เลือกตั้งและการเมือง
'สุเทพ ก้าวไกล' ท้า 'แจ้ วุฒิพงศ์' เปิดหลักฐาน ยอมรับส่งผู้ติดตามลงปราจีนฯ 'แบบลับ' ยันไม่มีเรียกรับเงิน
โดย thichaphat_d
2 พ.ค. 2567
98 views
กมธ.การแรงงาน แถลงยัน ไม่เคยแต่งตั้งหน่วยลับลงพื้นตบทรัพย์ อ้าง 'สุเทพ ก้าวไกล' เรียกรับเงินหลักหมื่น คาไซต์งานปราจีนบุรี ขณะ 'แจ้ วุฒิพงศ์' แฉ 3 ใน 6 ขับรถหลบหนี บอกพฤติกรรมตระเวนดูตามโรงงาน เลือกไซต์ขนาดกลางขึ้นไป
วานนี้ (1 พ.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร โดยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ. ร่วมกับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส. ปราจีนบุรี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา แถลงข่าวกรณีที่มีกลุ่มผู้แอบอ้างเป็นคณะทำงานของ กมธ.การแรงงาน ลงพื้นที่เรียกรับเงินจากโรงงานและไซต์งานในจังหวัดปราจีนบุรี
โดยนายวุฒิพงศ์ ไล่เรียงเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ผ่านมา ได้มีผู้แอบอ้าง กมธ. การแรงงาน ติดต่อเข้ามาที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อลงพื้นที่ก่อสร้างโรงงานของบริษัททุนจีน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ แต่เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องในวันนั้นเกิดความกังวล จึงโทรศัพท์ชวนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดลงพื้นที่ไปด้วย
ซึ่งในวันนั้นผู้ที่แอบอ้างไม่ได้มีเอกสารอะไรมาจาก กมธ.การแรงงาน มีแต่บัตรผ่านเข้าออกอาคารรัฐสภาเท่านั้น ว่าเป็นผู้ติดตาม สส.ท่านหนึ่ง ภายหลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ราชการได้เชิญตัวผู้แอบอ้าง ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่
นายวุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 26 เม.ย. ตนได้ไปพบ 5 เสือแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่ากลุ่มผู้แอบอ้าง กมธ.การแรงงาน มีการให้เจ้าหน้าที่ราชการไปยืนเป็นแบล็คกราวน์ให้ ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับเจ้าหน้าที่ กลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย จึงร้องเรียนมาที่ตน
ปรากฎว่าวันที่ 27 เม.ย. กลุ่มผู้แอบอ้างกลุ่มเดิมเกิดความชะล่าใจ ลงพื้นที่ไซต์งานก่อสร้างทางหลวงชนบท เราจึงซักซ้อมแผนกันคร่าวๆว่าจะบุกไปจับ ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวอ้างชื่อ สส.คนเดิมกับวันที่ 24 เม.ย. โดยทุกคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ กมธ.การแรงงาน จากนั้นได้ควบคุมตัวกลุ่มคนแอบอ้าง ทั้งหมด 6 คน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี แต่ใน 3 คนนั้นขับรถหนี
คนกลุ่มนี้มักลงพื้นที่ไซต์งานที่มีขนาดกลางขึ้นไป มีคนงานประมาณ 10 คนขึ้นไป จะตระเวนไปก่อนว่ามีความผิดหรือไม่ โดยความเสียหายที่คนกลุ่มนี้ไปแอบอ้าง ข่มขู่ เรียกทรัพย์นั้น ได้เรียกรับเงินจำนวนนับหมื่นบาท
“พฤติกรรมแบบนี้ต้องตั้งคำถามว่าในความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงเวลานี้ แล้วใช้เรื่องนี้หาผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่ บนความเดือดร้อนของประชาชน” นายวุฒิพงศ์ กล่าว
ขณะที่นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า โชคดีที่มี สส.ที่มีความเอาใจใส่และติดตามรวดเร็ว เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น กมธ.การแรงงานโดนแอบอ้างมาหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภาคตะวันออก พื้นที่สมุทรสงคราม สมุทรสาครก็มี หลายคนไปแอบอ้าง
