เลือกตั้งและการเมือง

‘โรม’ พ้อ กกต.รวบรัดส่งสำนวนยุบ ‘ก้าวไกล’ ไม่เป็นธรรม ชี้ยุบพรรค ไม่ทำการเมืองไทยดีขึ้น

13 มี.ค. 2567

23 views

 “โรม” พ้อ กกต. รีบส่งสำนวนยุบพรรค “ก้าวไกล” ไม่ฟังข้อเท็จจริง หวั่นไม่เป็นธรรม ปัดตอบเป็นผู้นำรุ่นสาม ขอโฟกัสสู้คดีก่อน


เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.67) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวภายหลัง กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกล ฐานมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า ความจริงแล้วโดยหลักการที่ควรมีการรับฟังข้อเท็จจริงและควรให้พรรคก้าวไกลได้มีโอกาสโต้แย้งและอธิบายเหตุผลก่อน  การที่ กกต.จะรวบรัดและยื่นคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเลยโดยที่ไม่ได้รับฟังข้อเท็จจริงจากพรรคก้าวไกลเลยแม้แต่น้อย ตนคิดว่าน่าจะขัดต่อหลักนิติธรรม


ซึ่งหากถามว่า กกต. มีอำนาจไหม ก็เชื่อว่าคงมี แต่ประเด็น คือ มันมีความจำเป็นอะไรที่จะไม่รับฟังในข้อเท็จจริงของพรรคก้าวไกลก่อนที่ กกต.จะใช้กฎหมายส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ  ตนคิดว่า กกต.ก็สามารถเปิดโอกาสรับฟังได้  อย่างกรณีการยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ตอนนั้นพวกท่านก็ยังฟังเลย แต่มีความจำเป็นอะไรในตอนนี้ที่จะไม่รับฟัง  ตนคิดว่าการไม่รับฟังเหตุผลของก้าวไกล เป็นเหตุนำไปสู่ข้อครหา  ข้อวิพากษ์วิจารณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการขององค์กรอิสระอย่าง กกต. จะถูกตั้งคำถามไปเรื่อยๆ แล้วสังคมไทยจะได้อะไรขึ้นมา


“แน่นอนว่า ถึงที่สุดถ้าท่านฟังแล้วพบว่ายังมีคำวินิจฉัยแบบเดิม แต่อย่างน้อย ท่านต้องสร้างมาตรฐานตรงนี้  ต้องสร้างกระบวนการตรงนี้ เพราะถ้าท่านไม่ใช้เลย ท่านเลือกส่งไปศาลรัฐธรรมนูญเลย มันก็อาจจะไม่เป็นธรรมต่อพรรคก้าวไกล ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกตั้งมา แล้วสุดท้ายกระบวนการทำลายพรรคก็จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก”  


นายรังสิมันต์ ยังตั้งคำถามต่อไปอีกว่า การยุบพรรคการเมือง ประเทศชาติจะได้อะไร นอกจากจะทำให้สังคมกลับไปสู่ความไม่แน่นอน แล้วพรรคการเมืองผิดอะไรถึงต้องไปยุบ ตนคิดว่าเรื่องนี้สังคมไทยควรมีบทเรียนได้แล้ว ว่าการยุบพรรคการเมือง ทำให้การเมืองไม่พัฒนา ไม่ก้าวไปข้างหน้า  มีแต่จะทำให้การเมืองถอยหลังและทำให้การเป็นสถาบันของพรรคการเมืองไม่สามารถเกิดขึ้นได้


“เรื่องพยานหลักฐานท่านต้องฟัง ไม่ใช่ไปมีมติเอกฉันท์แล้วส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเลย ผมคิดว่ามันควรจะฟังในมุมของพรรคก้าวไกล เหตุผล คำอธิบายต่างๆ ก่อนจะใช้อำนาจในการตัดสินใจ ท่านต้องรับฟังตรงนี้ให้เต็มที่  กับประเด็นที่สอง ให้คิดถึงผลภาพรวมว่า การยุบพรรคก้าวไกลไม่ได้ช่วยให้การเมืองดีไปกว่านี้” นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำ


