เลือกตั้งและการเมือง

'เจ๋ง ดอกจิก' สาบานไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์ ยัน 'เลขาตูน' ไม่ใช่เมีย - ‘บิ๊กเต่า’ ยัน ‘นายเอก’ มันสมองหลักคุม 'ศรีสุวรรณ'

2 ก.พ. 2567

183 views

‘เจ๋ง ดอกจิก-’ ควง ‘เลขาฯ ตูน’ เปิดใจครั้งแรกกรณีถูกกล่าวหาร่วมกับ ‘ศรีสุวรรณ ’ ตบทรัพย์ อธิบดีกรมการข้าว สาบานไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์แค่ช่วยเจรจาแต่โดนหักหลัง พร้อมสู้คดี ยอมรับมีการหารือกับ รมว.เกษตร ก่อนเป็นตัวกลางรับเคลียร์ ระบุ ในกรมการข้าวมีงูเห่า “คนเราถ้าไม่ผิดไม่มีแผลจะเดือดร้อนทำไม”

วานนี้ (1 ก.พ.) เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ควง น.ส.พิมพ์ณัฎฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือการ์ตูน อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงเปิดใจครั้งแรกกรณีถูกกล่าวหาร่วมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา ตบทรัพย์นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว จำนวน 3 ล้านบาท


โดย นายยศวริศ กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับความเสื่อมเสีย ตัวของการ์ตูนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม สำหรับตนเองขอยืนยันว่าไม่ได้ถูกจับ แต่เป็นการติดต่อขอมอบตัว ที่สถานีตำรวจนครบาล(สน.)ดุสิต ตนทราบมาว่ามีหมายจับจึงประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มารับตัวไป โทรศัพท์ส่วนตัวถูกยึดไปตั้งแต่วันแรก ซึ่งตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ได้พยายามนั่งนึกทบทวนทุกเรื่องราวเพื่อมาเล่าให้ฟัง


เริ่มต้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 นายศรีสุวรรณ กับตน เจอข้อพิรุธในกรมฝนหลวงเกี่ยวกับข้อทุจริต เมื่อเจอข้อพิรุธจึงนัดหมายกันเพื่อไปร้องที่กรรมาธิการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เมื่อยื่นข้อร้องเรียนเสร็จสิ้นจึงมีการแถลงข่าวและโปรยเรื่องข้อทุจริตกรมการข้าว


นายยศวริศ กล่าวว่า ตนกับศรีสุวรรณมีข้อมูลตรงกันเรื่องกรมการข้าวที่มีการทุจริตมหาศาล และในเย็นวันนั้นเพื่อนของตน ที่อยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงก็มีการโทรศัพท์มาพูดคุยทำนองว่าอย่าไปยุ่งคนนี้ อธิบดีกรมนี้เปรียบเหมือนน้องชาย โดยคนนี้เป็นคนเสื้อแดงเหมือนกัน เมื่อตนเห็นว่าเป็นพรรคพวกในคืนวันที่ 20 ธันวาคม ตนก็รีบโทรไปหาอธิบดีกรมการข้าว


จากนั้นเวลา 23.00 น. อธิบดีกรมการข้าวโทรกลับมาแต่ตนไม่ได้รับสาย และได้มาคุยกันอีกครั้งในเช้าวันที่ 21 ธันวาคม โดยทางอธิบดีกรมการข้าวเป็นผู้เอ่ยขอนัดหมายกินกาแฟกัน ที่โรงแรมมารวย แต่ระหว่างทางที่ตนกำลังจะไปโรงแรม ก็ขอเปลี่ยนสถานที่ป็นที่กรมการข้าวทั้งนี้กรมอธิบดีพยายามโทรตามตนหลายรอบ