“ผมเรียนยืนยันว่าคณะ กมธ.การแรงงานไม่เคยมีหนังสือ ไม่เคยในการแต่งตั้งเป็นหน่วยลับ หน่วยเฉพาะกิจให้ไปตรวจสอบที่ไซต์งาน ไม่เคยมีหนังสือสักฉบับเดียว และบุคคลกลุ่มนี้ผมไม่เคยรู้จัก และไม่ได้เป็นคณะ กมธ. ของคณะผม ผมฟังมา เป็นเพียงผู้ติดตามของ สส.ท่านหนึ่ง และอยู่ในคณะ กมธ.ชุดผม แต่ไม่ได้สอบถาม” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวต่อว่า ตนได้เรียนต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเรียบร้อยแล้ว ได้รับแจ้งว่าอะไรที่เป็นการผิดกฎหมาย และไม่ใช่เป็นการกระทำโดยหน้าที่ของคณะ กมธ. ก็ต้องจัดการ เพราะจะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย
“ไปไล่บี้ตบทรัพย์ จำนวนที่ได้มาก็หลายหมื่นบาท จึงต้องนำเรียนสื่อมวลชนไปให้บริษัทอื่นๆ และในพื้นที่ที่มีโรงงานแบบนี้ ถ้ามีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นคณะ กมธ.การแรงงาน ก็ขอให้ตรวจสอบและแจ้งมายังคณะ กมธ.การแรงงานด้วย” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว
-------------------------------
'สุเทพ ก้าวไกล' ยอมรับส่งผู้ติดตามลงปราจีนบุรี “แบบลับ” จริง ในนามส่วนตัว อ้างอยากได้ข้อมูลในพื้นที่ การันตีไม่มีเรียกรับเงิน ท้า 'แจ้ วุฒิพงศ์' เปิดหลักฐานมาให้หมด
นายสุเทพ อู่อ้น สส.บัญชีรายชื่อ ปีกแรงงาน พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมืองช่อง 3 ถึงกรณีที่ กมธ.การแรงงานแถลงยืนยันว่าไม่เคยส่งคนลงพื้นที่ปราจีนบุรี ภายหลังได้รับแจ้งว่ามีผู้ติดตามของนายสุเทพแอบอ้าง กมธ. เพื่อเรียกรับผลประโยชน์
โดยนายสุเทพ ยอมรับว่า กลุ่มคนที่แอบอ้างนั้นเป็นคนที่ตนให้ลงพื้นที่ไปเอง เพราะเคยมาช่วยงานในคณะ กมธ.ของตนตั้งแต่สมัยสภาฯ ชุดที่แล้ว สมัยสภาฯนี้จึงแต่งตั้งเป็นผู้ติดตาม ซึ่งตนเห็นว่ามีประเด็นแรงงานข้ามชาติที่ทะลักเข้ามาในประเทศไทย จึงส่งให้ไปดูพื้นที่ เพื่อให้ตนได้นำข้อมูลมาเสนอใน กมธ.การแรงงาน โดยตนเป็นหนึ่งในคณะอนุ กมธ.ที่ดูเรื่องแรงงานต่างด้าว เรื่องนี้จึงยอมรับว่าเราส่งไปแน่นอน
ซึ่งมีประเด็นเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ ตนจึงให้คนที่อยู่ถูกกล่าวหาว่า แอบอ้างไปลงบันทึกประจำวันไว้ คนในพื้นที่เป็นพยานได้ เพราะเราไปเพื่อเก็บข้อมูล พอไปเห็นข้อมูลเป็นที่ประจักษ์ว่ามีคนที่ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องแจ้งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้มีบันทึกประจำวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานจัดหางานจังหวัดปราจีนบุรี สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปราจีนบุรี กอ.รมน. และ สส.ในพื้นที่ ก็ลงพื้นที่ไปด้วย
เมื่อถามว่า กมธ.การแรงงาน แถลงข่าวว่าผู้ติดตามของนายสุเทพมีการเรียกรับเงินจริง โรงงานละ 2 หมื่นบาท ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ยังเป็นสิ่งที่ตนสงสัยว่าทำไมมีหลักฐาน ไม่แจ้งความดำเนินคดีไปเลย เพราะไปที่โรงพักด้วยกันแล้ว การไม่มีหลักฐานแล้วมาพูดแบบนี้ ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งตนดูแล้ว หากเป็นความเสียหายรุนแรง จะให้เจ้าตัวเขาดำเนินการแจ้งหมิ่นประมาท
