เลือกตั้งและการเมือง
ย้ายแล้ว 3 ขรก.จัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงเกินจริง - 'ดร.จอห์น' จี้ 'ชัชชาติ' ลุกแจงงบแปร
โดย nattachat_c
31 ก.ค. 2567
30 views
กทม.แถลง จัดซื้อเครื่องออกกำลังกายทุจริตแพงเกินจริง พบ ข้าราชการกทม. 25 ราย ส่อทุจริต เสนอตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน พร้อมส่ง ปปช.ฟันโทษทางอาญา ด้าน 'ชัชชาติ' เผยย้ายข้าราชการเอี่ยวทุจริตจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแล้ว 3 ราย
วานนี้ (30 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ศูนย์กีฬากทม. 7 โครงการ ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วเสร็จ ตามกรอบเวลา 30 วัน (ครบกำหนดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม )
ล่าสุด นายณัฐพงศ์ ดิษยบุตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.) พร้อมด้วย นางสาวเต็มศิริ เนตรทัศน์ ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานข้าราชการกทม. และ นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษก กทม. ร่วมกันชี้แจงผลสรุป
นายณัฐพงศ์ กล่าวว่าผลการสืบสวนทั้งพยานบุคคล และเอกสาร พบว่า มีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงเกินจริง โดยราคาจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสูงกว่า ราคาที่เคยจัดซื้อในปีก่อนๆ และสูงกว่าราคาต้นทุน รวมค่าดำเนินการเป็นอย่างมาก
ในรายละเอียด TOR พบว่า มีการปรับสเป็กเครื่องออกกำลังกายให้สูง เกินความจำเป็น อาทิ เพิ่มกำลังแรงม้า เพิ่มโปรแกรมออกกำลังกาย เพิ่มการรองรับน้ำหนัก เพิ่มจอแสดงแบบสัมผัส โดยใช้วิธีสืบราคาผู้ประกอบการ 3 ราย และใช้ราคาต่ำสุดเป็นราคากลาง ไม่ได้คำนึงถึงความจำเป็นและความเหมาะสมต่อการใช้งานจริง ซึ่งเมื่อสเป็กสูงเกินความจำเป็น ส่งผลให้ราคาสูงเกินควร
ส่วนข้อกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอตาม TOR พบว่า ไม่ได้เปิดกว้างให้ผู้เสนอราคาได้อย่างเท่าเทียม เช่น แนบให้หนังสือสัญญาที่ทำกับภาครัฐไม่น้อยกว่า 4 สัญญา ย้อนหลังไม่เกิน 2 ปี ซึ่งเป็นการกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมเกินแนวทางที่กระทรวงการคลังกำหนด
ทั้งนี้ พบว่า มีข้าราชการกทม.เกี่ยวข้องกับการจัดทำโครงการซื้อเครื่องออกกำลังกาย ทั้งพิจารณางบประมาณ และดำเนินการจัดซื้อ ทั้งหมด 25 ราย ลาออกจากราชการแล้ว 1 คน ซึ่งจากนี้จะสอบสวนในเชิงลึกต่อไป สำหรับผลการตรวจสอบที่ออกมา เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ปลัดกทม.ได้มีคำสั่งย้ายผู้บริหาร ที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อ ไปประจำสำนักปลัดกทม.แล้ว
ทั้งนี้ ในการแถลง ไม่ขอระบุชื่อข้าราชการ กทม.ทั้ง 25 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของ กทม.
