เลือกตั้งและการเมือง

'ชัยธวัช' ร้องเพลง 'อย่าหยุดยั้ง' ยอมรับคำวินิจฉัยศาล รธน.รุนแรงกว่าที่คาด

โดย nattachat_c

2 ก.พ. 2567

49 views

วานนี้ 1 กุมภาพันธ์ 67 นายชัยธวัช ตุลาธน ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึง ข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครองฯ โดยยืนยันว่าอยากจะปรับปรุงให้มันดีขึ้นกว่าเดิม และป้องกันไม่ให้กฎหมายนี้ใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ถูกเอาไปใช้โจมตีทางการเมือง และอาจจะทำให้สถาบันได้รับความเสียหาย นอกจากนี้การแก้ไขยังสามารถสร้างสมดุล ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์และสิทธิเสรีภาพ ของประชาชนที่จะมีสัดส่วนที่ดีขึ้น  ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะเห็นว่ากฎหมายเหล่านี้มีความรุนแรงมากเกินไป


ขณะที่ผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจจะก่อให้เกิดผลเสียในอนาคตในมุมมองของการตีความ ว่าอะไรคือแกนสำคัญที่สามารถละเมิดได้หรือละเมิดไม่ได้ ส่วนตนมองว่าการกล่าวหาว่าเป็นการล้มล้างการปกครองเป็นข้อหาที่ความรุนแรงมาก ซึ่งการลงโทษทางกฎหมายโดยเฉพาะโทษที่มีความรุนแรงอย่าง การตีความของศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีความชัดเจน ว่าอะไรผิดหรือไม่ผิด


ศาลรัฐธรรมนูญใช้คำว่าเซาะกล่อนบ่อนทำลาย คือการเอามาตรา 112 ออกมา จากหมวดความมั่นคงเอามาไว้ในหมวดอื่น รวมรวมไปถึงการลดโทษของผู้นำความผิด หรือการให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ฟ้องเท่านั้น ซึ่งจะทำให้พระมหากษัตริย์และประชาชนเป็นผู้ขัดแย้งกัน


นอกจากนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังยกตัวอย่างกรณีกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลไปเป็นนายประกันให้กับผู้กระทำความผิดในมาตรา 112 ในช่วงของการชุมนุมที่ผ่านมา รวมไปถึงการยกสภาพแวดล้อมอื่นที่เกี่ยวโยงกันด้วย


ในประเด็นนี้คุณชัยธวัช ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัย แต่ การยอมรับคำวินิจฉัย ต้องมีเหตุและผลมันคือสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าการย้ายหมวด ออกไปจากหมวดความมั่นคงคือการลดคุณค่าลง ซึ่งความเป็นจริงแล้วทางพรรคได้มีการย้ายหมวดไปอยู่ในส่วนของการคุ้มครองพระเกียรติยศ ซึ่งในกรณีนี้มันก็คือปัญหาของการตีความว่าศาลรัฐธรรมนูญยึดหลักอะไรในการวินิจฉัย


นอกจากนี้ สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอในร่างคือการให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ฟ้อง ทางพรรคไม่ได้คิดเอาเองแต่เอามาจากข้อเสนอของ อาจารย์คณิต ณนคร ที่ออกมาจากหลักกฏหมายของประเทศเยอรมนี ซึ่งจะเป็นการปิดช่องเพื่อไม่ให้ใครก็ได้เอามาตรานี้ไปกลั่นแกล้งกันทางการเมือง


นอกจากนี้ยังได้ยกตัวอย่างถึงกรณีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่มีกรณีพิพาทกันกับประชาชน เพราะว่ามีข้อตกลงการบริหารจัดการเรื่องที่ดินต่างๆ ในกฎหมายก็บัญญัติไว้ว่าให้ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ลงนามในการฟ้องร้องกับผู้ขัดแย้ง โดยในกฎหมายระบุไว้ว่าการฟ้องร้องดังกล่าวไม่ถือว่าพระมหากษัตริย์ เป็นคู่กรณีหรือคู่ขัดแย้ง


นอกจากนี้ยังระบุชัดว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงแล้วแต่การที่จะพูดต่อเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตและจะต้องหาแนวทางว่าเราจะแก้ไขประเด็นนี้อย่างไร  ขณะที่เรื่องโทษของการล้มล้างการปกครองมันความรุนแรงมากเพราะฉะนั้นศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต เพราะว่าการกระทำของบุคคลต่างๆที่ทำอยู่ก็ไม่มีใครทราบเลยว่าจะเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง หรือไม่ การที่กฎหมายจะเอาผิดประชาชนประชาชนจะต้องรู้ว่าการก้าวข้ามเส้นนี้คือการกระทำความผิดอย่างชัดเจน


