เลือกตั้งและการเมือง

รัฐบาลจับมือฝ่ายค้าน ผ่าน 'ร่าง กม.สมรสเท่าเทียม' ชี้เริ่มจุดไฟดวงแรกแห่งความเท่าเทียมในไทย

โดย nattachat_c

28 มี.ค. 2567

231 views

วานนี้ (27 มี.ค. 67)  นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่...) พ.ศ. .... หรือ 'ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม' // นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการฯ แท็กทีมแถลงข่าวหลังกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านการเห็นชอบในวาระ 2-3 ของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว


นายดนุพร เปิดเผยว่า กรรมาธิการเคยบอกว่า กฎหมายฉบับนี้จะเสร็จทันก่อนปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรเดือน เม.ย.นี้ ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล ทำงานด้วยความรอบคอบ แก้ไขกฎหมายฉบับนี้ให้ออกมามีผลบังคับใช้กับทุกคน


ย้ำว่า กฎหมายฉบับนี้ ชาย-หญิงทั่วไปเคยได้รับสิทธิอย่างไรในกฎหมายเก่า ท่านจะได้รับสิทธินั้นเช่นเดิม โดยการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เป็นการยกระดับประเทศไทยในสายตาของโลก ขยับเรื่องความเท่าเทียมทางสังคม เริ่มจุดไฟดวงแรกทำให้ประเทศนี้มีความเท่าเทียมในสังคมเกิดขึ้น


กฎหมายฉบับนี้ เราไม่ได้แก้ไขเพื่อให้สิทธิกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรืออย่างที่หลายคนบอกว่า กฎหมายฉบับนี้แก้ไขเพื่อกลุ่ม LGBTQ+ แต่กฎหมายฉบับนี้เขียนมาเพื่อคนไทยทุกคน เราต้องการคืนสิทธิให้ LGBTQ+ ที่เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ตามสิทธิ และเสรีภาพของรัฐธรรมนูญ


นายดนุพร ยกตัวอย่างสิทธิที่ LGBTQ+ จะได้รับหากจดทะเบียนสมรสกัน จะได้ทั้งสิทธิในการรักษาพยาบาล สิทธิในการลงชื่อยินยอมให้การรักษา สิทธิเบิกจ่ายภาษี สิทธิในการซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ตนเองในฐานะประธานกรรมาธิการจะประสานกับรัฐบาล และหลายฝ่ายเพื่อขอให้นำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวันที่ 2 เม.ย.นี้


ทั้งนี้ นายดนุพร เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา แต่หากไม่ผ่านก็จะตั้งคณะกรรมาธิการร่วมสองสภาเพื่อพิจารณาต่อไป เท่าที่พูดคุยกับ สว.มีทิศทางบวกที่จะผ่านให้ในชั้นวุฒิสภา โดยในสมัยประชุมหน้า จะเสนอกฎหมายอัตลักษณ์ทางเพศ รวมถึงการเตรียมเสนอร่างกฎหมาย Sex Worker ด้วย


นายธัญวัจน์ กล่าวต่อว่าจากนี้จะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เช่น กฎหมายรับรองเพศสภาพ และคำนำหน้านาม เพื่อให้บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศได้นิยามตัวตนในบทบาทผู้ปกครอง บิดา มารดา ตามเจตจำนงของเขา ซึ่งจะอยู่ในหมวดการแสดงเจตจำนงอัตลักษณ์ทางเพศ


ส่วนกฎหมายการตั้งครรภ์ทางเทคโนโลยี มีการพูดคุย และเริ่มทำงานกันแล้ว คู่สมรสที่มีความหลากหลายทางเพศจะต้องกำหนดเงื่อนไขที่ต่างออกไป ซึ่งอาจต้องใช้การตั้งครรภ์ทางเทคโนโลยี ซึ่งจะมีการแก้ไขต่อไป โดยภาพรวมวันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมให้สิทธิศักดิ์ศรีกับกลุ่มคนทุกเพศ และมีสเต็ปที่จะต้องก้าวต่อไป


ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายธัญวัจน์ ได้ขอถ่ายรูปร่วมกับนายดนุพร และนายอัครนันท์ โดยกล่าวว่า “อุ้ย ถ่ายรูปนิดนึงได้ไหมคะ” พร้อมกับทำท่ารูปหัวใจไขว้สุดน่ารัก

-------------

ทั้งนี้ ในการอภิปรายในที่ประชุม กรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ที่มาจากภาคประชาชน ได้เสนอขอให้บัญญัติเพิ่มคำว่า “บุพการีลำดับแรก” ที่ทำหน้าที่เสมือนมารดา-บิดา เพื่อให้เกิดคำกลาง ๆ ลงในร่างกฎหมายแทนบิดา-มารดา รองรับความสมบูรณ์ของครอบครัวให้คู่สมรสเพศเดียวกัน แต่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า การกำหนดบุพการีลำดับแรก เป็นคำใหม่ที่ไม่เคยบัญญัติในกฎหมาย และไม่มีการให้คำนิยาม จึงอาจเกิดผลกระทบในการบังคับใช้ได้ จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่จะกระทบต่อกฎหมายทั้งหมดของประเทศ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงมีมติเสียงข้างมาก เห็นชอบตามการปรับแก้ของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก

-------------

เมื่อวานนี้ (27 มี.ค. 67)  เวลา 14.10 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก 400 เสียง ต่อ 10 เสียง ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ 'กฎหมายสมรสเท่าเทียม' ในวาระที่ 3 ตามที่คณะกรรมการธิการฯ พิจารณาแล้วเสร็จ (งดออกเสียง 2 และไม่ลงคะแนน 3 เสียง) หลังใช้เวลาพิจารณากว่า 5 ชั่วโมง อภิปราย 14 มาตรา จาก 68 มาตรา ซึ่งภายหลังการลงมติเสร็จสิ้น สส.พรรครัฐบาล และฝ่ายค้าน ต่างปรบมือแสดงความยินดี  และร่วมกันถ่ายรูปกับธงสีรุ้ง