จากนั้นเมื่อไปถึงตนโทรศัพท์หาเพื่อนที่ฝากฝังมาตั้งแต่แรกว่าได้เจออธิบดีกรมการข้าวแล้ว เพื่อนคนนั้นย้ำว่าขอให้ช่วยน้องเขา น้องเขาเป็นคนดี น้องเขาไม่มีปัญหา จากนั้นตนก็ขึ้นไปที่ห้องทำงานเจอกับภรรยาอธิบดีรออยู่แล้วด้วย ตนจึงยืนยันว่าที่มาวันนี้มาเพื่อช่วย


นายยศวริศ กล่าวต่อว่า ทางอธิบดีแสดงตัวว่าตัวเขาเป็นคนเสื้อแดงช่วยคนเสื้อแดงมาตลอด ขอยืนยันว่าไม่มีข้อกังขาใดๆ พร้อมขอบคุณที่ตนมาช่วย ตนเองจึงแนะนำให้จากนี้ไปอธิบดีกรมการข้าวประสานกับเลขาของตนที่ชื่อการ์ตูนซึ่งเป็นผู้ติดตาม เมื่อจบการสนทนา ตนก็ลากลับอธิบดีและภรรยาก็ลงไปส่งตนที่รถพร้อมกับกราบสวัสดีอีกครั้งและย้ำว่าขอให้ช่วย


ส่วนกรณีที่ภรรยาอธิบดีไปติดต่อกับศรีสุวรรณ ที่บ้านตนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร เป็นเพียงผู้ประสาน เพียงเท่านี้ ตนขอยืนยันว่าเข้าไปช่วยไม่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งตบทรัพย์ ตนไม่คิดเลยว่าในกรมการข้าวจะมีงูเห่า ตนเป็นชาวนาไม่ใช่แก๊งตบทรัพย์


นายยศวริศ กล่าวอีกว่า ถ้ามีการร้องเรียนก็ต้องมีการสอบสวน ถ้าคนเราไม่ผิดหรือไม่มีแผล จะมาเคลียร์ปัญหา มาเจรจาทำไม ส่วนตนไม่รู้หรอกว่าผิดหรือถูก ตนถ้าพบพิรุธก็มีหน้าที่เตรียมร้องเรียนตาม ซึ่งที่ผ่านมาตนกับศรีสุวรรณ ร้องเรียนมาหลายกรณีส่วนมากเป็นการร้องเรียนการทุจริตองค์กรเช่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนไม่เคยเจัดการปัญหากับใครมาก่อนและจากกรณีนี้ตนไม่ได้เงินสักบาทเดียว วันนี้ตัวของการ์ตูนกำลังมีอนาคตที่ดี กำลังมีแนวทางในสังคม เขาต้องร้องไห้เสียใจทุกวันเขาผิดตรงไหนเขาไปเป็นแก๊งตบทรัพย์เมื่อไหร่ เขามีหน้าที่แค่ไปประสานงาน ระหว่างผู้ร้องเรียนกับผู้ถูกร้อง


นายยศวริศ กล่าวว่า ส่วนบุคคลใด สื่อใดที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตนกำลังให้ทนายความรวบรวมทุกกรณี ขอให้เตรียมรับหมายศาลกันให้ดี แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐเองก็เหมือนกันที่กล่าวหาเกินเหตุเกินควร ออกมาชี้แจงรายวันว่าจับตัวการใหญ่ตนก็จะใช้กระบวนการยุติธรรมจัดการ ทุกนายไม่เว้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเสียหายสำหรับตนมาก


ซึ่งจะผิดหรือไม่ผิดใช่หรือไม่ใช่ กระบวนการทางศาลจะมีหน้าที่พิพากษา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐมาพูดจนประชาชนคนไทยทั้งประเทศมาพิพากษาตนเรียบร้อยแล้ว ผู้สื่อข่าวระหว่างที่นายยศวริศ ชี้แจง เลขาฯ ตูนได้นั่งร้องไห้

