่ง แล้วเขาไม่ให้เราวิ่ง เราก็จะกระโดดกระโจนไปข้างหน้าด้วยกัน เอาประชาชนล้อมผู้มีอำนาจเก่าให้หมด ให้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธพวกเราได้อีกต่อไป" นายชัยธวัช กล่าว


นายชัยธวัช ยืนยันว่า วันนี้ตนเองไม่มีตำแหน่งในทางการเมืองใด ๆ แล้ว แต่จะไม่หายไปไหน จะร่วมกันคนละไม้คนละมือ เคียงบ่าเคียงไหล่ทุกท่านเดินหน้าสู่อนาคตใหม่ไปด้วยกัน ไม่มีถอยหลังอีกต่อไป


ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า ตนเนี่ย อยู่ในสภาผู้แทนราษฎรมาไม่นาน แต่ถือว่ามีประสบการณ์มากล้นเหลือ อยู่แค่แวบเดียว ถูกยุบไป 2 ครั้ง และกำลังจะเป็นพรรคที่ 3 เราเคยได้ยินพวกมันบอกหรือไม่ว่าเราต้องการประเทศนี้ ต้องการนักการเมืองรุ่นใหม่ จะได้เอาน้ำดีไล่น้ำเสีย แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไมน้ำเสียมันมาไล่น้ำดีได้ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวน้ำดีจะไหลไปรวมกันในภาชนะแห่งใหม่ แล้วแกร่งกว่าเดิม


"วิโรจน์ยังไม่ไปไหน ตอนเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา ผมพูดเสมอว่าวิโรจน์เป็นทัพหน้า พิธาเป็นทัพหลวง วันนี้พิธาไม่ได้หายไปไหน จะเคลื่อนที่ไปทั่วประเทศ คนพวกนี้เขาแปลกครับ เขาคิดว่าอนาคตทางการเมือง การที่เรากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จะทำเพื่อประโยชน์ประเทศชาติมันต้องอยู่ในสภา ต้องมีเหรียญตรา ต้องมีตำแหน่งเท่านั้น แต่มันไม่ใช่กับพวกเราอนาคตใหม่และก้าวไกลเลย ผมรู้ว่ามันคิดว่ามันจะทำให้วิโรจน์ร้องไห้ ผมบอกสั้น ๆ ว่าฝันไปเถอะไอ้พวก*** หัวเราะให้มันหน่อย" นายวิโรจน์ กล่าว


นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตอนเช้ามาทำงาน แม่บอกให้พกพระรอดไปด้วย ตนก็พกไว้ติดตัว พอฟังคำวินิจฉัย ประโยคแรก วางพระเลย แต่ไม่เป็นไร เรารู้อยู่แล้วว่ามันอาจจะเป็นแบบนี้ เราก็ตามลุ้นต่อว่าจะโดนเท่าไหร่ เพื่อนของตนที่เป็นแฟนแมนยูก็โทรมาบอกว่าจำกรรมที่ล้อคะแนน 7-0 ได้หรือไม่ ปรากฏว่างวดนี้เหมือนกรรมตามสนอง โดน 9-0 พูลสวัสดิ์ไปเลย แต่ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นกรรมที่ใช้ให้เพื่อนที่เป็นแฟนแมนยู ตนรู้แล้ว 7-0 เจ็บแค่ไหน 9-0 ก็เจ็บพอ ๆ กัน ซึ่งเห็นแบบนี้ วันพรุ่งนี้ตนก็ยังทำงานตามปกติ ตนตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาเป็นครั้งแรกในสภาชุดนี้ จะถามรัฐมนตรีถึงปัญหายาเสพติด


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/fZthaKIDTZo

คุณอาจสนใจ

Related News