โดยสาระสำคัญในกฎหมายสมรสเท่าเทียมนั้น เป็นการคืนสิทธิให้แก่บุคคล เช่น การแก้ไขคำว่า ชาย-หญิง-สามี-ภริยา เป็นคำว่า บุคคล-ผู้หมั้น-ผู้รับหมั้น และคู่สมรส เพื่อให้มีความหมายครอบคลุมคู่หมั้น หรือ คู่สมรส ไม่ว่าจะมีเพศใดก็ตาม โดยบุคคลสามารถหมั้นกันได้ เมื่อบุคคลทั้ง 2 ฝ่าย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งการหมั้นจะสมบูรณ์ เมื่อฝ่ายผู้หมั้นได้ส่งมอบ หรือโอนทรัพย์สินให้แก่ผู้รับหมั้น  หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา ให้มีสิทธิเรียกรับผิดชดใช้ค่าทดแทน และหากผู้รับหมั้นเป็นฝ่ายผิดสัญญา ให้คืนของหมั้นแก่ผู้หมั้นด้วย


ขณะที่ รายละเอียดของการสมรสจะกระทำได้ เมื่อบุคคลทั้ง 2 ฝ่าย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำการสมรสกันก่อนได้ พร้อมห้ามการสมรส ในกรณีที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นบุคคลวิกลจริต หรือเป็นคนไร้ความสามารถ หรือสืบสายโลหิตเดียวกัน และไม่สามารถสมรสซ้อนกับบุคคลอื่นได้


รวมถึงการหย่าจะสมบูรณ์ เมื่อคู่สมรสได้จดทะเบียนหย่า ซึ่งเหตุฟ้องหย่า อาทิ มีชู้ร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นประจำ คู่สมรสประพฤติชั่ว ทำร้ายร่างกายและจิตใจ จงใจทิ้งร้างอีกฝ่ายกว่า 1 ปี เป็นต้น



นอกจากนั้น ยังมีการเพิ่มเหตุเรียกค่าทดแทน และเหตุฟ้องหย่า ให้ครอบคลุมกรณีคู่หมั้น หรือคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง ไปมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นไม่ว่าเพศใด พร้อมแก้ไขเงื่อนระยะเวลาการสมรสใหม่ ในกรณีที่หญิงมีชายเป็นผู้สมรสเดิม และจะสมรสกับชายใหม่เท่ากัน (เพื่อป้องกันกรณีที่มีครรภ์จากชายเดิมติดมาด้วย) รวมถึงการเพิ่มเหตุการฟ้องหย่าให้สอดคล้องกับความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสเพศเดียวกัน เช่น มีชู้ร่วมประเวณีกับ “ผู้อื่น” เป็นประจำ


ทั้งนี้ เมื่อบุคคล 2 คน ไม่ว่าจะเพศเดียวกันหรือต่างเพศกัน จดทะเบียนสมรสร่วมกันแล้ว ก็จะมีสถานะ “คู่สมรส” ดังนั้น ก็จะไปเข้าเงื่อนไขในกฎหมายอื่น ๆ ที่รองรับสิทธิประโยชน์ของ “คู่สมรส” เช่น สิทธิจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส, สิทธิเป็นผู้จัดการแทนในทางอาญา เช่นเดียวกับสามี-ภรรยา, สิทธิรับมรดกหากอีกฝ่ายเสียชีวิต, สิทธิรับบุตรบุญธรรม, สิทธิการลงนามยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่าย, สิทธิจัดการศพ, สิทธิได้รับประโยชน์ และสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรส เช่น สิทธิประกันสังคม, สิทธิเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล รวมถึงคู่สมรส ยังสามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ พร้อมรับรองถึงกฎหมาย หรือระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีใด อ้างถึงสามี ภริยา หรือสามีภริยา ให้ถือว่าอ้างตามคู่สมรสที่จดทะเบียนตามกฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้ด้วย


สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรจะส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาตามขั้นตอน โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกคณะกรรมธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือ โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของวุฒิสภา ในการพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม หลังสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบในวาระที่ 3 แล้วว่า วุฒิสภา พร้อมพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ในวันที่ 1-2 เมษายนนี้ หรือ วันที่ 9 เมษายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมสภา สมัยสามัญ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 และมั่นใจว่า จะสามารถรับไว้พิจารณา พร้อมตั้งกรรมาธิการฯ มาพิจารณาต่อได้ทันอย่างแน่นอน  ซึ่งกรรมาธิการฯ จะใช้เวลาในช่วงการปิดสมัยประชุมมาพิจารณา ก่อนจะเสนอกลับมายังวุฒิสภา เพื่อพิจารณาลงมติให้ความเห็นชอบในช่วงเปิดสมัยประชุมสภา สมัยสามัญ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 ให้ทันก่อนที่สมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่


ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า สมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบัน จะหมดวาระลงในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ แต่จะยังคงอยู่รักษาการปฏิบัติหน้าที่ต่อ จนกว่าจะมีวุฒิสภาชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งในการพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม รวมถึงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 อาจจะอยู่ในช่วงรอยต่อดังกล่าว ดังนั้น วุฒิสภา จึงได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของวุฒิสภา ไปศึกษาความพร้อมหากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อการพิจารณาร่างกฎหมายที่ยังค้างอยู่ในวุฒิสภาชุดปัจจุบัน

-------------










คุณอาจสนใจ

Related News