นอกจากนี้ ‘เจ๋ง ดอกจิก’  ได้นำพวงมาลัยพานธูปเทียนแพ มาสาบานว่า “ที่มีการกล่าวหาว่าผมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเรียกทรัพย์เพื่อประโยชน์ตนเองและผู้อื่น ถ้าผมเป็นเช่นนั้น เป็นแก๊งตบทรัพย์ เป็นแก๊งรีดทรัพย์ ถ้าหากแม้นว่าผมไม่ได้เป็นดังนั้น ขอบารมีพระแก้วมรกต ศาลหลักเมืองและแม่ธรณีสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณนี้ช่วยไปจัดการคนที่กล่าวหาผม ให้ไม่มีที่อยู่ทุกข์แทนที่ผมร้อยเท่าพันเท่า 


และขอให้บุคคลที่กล่าวหาผมไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็ดี หรือสื่อมวลชนก็ดีที่คิดไปแบบนั้น รวมทั้งพี่น้องประชาชน คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดขอให้มีอันเป็นไป ทั้งลูกทั้งเมียทั้งครอบครัว อย่าได้ผุดอย่าได้เกิดถ้ามีการกล่าวหาผม ถ้าผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ ขอให้ผมเจริญขึ้นเรื่อยๆ”

ด้าน น.ส. พิมณัฏฐา กล่าวยืนยันว่าวันนี้ตนไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นตัวกลางระหว่างภรรยาอธิบดีกรมการข้าวกับใคร ตนไม่อยากพาดพิงถึงบุคคลอื่น ส่วนที่ตนพยายามตามยอดเงินคือตนพยายามชี้แจงว่าหากโอนไม่ครบตนที่เป็นคนเจรจาจะถูกมองว่ายักยอกเงิน

นายยศวริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการแต่งตั้ง ว่า สถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ นายเจ๋ง บอกว่าตนเองได้รับการแต่งตั้งช่วงเดือนพฤศจิกายน และถูกปลดออกจากตำแหน่งในวันที่ 18 ธันวาคม แต่ขณะเดียวกัน ขัดแย้งกับเอกสารที่ระบุว่ามีการแต่งตั้งในวันที่ 28 กันยายน ส่วนวันแต่งตั้งตนเองจำเดือนที่แน่นอนไม่ได้


ส่วนที่เห็นภาพตนเองเข้าไปทำงานที่ทำเนียบรวมถึงมีป้ายชื่อที่ปรึกษารัฐมนตรีนั่งประชุมนั้น นายยศวริศ ระบุว่าตนเองเข้าออกสภาและทำเนี่ยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะไปหาเพื่อน ส่วนที่มีป้ายนั้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบเป็นพูดจัดเตรียมไว้ โดยที่ไม่รู้ว่าตนเองถูกปลดจากตำแหน่งไปแล้ว


รวมทั้งมีกระแสข่าวออกมาว่าตนเองเข้าไปกระทรวงยุติธรรม ยอมรับว่าตนเองเข้าไปจริง และเข้าไปหา ดร.ธนกฤต จริง โดยเข้าไปหารือเรื่องกำไร EM เพราะได้รับข้อมูลมาว่ามีการสอบไปในทางทุจริต พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด


ส่วนข้อสงสัยในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและ น.ส.พิมณัฏฐา ยืนยันว่าเป็นเพียงเลขาฯ ส่วนตัว ซึ่ง น.ส.พิมณัฏฐา ก็รู้จักกับครอบครัวของตนเองและลูกสาว ซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวของ น.ส.พิมณัฏฐา เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์ เห็นหน่วยก้านดีจึงเรียกมาทำงานด้วย ซึ่งทำงานร่วมกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ซึ่ง น.ส.พิมณัฏฐา ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าเรื่องความสัมพันธ์ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงเลขาฯ ส่วนตัวเท่านั้นและตนเองก็รู้จักกับครอบครัวของนายเจ๋งทุกคน


พร้อมกับยืนยันว่าตนเองไม่รู้จัก นายหมู (สุธีร์) ที่ปรึกษาของ ร้อยเอกธรรมนัส แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายเอก ที่มีข้อมูลออกมาว่าเป็นตัวกลาง ส่วนที่มีการจับกุมนายเอกลักษณ์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ตนเองยังไม่ทราบเรื่อง ส่วนสาเหตุที่รู้จักกับนายเอกลักษณ์ นั้นเพราะก่อนหน้านี้นายเอกลักษณ์ เคยนำเรื่องโครงการต่างๆ มาให้ตนเองตรวจสอบ รวมทั้ง ยืนยันว่าไม่มีเส้นทางการเงินที่โอนให้กัน ระหว่างนายเอกลักษณ์ และตนเองแน่นอน


ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองยังไม่มีการพูดคุยกับนายศรีสุวรรณแต่อย่างใด ส่วนข้อสงสัยที่บอกว่าตนเองและนายศรีสุวรรณต่างขั้วกันนั้นทำไมถึงมาจับมือร้องเรียนกัน ตนเองมองว่าหากมีเรื่องทุจริตก็สามารถเข้ามาร้องเรียนตรวจสอบร่วมกันได้ เช่นเดียวกันกับที่ตนเองเคยอยู่เสื้อแดง แต่ขณะนี้ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติได้

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หลังจากเกิดเหตุ ได้เข้าไปพูดคุย ชี้แจงกับนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี แล้วหรือไม่ เจ๋ง ดอกจิก บอกว่ารอเคลียร์ตัวเองให้ใสสะอาดก่อนถึงจะเข้าไปหาและชี้แจงอีกครั้ง พร้อมทิ้งท้ายฝากให้สื่อมวลชนตรวจสอบภรรยาของอธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากได้รับข้อมูลว่ามีการเปิดบริษัทด้วยเงินสดจำนวน 600 กว่าล้าน ว่าเป็นการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่


นายยศวริศ ยังยอมรับว่า มีการโทรศัพท์รายงาน ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยหาหรือว่ามีเหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดขึ้น จะให้ดำเนินการอย่างไร โดยรัฐมนตรีบอกเพียงว่า ให้ตนเองจัดการให้เสร็จสิ้น แต่ไม่ได้ระบุว่าด้วยวิธีการใด อีกทั้งยังมีเพื่อนที่เป็นอดีตนักการเมือง แกนนำเสื้อแดง และมีการฝากฝังกับตนเองให้ช่วยเคลียร์ปัญหาดังกล่าวให้เรียบร้อย ตนเองจึงอาสาเข้าไปเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับอธิบดีกรมการข้าว โดยไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว


นายยศวริศ ยังยอมรับว่า รู้จักกับ "ดร.เอก" 1 ในผู้ที่ถูกตำรวจ ปปป. เข้าจับกุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังพบความเชื่อมโยงว่า เกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์นายศรีสุวรรณ แต่เป็นการรู้จัก ในฐานะที่ทำธุรกิจด้วยกัน มีการพูดคุยกันในเรื่องโครงการต่างๆ เช่น โครงการวิ่ง แล้วเหตุใดเขาถึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


ส่วนตัวตำรวจจับจากเส้นทางการเงินที่เชื่อมต่อตัวเอง นายยศวริศ ยืนยันว่า ไม่เคยโอนเงินหรือรับโอนเงินจาก ดร.เอก ทุกครั้งที่ไปร้องเรียนเรื่องการทุจริตหน่วยงาน ดร.เอก ไม่เคยรับรู้หรือเกี่ยวข้องเลย เหตุใดตำรวจถึงไปจับ

นายยศวริศ ยังย้ำว่าสาเหตุที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งตบทรัพย์ น่าจะเป็นเกณฑ์ทางการเมืองถูกกลั่นแกล้ง ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าถูกใครกลั่นแกล้ง นายยศวริศ ตอบว่าเป็นเพียงการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ก่อนที่จะฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าที่ไปเฝ้าหน้าบ้าน การทำแบบนี้เป็นการริดรอนสิทธิและคุกคาม อยากให้เลิกติดตามตัวเอง ยืนยันยังไงก็ไม่หลบหนี พร้อมสู้คดี