ผู้สื่อข่าวถามว่าในรอบ 5-6 ปีของพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล ถูกยื่นยุบพรรคมาแล้ว 2 รอบ ในเวลาไม่ห่างกันมาก ทำให้คนในพรรคเสียกำลังใจหรือไม่  นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราตั้งพรรคการเมืองมาเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งปัญหาที่พวกเรารับรู้มาโดยตลอด คือ มีปัญหาทางด้านการเมือง ปัญหาสังคม  ปัญหาเศรษฐกิจ  ปัญหาประชาธิปไตยและอีกหลายปัญหา  ในช่วงการทำแคมเปญภาคอนาคตใหม่ ระหว่างทางเราก็เห็นการยุบพรรค ไทยรักษาชาติ กระบวนการครั้งนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว แล้วเราก็พบว่ามีปัญหามาโดยตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่เราพยายามถามตัวเอง คือ เราเข้ามาทำไม  เราเข้ามาเพื่อสู้กับปัญหา  เราเข้ามาเพื่อแก้ปัญหา  เราเข้ามาเพื่อทำให้ปัญหาที่มีอยู่หายไป  ดังนั้นการยุบพรรคก้าวไกลหรือพรรคอนาคตใหม่ ทำให้เห็นว่ายังมีปัญหาเหล่านี้อยู่ ปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข


“ดังนั้นสิ่งที่เราทำต่อไป คือ การกลับไปถามตัวเองในวันเดิม ว่าเราเข้ามาทำไม ก็เพราะเราต้องการที่จะมาแก้ปัญหา ดังนั้นเมื่อมีการยุบอีก เราก็ต้องดำเนินการต่อจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของการแก้ปัญหาที่มีอยู่ในสังคม  เราไม่ได้มีเจตนาร้าย เราไม่ได้ต้องการที่จะไปเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองการปกครอง เพียงแต่เราทำในสิ่งที่เป็นอำนาจหน้าที่ของเรา สุดท้ายท่านอาจจะไม่เชื่อในเหตุผลของเราตรงนี้


แต่เรายืนยันว่าหากมองย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่มีการยื่นแก้ 112 จนถึงวันที่มีการรณรงค์ต่างๆ จนถึงวันนี้ มันไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง  มันไม่ได้นำไปสู่การล้มล้างการปกครองเลย การเมืองการปกครองของเราก็ยังดำเนินอยู่ถึงทุกวันนี้ ในทางกลับกันการยุบพรรคก้าวไกล สังคมได้อะไรขึ้นมา ผมยืนยันว่าเรายังต้องเดินหน้าฟันฝ่าต่อสู้กับปัญหาต่อไป”


ผู้สื่อข่าวถามว่านายรังสิมันต์ ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค มีการเตรียมตัวเป็นผู้นำรุ่นที่ 3 ของพรรคหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนพยามโฟกัสกับการไม่ไปถึงจุดนั้นก่อน  เราควรมุ่งมั่นกับการทำอย่างไรไม่ให้การยุบพรรคเกิดขึ้น  เราควรเตรียมตัวต่อสู้คดีทั้งในชั้น กกต.และชั้นศาล  จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากไม่มีการเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้คดีเลย  คงเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่กระบวนการของ กกต.มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร  เพราะการรับฟังคู่ความหรือผู้ถูกกล่าวหาในข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงแบบนี้ เป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญ ที่จะทำให้เราได้แก้ตัวและอธิบายว่าความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้น



ส่วนถ้ามีพรรคใหม่จะถอดบทเรียนลดโทนการเรียกร้อง เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงถูกยุบอีกหรือไม่ นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า เราตั้งพรรคการเมืองมาเพื่อแก้ปัญหา เราต้องการให้ประชาชนมีชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีความภาคภูมิใจ มีประชาธิปไตย และมีเสรีภาพ ดังนั้นจะต้องทำเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ต้องดูในหลายปัจจัย ส่วนคำถามที่ว่าจะลดโทนหรือไม่ลดโทน ตนย้ำว่า ขอให้ความสำคัญกับตอนนี้ก่อนว่าจะทำอย่างไรให้พรรคก้าวไกลยังสามารถเดินหน้าได้ ให้ความสำคัญกับเรื่องคดี และเรื่องการทำงาน



“เรายืนยันกับประชาชนว่า เราจะยังทำหน้าที่ต่อไปอย่างดีที่สุด และยังเชื่อว่าพรรคการเมืองแบบพรรคก้าวไกล เป็นพรรคการเมืองที่ไม่ใช่แค่พรรคการเมือง แต่คือความคิด อุดมการณ์ และความรู้สึกของเราที่ร้อยเรียงต่อกันว่าเราอยากเห็นประเทศไทยดีขึ้น และความคิดนี้จะไม่มีวันสูญสลาย” นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้าย



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/a2BDXFJwKH4

คุณอาจสนใจ

Related News