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ ทางผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานข้าราชการ กทม.กล่าวว่า จะทำ 3 อย่างไปพร้อมๆกัน คือ 1.ส่งรายละเอียดทัั้งหมดไปให้ ปปช. ดำเนินการในโทษอาญา / 2.แต่งตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยอย่างร้ายแรง ข้าราชการ 25 คน โดยให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน และขยายได้ไม่เกิน 60 วัน ก่อนพิจารณาลงโทษต่อไป และส่วนที่ 3.หากผลสืบสวนพบว่า มีการจัดซื้อแพงเกินจริง ถือว่ากทม.ได้รับความเสียหาย จะแต่งตัังคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ความรับผิดทางละเมิด เพื่อชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กทม.ด้วย
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่าต้องยอมรับเรื่องความไม่โปร่งใสใน กทม.ยังมีอยู่ เป็นเรื่องที่อาจติดมานาน เราทราบผลการสอบสวนแล้ว ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการสอบสวนที่ทำเสร็จใน 30 วัน ผลสอบสวนคือ มีมูลราคาสูงจริง และมีข้อกำหนดบางอย่างที่อาจเกินความจำเป็นไป มีผู้เกี่ยวข้อง 25 ราย ซึ่งได้มีการย้ายออกไปแล้ว 3 ราย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอำนาจโดยตรง เพื่อไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับการสอบสวน
-----------
ด้าน สส.แบงค์ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ได้ทวีตว่า
ทำไมเลือกตรวจแค่ 7 โครงการ #เครื่องออกกำลังกายแพง ทั้งที่มี อย่างน้อย ๆ 24โครงการ ที่ส่อทุจริตครับ
ผมได้แปะรายละเอียดทั้ง 24 โครงการ พร้อม 'เลขที่โครงการ' ให้ทาง กทม.ตรวจสอบเพิ่มเติมจนครบนะครับ เพราะ กทม.จะมาตรวจแค่ 7 โครงการ มันคงไม่ใช่
แต่ถ้า กทม.ไม่ตรวจต่อ ก็ต้องชี้แจงให้ได้ว่า ทำไม หรือ ท่านกลัวเจออะไร หรือกำลังจะปกป้องใครอยู่นะครับ
อย่างไรก็ดี ในส่วนของวันนี้ ขอชื่นชม กทม. ที่ยอมออกมาแถลง ยอมรับว่ามีการทุจริตจริง และมี จนท.ถึง 25 ราย 'ส่อทุจริต'
แต่ปลายทางหลังจากนี้ คืออะไร? กทม. ต้องชัดเจนนะครับ ผมเชื่อว่าประชาชนคงไม่อยากได้ยินคำว่า 'ย้าย' แต่เราอยากเห็น 'action' ที่มากกว่านี้ครับ ฝากด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
-----------
จากกรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมการยุทธนโยบาย กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ สก.ของพรรคก้าวไกล จะเสนอคนนอกนั่งเป็นคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณ กทม. 2568 จำนวน 2 คน ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล แต่ทางพรรคเพื่อไทย มีแนวคิดที่จะไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการวิสามัญฯ
วานนี้ (30 ก.ค. 67) นายวิโรจน์ได้มาออกรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ พูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง รวมทั้งร้องเพลงในรายการว่า “เจ็บใจชัชชาติโดนรังแก มันจะงาบงบแปร ให้เมืองวอดวาย” จนเป็นกระแส และถูกพูดถึงในที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (กทม.)
โดยหลังเปิดการประชุมสภากรุงเทพมหานคร นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา หรือ ดร.จอห์น ประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้นำภาพรายการกรรมการข่าวคุยนอกจอ ขึ้นฉายบนจอภาพในที่ประชุม พร้อมกับกล่าวว่า ในรายการดังกล่าวมีการพาดพิงถึงสภา กทม. ทำให้มีประชาชนสอบถามตนเข้ามา ในฐานะที่ตนเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งก็ทำให้ตน และสมาชิกหลาย ๆ ท่าน ได้ฟังการให้สัมภาษณ์ในรายการดังกล่าวแล้วรู้สึกไม่สบายใจ
ดร.จอห์น ยังขอให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร แถลงชี้แจงเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นความไม่โปร่งใส งบแปร การฮั้วประมูล จนมีการแต่งเพลงล้อเลียน “เจ็บใจชัชชาติโดนรังแก มันจะงาบงบแปร ให้มันวอดวาย” ซึ่งเรื่องนี้มีการคุยกันอย่างสนุกปาก จนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสภา กทม.อันทรงเกียรติแห่งนี้
นายชัชชาติ จึงลุกขึ้นชี้แจง ระบุว่า ความจริงแล้วไม่รู้ว่าจะแถลงอะไร เพราะไม่ได้ฟังเขาพูด แต่มี 2 ประเด็นที่ฟังอยู่ คือ เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณ กทม. พ.ศ.2568 ที่จะมีการเสนอบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถในการพิจารณางบประมาณ และมีประสบการณ์ในการตรวจสอบทุจริต เข้าไปเป็นคณะกรรมการ ซี่งทางฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานครไม่ขัดข้องเพราะฝ่ายบริหารเป็นฝ่ายที่ต้องถูกตรวจสอบในทุกมิติ
ส่วนเรื่องของงบแปร ก็เป็นไปตามข้อบัญญัติชัดเจนว่า งบแปรเป็นเรื่องของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้นำเสนอต่อสภากรุงเทพมหานคร และข้อบังคับการประชุม ก็กำหนดชัดเจน ว่า สก.จะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งหัวใจสำคัญคือต้องดูที่ประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ที่สะท้อนความต้องการของประชาชน ผ่าน สก.เป็นหลัก และฝ่ายบริหารก็พยายามทำทุกอย่างให้โปร่งใส โดยฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก และต้องฟัง สก.เพราะถือเป็นตัวแทนประชาชน ซึ่งทุกพรรคก็มี สก.อยู่แล้ว ท่านวิโรจน์ หรือพรรคอื่น ก็สามารถหาข้อมูลได้ และ สก.ก็น่าจะช่วยชี้แจงด้วย
------------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/hRoOvONYvvQ