--------------------------------------------------

ตำรวจ ปปป. จับ ‘เอกลักษณ์’ เครือข่าย ‘ศรีสุวรรณ’ ตัวการคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว จนท.บุกตรวจค้นบ้าน 2 หลัง เก็บหลักฐานเอกสาร-กล้องวงจรปิด คุมตัวไปสอบปากคำ บก.ปปป. พบเป็นตัวการสำคัญในการวางแผน

วานนี้ (1 ก.พ.) เวลา 07.00 น.ตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  หรือ ป.ป.ช. นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมนายเอกลักษณ์ วารีชล หรือ ไม้เอก หรืออาจารย์เอก หรือเอก ปากน้ำ ที่บ้านย่านนิมิตรใหม่ เขตคลองสามวา กทม.


ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพัก 2 หลังติดกัน เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด โดยหลังหนึ่งเป็นบ้านของนายเอกลักษณ์เองและอีกหลังหนึ่งเป็นบ้านของมารดานายเอกลักษณ์ โดยมีรั้วติดกันและสามารถเปิดประตูไปมาหาสู่กันได้


ขณะเดียวกันแม่ของนายเอกลักษณ์ ได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตรวจค้นรถยนต์ภายในบ้านของนายเอกลักษณ์ ซึ่งมีจำนวน 3 คัน จอดอยู่ในบ้านทั้ง 2 หลังของนายเอกลักษณ์ รวมทั้งตรวจค้นภายในบ้านของนายเอกลักษณ์ เพิ่มอย่างละเอียด


 ซึ่งมีรายงานข่าวว่านายเอกลักษณ์ เป็นเครือข่ายของนายศรีสุวรรณ จรรยา โดยนายเอกลักษณ์ ถูกออกหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในคดีตบทรัพย์นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เนื่องจากพบพฤติการณ์เป็นตัวกลางระหว่างอธิบดีกรมการข้าวและเครือข่ายของนายศรีสุวรรณ


แนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่านายเอกลักษณ์ เป็นผู้ต้องหารายสำคัญทำหน้าที่วางแผนการทั้งหมด เมื่อได้เงินมาจะนำมาแบ่งกันระหว่าง 3 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เคยให้ข้อมูลไว้ว่า เป็นคนกลางประสานงานระหว่าง “นายหมู” หนึ่งในกลุ่มของนายศรีสุวรรณ และเจ๋ง ดอกจิก


โดยเจ้าหน้าที่ ปปป.และ ป.ป.ท. ได้ทำการสอบปากคำนายเอกลักษณ์ เบื้องต้นและทำบันทึกจับกุมภายในบ้านพัก พร้อมให้นำค้นบ้านเพื่อเก็บรวบรวมหลักฐาน เอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องในคดี และเก็บกล้องวงจรปิดภายในและรอบๆ ตัวบ้านไปตรวจสอบ /ตลอดการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ทยอยลำเลียงนำเอกสารพยานหลักฐานบางส่วน ที่ได้จากการตรวจค้นบ้านนายเอกลักษณ์ มาไว้ที่รถตำรวจ


13.00 น.หลังใช้เวลาจับกุมตรวจค้นบ้านนาน 6 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่คุมตัวนายเอกลักษณ์ ออกมาจากบ้านขึ้นรถของตำรวจนำตัวไปสอบปากคำที่ บก.ปปป. โดยเจ้าตัวใช้เสื้อแขนยาวคลุมศีรษะและใบหน้ามิดชิด ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าร่วมกับนายศรีสุวรรณ ทำเป็นขบวนการตบทรัพย์ตามที่ถูกกล่าวหาหรือจะชี้แจงอะไรหรือไม่ แต่เจ้าตัวไม่ตอบ


21.00 น. หลังสอบปากคำอาจารย์เอกนานถึง 7 ชั่วโมง อาจารย์เอกได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท ในการประกันตัว พร้อมกับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งระหว่างที่พนักงานสอบสวนควบคุมตัวออกมานั้น ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงข้อเท็จจริงต่างๆ ว่าเป็นคนบงการนายศรีสุวรรณจริงหรือไม่ ซึ่งอาจารย์เอกได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ พร้อมกับขำตลอดทางที่เดิน และชูนิ้วโป้งให้กับผู้สื่อข่าว เพื่อแสดงออกว่าไม่มีความเครียดแต่อย่างใด


