เลือกตั้งและการเมือง
ปิดฉาก 19 วัน! ‘พิชิต’ ยื่นหนังสือลาออก รมต.เซฟนายกฯ - ‘เศรษฐา’ ขอบคุณสปิริต เปิดทางรัฐบาลทำงานต่อ
โดย petchpawee_k
22 พ.ค. 2567
70 views
'พิชิต' ยื่นหนังสือลาออก รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดทางให้ 'เศรษฐา' เดินหน้าประเทศ ยืนยันไม่ยึดติดตำแหน่ง หลังรับตำแหน่งได้ 19 วัน ด้านเศรษฐาขอบคุณสปิริต เปิดทางรัฐบาลทำงานต่อ
วานนี้ 21 พ.ค.2567 นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่ 40 สว.ร่วมลงชื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องในวันพฤหัสบดี ที่ 23 พฤษภาคมนี้ ว่า การชี้แจงวันนี้เป็น ตนพูดในฐานะที่เป็นตัวของตัวเอง จากกรณีที่ 40 สว.ไปยื่นร้องผ่านประธานวุฒิสภา เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมี สว.หลายฝ่ายออกมาท้วงติงถึงประเด็นความชอบธรรมและอำนาจตามกฎหมาย แต่สิ่งที่ตนจะชี้แจงในวันนี้ในฐานะที่ตนทำงานแบบมืออาชีพ จะขอพูดถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่จะตั้งคณะรัฐมนตรี หรือปรับคณะรัฐมนตรี ตนมองว่าท่านไม่ได้มีความผิดอะไร มาเอาเรื่องท่านทำไม ซึ่งนายเศรษฐาไม่ได้ทำอะไรผิดแผกแตกต่าง จากนายกฯคนอื่นในอดีต
ซึ่งการจะตั้งคณะรัฐมนตรี บุคคลที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีเช่นตนจะต้องไปกรอกเอกสารเพื่อ รับรองคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ซึ่งทุกอย่างมีกระบวนการ ซึ่งตนก็ต้อง ไปกรอกข้อมูลว่ามีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ซึ่งเมื่อกรอกเสร็จ ถามว่านายกฯจะเชื่อหรือไม่ ท่านก็ไม่เชื่อ แต่จะมีกระบวนการทางการบริหารราชการแผ่นดิน โดยจะมีสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานมืออาชีพ ช่วยใครไม่ได้ และไม่มีทางช่วยตน เมื่อรับเอกสารบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีก็จะไปตรวจสอบ ส่งเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ป.ป.ช. กรมบังคับคดี มีวิธีการตรวจว่าผู้ใดทำผิดประมวลกฎหมายอาญาทุกหมวดหรือไม่ และจะขึ้นอยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากร เวลาที่เขาประมวลว่าใครซื่อสัตย์ มีจริยธรรมหรือไม่ ไม่ได้ดูเพียงสำนักงานกฤษฎีกาเพียงอย่างเดียว ในฐานะที่ตนกำกับก็ต้องออกมาให้ความเป็นธรรมกับเขา ว่าต้องดูทุกเรื่อง อะไรที่ถือเป็นข้อสงสัยก็จะถามไปยังกฤษฎีกา
ส่วนประเด็นจริยธรรม นายพิชิต ขอให้ไปดูช่องทางทางกฎหมาย มีคำพิพากษา ศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานแล้ว หากกฎหมายเป็นกฎหมายบ้านเมือง มีหลักนิติธรรม ขอให้ไปดูว่าอยู่ช่องไหน ซึ่งตนต้องขอขอบคุณ 40 สว. และขออโหสิกรรม ตนชอบใจมากเพราะสิ่งที่ตนถูกกระทำ ตั้งแต่ปี 2551 ตนโหยหาความยุติธรรมมาทั้งชีวิต ก่อนตัดสินใจเป็นรัฐมนตรี ตนคิดแม้กระทั่งว่าหากไปอยู่ในสภา ถูกตั้งกระทู้ธรรมถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนจะสามารถตอบคำถามได้ทุกคำถาม ตอบข้อสงสัยต่างๆ เพราะฉะนั้นการที่ตนได้มีโอกาส หลังถูกตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ควรเป็นกรณีศึกษา แต่ถูกศาลเดียวตัดสินแล้วจบเลย
ดังนั้นประเด็นตามคำสั่งศาลฎีกา หากมีตรงไหนที่เขียนว่าตนเป็นคนที่หิ้วถุงเงิน 2 ล้าน ตนพร้อมลาออกวันนี้เลย ไม่ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หลายคนว่ากล่าวติติงเป็นไอ้ทนายถุงเงิน 2 ล้าน พูดเหมือนคนไร้สติ ไม่มีเหตุไม่มีผล ประเทศเป็นระบบประมวลกฎหมาย หากไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจ ย่อมไม่มีอำนาจ การไต่สวนวิธีพิจารณา เรื่องละเมิด อำนาจศาล ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นหลัก ในคดีอาญาก็ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นหลัก อะไรที่กฎหมายพิจารณาความอาญา ไม่บัญญัติไว้ ก็จะบอกให้เอาวิธีพิจารณาความแพ่ง ใช้บังคับโดยอนุโลม เช่นเดียวกัน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และอาญาไม่เคยบัญญัติ ว่า ให้เอาประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายสาระบัญญัติ มาใช้ในการพิจารณา พิพากษาคดี ถ้าหาแล้วมี ว่าให้เอามาตรา 83 มาใช้ ตนจะลาออกวันนี้เช่นกัน นี่คือความเก็บกด ที่ตนโหยหาความยุติธรรม