“ถ้ามีหลักฐาน ดำเนินการได้เลย เพราะผมไม่ได้ปกป้องอยู่แล้ว เจตนาคือเราให้ลงพื้นที่ไปเพราะหาข้อมูล คณะ กมธ. ในชุดนี้ ก็มีลงพื้นที่หลายรอบ ผมเองก็ไม่มีเวลาว่างที่จะไปร่วม ก็ใช้วิธีการเอาทีมงานที่เคยทำงานร่วมกัน ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งเรื่องนี้ผมก็สอบถามกับทีมงานแล้วนะครับ ไม่มีแน่นอนในเรื่องของการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้เดี๋ยวต้องไปว่ากันตามกฎหมาย” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ ย้ำว่า สั่งให้ลงพื้นที่ต้องการเก็บข้อมูล เพราะเรื่องแรงงานข้ามชาตินี้ ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม และทุกกรณีที่เจอในเขตอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี ตนก็มีทีมงานรายงานอยู่เหมือนกัน จะเห็นได้ว่ามีนักลงทุนจากประเทศจีนมาลงทุนจำนวนมาก ส่วนที่ไปพบเห็นก็เป็นแรงงานจีนที่นำเข้ามา
“ถามว่าคนที่เป็นผู้แทนในพื้นที่ คนที่เป็นข้าราชการในพื้นที่ ทำไมถึงปล่อยปะไม่ให้มีการดำเนินการตรวจสอบ มันเป็นมุมกลับเลยนะ แล้วมากล่าวหาว่าเราไปเรียกรับผลประโยชน์ ผมขอถามกลับไปว่าผู้ที่อยู่ในพื้นที่มีอะไรที่แอบแฝงมากกว่านี้หรือไม่” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่าการันตีได้ 100% ใช่หรือไม่ว่าผู้ติดตามไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ นายสุเทพ กล่าวว่า คุยแล้ว และมีบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อยแล้ว ก็เห็นไปด้วยกันกับนายวุฒิพงศ์
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าในวันที่ลงบันทึกประจำวัน ผู้ติดตามจำนวนหนึ่งพยายามขับรถหลบหนี นายสุเทพ กล่าวว่า มีการหลบหนีหรืออะไรก็ตาม มีหลักฐานประจักษ์หรือไม่ว่าเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งถ้าไม่มีหลักฐานประจักษ์ ก็ไม่ควรทำอะไรที่ทำให้เกิดความเสียหาย
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ยังไม่ได้ดูว่า กมธ. การแรงงานแถลงเรื่องอะไรบ้าง มองว่าอยู่ในคณะ กมธ.ด้วยกัน น่าจะสอบถามกันได้ว่าเราส่งคนไปหรือไม่
“ผมทำงานก็อยากได้ข้อมูลเชิงประจักษ์ ถ้าไปอย่างถูกต้อง แจ้งไปก่อน มันไม่ได้ข้อมูลที่เป็นจริงอยู่แล้ว เราก็น่าจะรู้ดี เราก็พยายามทำข้อมูลในเชิงลึก เพื่อที่จะได้มีข้อมูล และนำเสนออย่างเป็นระบบ เพื่อที่จะเอาข้อมูลเหล่านี้ประกบกันในการแก้ไขสิ่งเหล่านี้ให้ถูกต้อง” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่าหากส่งไปแล้วมีการเรียกรับเงินจริง แต่ไม่ได้บอก นายสุเทพ ตอบทันทีว่า ถ้ามีหลักฐาน ออกมาเปิดได้เลย ตนไม่ได้ปกป้องอยู่แล้ว ตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะทำงานเรื่องแรงงานมา เป็นแรงงาน เป็นผู้นำแรงงาน จนมาเป็น สส. ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ขอให้เอามาเลย ตนจะช่วยส่งเสริมเต็มที่ในการกำจัดคนเหล่านี้ออกจากระบบการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งในวันที่ 8 พ.ค. ที่จะมีการประชุมกันนั้น ไม่มีปัญหา ดี เราจะได้จัดการได้เลย แต่หากมีการพาดพิงก็ต้องสู้คดีกันไปตามเนื้อหา
นายสุเทพ ยอมรับว่าการส่งไปลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการส่งแบบลับ และไม่ได้เกี่ยวข้อง รวมถึงแอบอ้าง กมธ.
เมื่อถามว่าจะข่าวที่ออกมาปรากฎว่ามีการยอมรับว่าไปในนาม กมธ. นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้ จะไปในนาม กมธ.ได้อย่างไร เพราะในบันทึกประจำวันก็ลงไว้อยู่แล้วว่าเป็นผู้ติดตาม สส.
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/bBIc5e007QY