นอกจากนี้มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่าตำรวจได้นำหมายเข้าตรวจค้นจับผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 คน ที่บ้านพักใน จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก

--------------------------

"บิ๊กเต่า" ยัน "นายเอก" เป็นมันสมองหลัก บงการคุม "ศรีสุวรรณ" มีข้อมูลทุจริตหลายวงการ ลั่น ถ้าไม่เก่งคุมศรีไม่อยู่ คอนเน็กชั่นดีคนรู้จักเยอะ -ยกมือสาธุ! หลัง "เจ๋ง-ดอกจิก" ยกพานสาบานไม่ใช่ขบวนการตบทรัพย์ ระบุ “เจ๋ง ดอกจิก” เดิมเป็นคนร้องเรียนแปลงร่างมาเป็นคนเคลียร์


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าไปสอบปากคำ "นายเอกลักษณ์" 1 ในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ในวันนี้ ซึ่งเป็นขบวนการตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว นานกว่าครึ่งชั่วโมงออกมาให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้จับขบวนการนี้ได้เพิ่มเติม 1 ราย จากเดิม 3 ราย รวมเป็น 4 ราย และวงนี้มีผู้ต้องหาประมาณ 5-6 คน


โดยหลังจากนี้จะมีการออกหมายจับหรือออกหมายเรียก ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และที่จะออกหมายจับเพิ่มจะเป็นบุคคลที่อยู่ระดับล่างของ 4 คนที่ถูกออกหมายจับไปแล้ว


 ส่วนนายเอกลักษณ์ ที่จับกุมตัวมาในวันนี้ ยังไม่ขอบอกรายละเอียด แต่เป็นคนหนึ่งที่มีความรู้ ความสามารถที่ควบคุมดูแลสถานการณ์ทุกอย่างได้ ส่วนขบวนการตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว จะมีคนที่ใหญ่กว่านี้อีกหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอก ‘ยังไม่เห็น’


นักข่าวถามว่า การเข้าสอบปากคำบุคคลที่จับกุมในวันนี้ เป็นอย่างไรบ้าง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า  ตนเองก็เข้าไปให้กำลังใจ เพราะมองว่าเขาเป็นคนเก่งและสามารถควบคุมดู และควบคุมสถานการณ์ประคองสถานการณ์ได้ดี และมองว่าคนนี้ถ้าใช้งานให้เป็นประโยชน์ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ “ผมไม่คุยกับเขาเพราะเขาเป็นคนเก่ง ผมบอกว่าถ้าประกันตัวมาแล้วผมขอไปคุยด้วย และผมอยากขอคุยหลังไมค์ดีกว่า”


นักข่าวถามอีกว่า จากการสอบปากคำ นายเอกลักษณ์ ให้การเป็นประโยชน์อย่างไรบ้างหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า “พูดไปคำสองคำก็รู้ว่าเขาจะพูดอะไร เราเลยไม่คุย เราเจอคนเก่ง เราคนไม่เก่ง เราก็ต้องถอยมาและคงจะขอคุยกับเขานอกรอบ ถ้าประกันตัวไปผมขอไปคุยด้วยนะ ผมว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับเรามากกว่า ถ้าเขายอมให้ข้อมูลเราเราจะทำประโยชน์อะไรได้เยอะ”    


นักข่าวถามอีกว่า ที่ว่าเก่ง เก่งอย่างไร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า “เขาเป็นคนที่สามารถบริหารจัดการอะไรได้ดี ถ้าเอาความรู้ความสามารถไปใช้ในทางที่ถูกในการตรวจสอบหน่วยงานของรัฐ การทุจริตต่างๆ ตรงนี้ก็เอาทำประโยชน์ได้ แต่ถ้าเอามาทำเรื่องส่วนตัวมันพลิกกัน ควรเอามาเป็นประโยชน์และตรวจสอบข้าราชการทุจริตดีกว่า ซึ่งเราจะทำต่อ” และคนคนนี้มีข้อมูลเยอะ ที่อาจจะทำให้ไปจับข้าราชการที่ไม่ดีได้ด้วย