อย่างไรก็ตามคุณชัยธวัช บอกว่า  ต่อไปประชาชนจะกระทำอะไร เช่นการยืน หยุดขัง ก็อาจจะเป็นการล้มล้างการปกครอง หรือประชาชนไปแสดงความคิดเห็นใดใดเกี่ยวกับการแก้ไขมาตรามาตรา 112 ก็อาจจะเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง


ขณะที่คุณสรยุทธได้ถามว่า  หากในอนาคตมีพรรคการเมืองได้มีการยื่นพระราชบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ของการแก้ไขมาตรา 112 แต่ไม่มีการชุมนุมทางการเมืองใดใดเลย แบบนี้ถือว่าเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ซึ่งคุณชัยธวัช  บอกว่า นั่นสิครับ ความชัดเจนของกฎหมายคือสิ่งสำคัญที่สุด


ขณะที่คุณชัยธวัช  ระบุว่าตอนนี้ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงที่จะต้องถูกยุบพรรคการเมือง จะต้องเตรียมตัวว่าจะรับมืออย่างไร แต่ไม่ปฏิเสธว่ามีการเตรียมตัวบุคคลเพื่อที่จะดำเนินการต่อ ทางการเมือง ก่อนระบุว่าตนจะทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจนถึงวินาทีสุดท้าย พร้อมกับเชื่อมั่นว่าความคิดฆ่าไม่ได้ และไม่ได้หายไปไหน ผู้สนับสนุนก็ยังอยู่


ระบุว่าต่อจากนี้ก็จะดำเนินการต่อทำงานต่อโดยจะมีการนัดพูดคุยกันในระดับอำเภอให้มากขึ้นนัดพูดคุยกันทุกสัปดาห์เพราะว่าไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไร  แต่ขออย่าให้ผู้สนับสนุนอย่าทิ้งความเชื่อทำอะไรได้ก็ช่วยกันทำและมีความหวังกับสิ่งที่ทำ


ก่อนจะระบุถึงประชาชนทุกคน ที่คิดว่าพรรคการเมืองแบบนี้ควรจะอยู่ในประเทศ หรือเรายังมีความฝันร่วมกันอยู่ก็อยากให้รวมตัวกันให้เหนียวแน่นที่สุดแล้วค่อยมาวางแผนต่อว่าจะทำอะไรต่อไป ยอมรับว่าคงจะมีคนเสียใจเสียดายโอกาสที่จะทำงานแต่คงไม่มีใครเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปและไม่เสียใจที่มีโอกาสได้ร่วมงานกัน ซึ่งคุณชัยธวัชได้ผู้ติดตลกว่าไม่ใช่พูดไว้อาลัย แต่มันมีความหมายและมีความคุณค่า


ตอนนี้เราไม่ได้หวั่นหรือหวั่นไหวด้วยความกลัวจากผู้ที่มีอำนาจมากกว่า  แต่เห็นความกลัวของผู้ที่มีอำนาจที่หวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงและจะทำทุกอย่างเพื่อหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงผู้ที่มีอำนาจต่างหากที่กลัวความเปลี่ยนแปลงกลัวว่าโลกกลมไม่ใช่โลกแบนเหมือนที่เขาคิด ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจและจะเดินหน้าต่อไป


ขณะที่คุณสรยุทธได้ถามว่า  พลาดไปหรือไม่ที่มีการเสนอแก้ไขมาตรา 112 คุณชัยธวัช ได้ย้ำว่า ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ แต่อาจจะมีบางคนด้วยซ้ำถ้าไม่ได้แสดงออกวันนั้นอาจจะเสียใจเพราะไม่ได้สร้างอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล นอกจากนี้ยังระบุว่าวันที่พรรคก้าวไกลได้เสนอร่างกฎหมายนี้เพราะพวกเขาเห็นว่ามันเกิดปัญหาขึ้นแล้วจริงๆและจะเกิดปัญหาขึ้นอยู่ในอนาคตถ้าไม่ได้ทำอะไรซักอย่างในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  และในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ไม่ควรทำเหมือนว่าไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นเพราะกลัวจะสูญเสียตำแหน่งสูญเสียอำนาจ แต่คนกลัวว่ามาเป็นผู้แทนราษฎรเพราะอะไร ตนคิดว่าไม่มีใครเสียใจและมีคนหลายคนภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้ทำลงไป ก่อนพูดติดตลกว่าผมเหมือนพูดเป็นวาระสุดท้ายเลย ก่อนยืนยันว่าตนเองยังอยู่ไม่ได้ไปไหน วันนี้ประชาชนให้เกียรติเรามาทำหน้าที่และจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและทำหน้าที่ให้มีความหมายจนถึงวินาทีสุดท้าย