ขณะเดียวกัน นายพิชิต ยังมองว่า สมัยตน เป็น สส. 2 ปี 6 เดือน รัฐธรรมนูญปี 2550 มีบทบัญญัติการถอดถอนเรื่องจริยธรรม แต่กลับไม่ถูกตรวจสอบขณะนั้น แต่กลับมาตรวจสอบตอนนี้ ส่วนเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต อยากถามว่าวัดกันตรงไหนถามกฤษฎีกาก็ตอบไม่ได้ แต่เคยมี ข้าราชการที่ยังรับราชการอยู่ในปัจจุบันพูดถึงเรื่องนี้ การเขียนคำว่าซื่อสัตย์สุจริตเป็น ประจักษ์ เป็นการกลั่นแกล้งกล่าวหาทางการเมือง ขอให้ไปดูว่าใครพูดไว้ในที่ประชุมกรรมมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ วัดไม่ได้เป็นนามธรรม พิสูจน์กันอย่างไรว่าใครซื่อสัตย์
ส่วนข่าวลือเมื่อวานนี้เรื่องลาออกจากตำแหน่ง นายพิชิตกล่าวยืนยันว่า ไม่ยึดติดผลประโยชน์ของตน ยึดมั่นของรัฐธรรมนูญมาตรา 164 ว่า ตนเป็นรัฐมนตรีต้องซื่อสัตย์สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ตนมาทำงานไม่ได้มาโกง ถ้าคำตอบแก้วงจรอุบาทว์ ถ้ามองว่าพิชิตลาออกแล้วทุกอย่างจบ ตนก็จะทำให้ ขอพูดต่อหน้าพระสยามเทวาธิราช ในองคาพยพกระบวนการยุติธรรม ให้ไปคิดมา โจทย์ที่เกิดวงจรอุบาทว์ นี่เป็นเกมการเมืองที่พยายามล้มนายเศรษฐา
เมื่อถามว่าจะไม่ลาออกก่อนถึงวันที่ 23 ใช่หรือไม่ นายพิชิตไม่ตอบคำถามนี้แต่ระบุว่า บางคนก็อยากให้ผมอยู่ บางคนก็อยากให้ผมออก แต่ตนอยากจะขอโยนโจทย์ไปว่า บ้านเมืองตนไม่ได้ดูแลคนเดียว ตนจึงใช้คำว่าวงจรอุบาทว์ พร้อมขอให้มาดวลกับพิชิตคนเดียว เอานักกฎหมายมา 3 คน และ 40 สว. แบบตัวต่อตัว ที่ลงชื่อไปอ่านคำสั่งศาลฎีกาแล้วหรือไม่ และไม่ขอ ก้าวล่วงไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังของ 40 สว.. แต่มีกระบวนการ เมื่อถามว่าเป็นกระบวนการ ต้องการล้มนายกใช่หรือไม่ตนไม่ขอกล่าวหา แต่ข้อมูลเป็นเช่นนั้น
เมื่อถามอีกว่าวงจรอุบาทว์ หมายถึงกลุ่มอำนาจเก่าใช่หรือไม่ นายพิชิตระบุว่าไม่ขอตอบคำถามนี้ ให้พิจารณากันเอาเอง ส่วนการปล่อยข่าวว่านายพิชิต ลาออกจากตำแหน่งจะเป็นการเจาะยางรัฐบาลหรือไม่ก็ขอให้ไปคิดกันเอาเอง อย่างไรก็ตาม หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ นายพิชิต ยังได้ ชูกำปั้น พร้อมสู้
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่าขอยืนยันชีวิตยึดมั่นในความบริสุทธิ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ประกอบวิชาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเรียบร้อย เมื่อรับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายทำหน้าที่ครบถ้วนสมบูรณ์
จนได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยความชอบตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมเป็นที่สำคัญ ข้าพเจ้าเนว่าปัญหาของพี่น้องประชาชนยังต้องได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง หลายเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ สังคม การเมืองตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
แต่เมื่อมีการยื่นคำร้องเกี่ยวกับข้าพเจ้า ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าได้ตรวจสอบและเชื่อมั่นโดยสุจริตแล้วว่าข้าพเจ้ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายทุกประการก็ตาม แต่เรื่องนี้ได้มีการพาดพิงไปถึงท่านนายกรัฐมนตรีหัวหน้าผู้บริหารราชการแผ่นดินต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีที่มีความจำเป็นต้องเดินหน้าด้วยความต่อเนื่อง ข้าพเจ้าจึงไม่ยึดติด กับตำแหน่ง ในลักษณะยึดถือประยชน์ส่วนตนยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนรวม
ดังนั้นหนังสือฉบับนี้ให้ถือเป็นเจตนาของข้าพเจ้าที่มีต่อนายกรัฐมนตรี "ข้าพเจ้า ขอลาออกจากการดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี " เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเดินหน้าบริหารประเทศต่อไปได้โดยให้มีผลนับแต่วันที่ 21 พฤษภาคม เป็นต้นไป