และเขามีข้อมูลลึกๆ เยอะ ที่มีประโยชน์ซึ่งเราต้องการข้อมูลเหล่านี้มาทำประโยชน์ ตนเองเลือกใช้เฉพาะที่เป็นประโยชน์ แต่ตนเองไม่ได้ชมเชยคนเก่งที่ทำผิด แต่อยากคุยข้อมูลเท่านั้น “ถ้าไม่เก่ง คุมตาศรีไม่อยู่ คุณศรีต้องฟังเขา” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยอมรับด้วยว่า นายเอกลักษณ์ คอนเน็กชั่นดี คนรู้จักเยอะ ส่วนเรื่องเส้นสายมีหรือไม่ ‘ผมไม่อยากรู้’


 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกอีกว่า หลังจากนี้จะขอให้ดูวงอื่น เพราะวงอื่นอาจจะมีตัวใหญ่ โดยเป็นผู้เสียหายรายอื่น อยู่ระหว่างการเข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ และเป็นวงที่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับวงอธิบดีกรมการข้าว มีมูลค่าที่ถูกตบทรัพย์หลักสิบล้าน จนเกือบร้อยล้าน


และวงอื่น ก็มีการทำเป็นขั้นเป็นตอน แบ่งหน้าที่กันทำ อย่าง เจ๋ง ดอกจิก ที่ออกมาพูดวันนี้ เดิมเป็นคนร้องเรียน และแปลงร่างมาเป็นคนเคลียร์ แต่ในที่สุเก็ไปแบ่งเค้กกัน ส่วนวงอื่นเป็นวงการรัฐหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า มีหลายเรื่องที่ทยอยเข้ามา อยากให้เข้ามาเร็วๆ แต่ก็ไม่บังคับ สะดวกเมื่อไรก็เข้ามา ซึ่งเป็นวงเงินเยอะกว่านี้มาก และผู้ต้องหาเป็นกลุ่มเดียวกัน


 นักข่าวถามถึง กรณีที่นายยศวริศ หรือเจ๋ง ดอกจิก ออกมาบอกว่าจะไล่ฟ้องทั้งหมดนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ก็ขอบคุณคุณเจ๋ง ที่ยอมรับว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขั้นเป็นความจริง จะเป็นประโยขน์กับเขาหรือเป็นโทษก็ยังไม่รู้เลย และให้กำลังใจคุณเจ๋งในการต่อสู้กันไป พร้อมย้ำว่า ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน ถ้าไม่มั่นใจคงไม่จับศรีสุวรรณ


เมื่อถามว่า วันนี้นายเจ๋ง ออกมาถือพานสาบานสาปแช่ง เจ้าหน้าที่เลยนะ จังหวัดนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยิ้ม พร้อมกับ ยกมือพนมขึ้นแล้วพูดว่า “สาธุ ก็เป็นกำลังใจคุณเจ๋ง” ที่สาธุเพราะเห็นใจเขา และตนเองกลับเห็นใจคุณตูน และบรรดาภรรยาคนทั้งหลายที่เข้ามายั่งเกี่ยวกับคนพวกนี้เพราะผมเชื่อว่าเขาไม่ได้ชั่ว เป็นนิสัยเลว แต่ไหลเข้ามาสู่วงจรอุบาท และเขาจะพาลโดนไปด้วย ผมสงสารผู้หญิงมากกว่า

ส่วนที่นายเจ๋ง แถลงข่าวพาดพิง ร้อยเอกธรรมนัส พรมเผ่า รมว.เกษตรฯ นั้น มองว่าเขาก็พูดไปอย่างนั้น กรณีเป็นหัวหน้าอยากให้จบก็ให้ไปเคลียร์กันให้จบ คงไม่ได้มาถามเคลียร์อย่างไร


คุณอาจสนใจ

Related News