ส่วนตัวมองว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ได้หายไปไหนมันก็จะเกิดการรวมตัวกันและผลักดันเพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศ


ขณะที่คุณสรยุทธได้ถามว่า จากพรรคชนะการเลือกตั้งอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จเพราะมาตรา 112 แล้วก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งหลายคนมองว่าคุณชัยธวัชและคุณพิธา ถูกปิดฉากลงแล้ว


คุณชัยธวัชได้ระบุว่า ตนเองและคุณพิทักษ์ก็ไม่ได้หายไปไหน  ตอนนี้คุณพิธาก็ไม่ได้เครียดปกติดีคือเราทำ ในสิ่งที่เราโฟกัสมากที่สุดกับสาธารณะสถานการณ์ ทำให้ตัวเองเข้มแข็งที่สุด พร้อมเชิญชวนคนที่อยากสร้างความเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันหลังจากนี้ก็รวมตัวกันให้มากที่สุดจับมือกันให้แน่นที่สุดและเตรียมรับทุกสถานการณ์ถ้าเรายังอยู่อย่างมั่นคง ในความคิดอย่างนั้นเราก็ต้องช่วยกันคนละไม้คนละละมือเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


อยากให้นึกถึงบรรยากาศพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบซึ่งมันไม่ได้ดีเท่ากับวันนี้ แน่นอนคนที่ผิดหวังวันนี้มีคนที่เสียใจจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่น้อยมากที่สัมผัสได้ว่ามันคือจุดจบของพรรคก้าวไกล


ก่อนระบุว่าตอนนี้ต้องเบิกบานพร้อมรับทุกสถานการณ์ ไม่ได้หดหู่เพราะเป็นประโยชน์หลายคนรู้สึกว่าถูกกระทำ ทำอะไรไม่ได้ แต่ตนเองอยากจะชวน ว่าคนที่หวั่นไหวไม่ใช่เรา แต่เป็นอีกฝ่ายหนึ่งที่เขากำลังเกิดความหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงจนจะทำทุกวิถีทางที่สกัดกั้น ดังนั้นเราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะท้อถอยต้องยิ้มแย้มเบิกบานเพราะเรามาไกลมากแล้ว


ขณะที่คุณสรยุทธบอกว่าแฟนคลับของก้าวไกลจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 นะ ซึ่งคุณชัยธวัชก็ได้ระบุว่า มี คนสนับสนุนพรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับความชอบที่เหมือนกันและต่างกัน แต่เขามีความคิดเห็นตรงกันว่ามาตรา 112 ไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง พร้อมย้ำว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วก็เป็นที่ยุตติ เพราะมีศาลเดียวแต่บ้านเมืองของเราต้องปกครองด้วยระบบกฎหมายที่เป็น rule of law ไม่ใช่ do by law  เพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหาการเมืองระยะยาว


เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว เรามีสิทธิ์ห้ามประชาชนแสดงความคิดเห็นขนาดนั้นเชียวหรือ


พร้อมกับยืนยันว่าตอนนี้ยังเบิกบานเมื่อ คืนยังคุยกันว่าสัปดาห์หน้าเดือนหน้าจะต้องทำ เรามีแผนที่ชัดเจนที่เน้นพบสมาชิกให้มากขึ้นและให้มากที่สุด เพราะสมาชิกพรรคก็คงมีคำถามว่าเราจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร เพราะฉะนั้นเราจะต้องใช้เวลาให้มากขึ้นในการพบปะสมาชิก และสอสอรวมถึงกรรมการบริหารพรรค ซึ่งในวันนี้จะมีการเดินทางไปที่จังหวัดพัทลุง ทะเลน้อย จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดภูเก็ต และในจังหวัดอื่นๆด้วย


สุดท้ายคุณชัยธวัชได้ตอบคำถามคุณสรยุทธว่าอะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับเมื่อวาน คำตอบคือคำวินิจฉัย

---------------











รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/hcOEoEuMC9o

คุณอาจสนใจ

Related News