อนึ่ง ข้าพเจ้าขอกราบนมัสการลา พระเถรานุเถระ กรรมการมหาเถระสมาคม พระอาจารย์ที่เคารพนับถือ ข้าราชการ และประชาชน ที่ให้กำลังใจต่อข้าพเจ้ามาโดยตลอด นับแต่นี้ขอใช้โอกาสส่วนตัวทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสืบต่อไปจนชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพิชิต ได้เข้ารับการถวายสัตย์ปฏิญาณตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม หากนับจนถึงวันนี้ นายพิชิตปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเพียง 19 วัน
ขณะเดียวกันวานนี้ เวลา 11.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโรมสาธารณรัฐอิตาลีช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพิชิต ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่สาธารณรัฐอิตาลีว่า การบริหารราชการแผ่นดินมีทั้ง เรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องการเมืองก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ ในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ฝ่ายบริหารต้องน้อมรับคำติชมและกระบวนการของฝ่ายตุลาการหรือฝ่ายนิติบัญญัติที่จะตรวจสอบซึ่งถือเป็นธรรมดา ส่วนเรื่องของนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าใจว่าท่านเพิ่งจะยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
“ในข้อเท็จจริงคุณพิชิตเห็นแก่ประโยชน์บ้านเมืองเป็นหลัก อยากให้นายกฯและคณะรัฐมนตรีเดินไปข้างหน้าได้ ขณะที่ปัญหา ในบ้านเมืองก็หนักหนาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจซึ่งเมื่อวานนี้ทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพิ่งจะแถลงตัวเลข GDP ซึ่งตัวเลขอยู่ที่ 1.5 ถือว่าต่ำติดดิน เข้าใจว่าถ้ามีการพูดคุยกันกับทางเลขาธิการสภาพัฒน์ไม่ว่าจะเป็นภาคบริการซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลนี้ได้ทำมาตลอด ในเรื่องของการท่องเที่ยว หลายๆเรื่องเราต้องเดินหน้าต่อไปเข้าใจว่านายพิชิตอยากให้รัฐบาลเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงเป็นใยต้องขอขอบคุณในสปิริตที่แสดงออกมา”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่ากับเป็นการเปิดทางให้กับนายกรัฐมนตรีเดินหน้า บริหารประเทศต่อไปได้โดยไม่ต้องมีความกังวลอะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าเป็นการเสียสละและไม่อยากไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ได้พิจารณาอย่างอิสระจริงๆ ในกรณีนี้มีคำถามมาเยอะและมีข้อข้องใจเยอะฉะนั้นตัวท่านเองไม่อยากที่จะเป็นภาระ ของรัฐบาลจึงได้แสดงสปิริตออกมาจึงต้องขอขอบคุณ
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้คุยกับนายพิชิตก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีการคุย และก่อนที่จะเดินเข้ามาให้สัมภาษณ์วันนี้กำลังคุยเรื่องงานอยู่นายพิชิตได้โทรศัพท์เข้ามา แต่ไม่ได้รับสายเนื่องจากติดภารกิจ ซึ่งเดี๋ยวช่วงบ่ายมีเวลา หลังจากได้พบและหารือกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐอิตาลีแล้วจะโทรกลับไปหานายพิชิต
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้รับหนังสือและลงนามแล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ได้เห็น จดหมายลาออกของนายพิชิตแล้ว เดี๋ยวจะโทรฯไปหานายพิชิต ต้องโทรฯไปให้กำลังใจนายพิชิต อย่างไรก็ตามในข้อเท็จจริงแล้วน่าจะเป็นเรื่องดีกับทุกฝ่าย เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณา อย่างเต็มที่โดยไม่มีการกดดันอะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามว่าจะมีตำแหน่งให้กับนายพิชิตต่อไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องตำแหน่งคงไม่มี แต่ท่านเองจิตใจก็อยู่กับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ก็คงช่วยเหลืออยู่ข้างหลัง หรือท่านอาจจะอยากพักผ่อน อย่างไรก็ตามต้องขอคุยกับนายพิชิตก่อน ไม่พยายามเข้าไปก้าวล่วงว่่ท่านจะทำอะไร
เมื่อถามว่า จำเป็นจะต้องรีบหารัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายมาแทนเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เดี๋ยวต้องขอกลับไปคุยกันก่อน เพราะพึ่งปรับคณะรัฐมนตรีไปคงต้องขอปรึกษากันก่อน
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/dsVF16F9OIo
แท็กที่เกี่ยวข้อง พิชิตชื่นบาน ,เศรษฐาทวีสิน ,สำนักนายกรัฐมนตรี ,พิชิตลาออก ,รัฐบาลเศรษฐา