เลือกตั้งและการเมือง

จัดเต็ม! อธิบดีกรมการข้าว ลั่นตั้งใจล่อซื้อ ‘ศรีสุวรรณ’ ชี้ทั้งแค้น ทั้งรำคาญ สู้เพื่อศักดิ์ศรีข้าราชการ

31 ม.ค. 2567

90 views

เปิดใจ อธิบดีกรมการข้าว  ตั้งใจล่อซื้อ “ศรีสุวรรณ” - จ่ายหลายครั้ง เหตุหวังหลักฐานมัดแน่น ลั่น ทั้งแค้นทั้งรำคาญ เผย สู้เพื่อศักดิ์ศรีข้าราชการ ชีวิตเกิดครั้งเดียว ถ้าไม่ผิดอย่ามาแกล้งกัน - ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส โผล่ให้กำลังใจ อธิบดีฯ หลังสัมภาษณ์  พร้อมแจงปมคลิปเสียงรู้เรื่องรีดทรัพย์ ลั่น “ระดับรัฐมนตรีว่าการฯ ไปสมรู้กับคนรีดเงินล้านห้าเนี่ยนะ” ขออย่าหลงประเด็นว่ากระทรวงเกษตรเป็นผู้ถูกกระทำ


กรณีที่ตำรวจ 4 ป. บุกรวบนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน หลังร่วมกับ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรค รทสช. ข่มขู่ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว โดยเรียกเงิน 3 ล้านบาท ก่อนเจรจาต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท แลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว โดยอ้างว่าพบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริต


ล่าสุด วานนี้ (30 ม.ค.67) เวลา 13.30 น. นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์  อธิบดีกรมการข้าว เปิดใจครั้งแรก ระบุว่า วันนี้ตัดสินใจมาแถลงข่าว และจะพูดเฉพาะบางส่วนที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตนเองได้ดำเนินการกับภรรยา 2 คน รวบรวมข้อมูลทั้งหมด เป็นระยะเวลานานพอสมควร และไปแจ้งความดำเนินคดี โดยที่ทีมงานของรัฐมนตรีไม่มีใครรู้สักคน


ก่อนจะเล่าย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ด้วยความรำคาญใจจึงตัดสินใจไปที่บ้านนายศรีสุวรรณ ไปกับพี่หมู (นายสุธี พงษ์เพียรชอบ) ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯและภรรยาตนเอง รวม 3 คน // ซึ่งตนไปในฐานะที่นายศรีสุวรรณ เป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ตนก็ต้องมีผู้ใหญ่มีพยานไปด้วย เพราะว่าถ้าตนเองไม่มีพยานไปด้วย ตนเองก็จะแย่ วันนั้นไปบ้านนายศรีสุวรรณ เพื่อถามว่าทำไมต้องร้องเรียนตนเอง ตนเองผิดอะไร จะไปร้องเรียนไปดูข้อมูลหรือยังว่าผิดอะไร เพราะผลการสอบสวนออกมาแล้วทั้ง 4-5 โครงการ ตนเองไม่มีความผิด ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องเคลียร์การจ่ายเงิน ซึ่งตอนนั้นต้นค่อนข้างหัวร้อน แต่ทางนายศรีสุวรรณค่อนข้างนิ่ง


 ส่วนพี่หมูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย รวมถึงจ่ายเงินจ่ายทองอะไร ก่อนจะย้ำชัดว่า “ผมพูดความจริง ผมแขวนพระอยู่เต็มอก ผมเป็นคนพุทธ ผมพูดความจริงทุกอย่าง ไม่ได้โกหก ไม่ได้ไปเจรจาเรื่องการจ่ายเงินจ่ายทองอะไรทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกัน”


 เมื่อถามว่าย้อนว่าก่อนที่จะไปพบนายศรีสุวรรณ นั้น เจ้าตัวติดต่อเข้ามาอย่างไร นายณัฏฐกิตติ์ บอกว่า เจ้าตัวมีเรื่องร้องเรียนเข้ามามากมาย จนตนทนรำคาญไม่ไหว แต่ที่ตนทราบว่ามีการร้องเรียนถึงตนนั้น เหตุเพราะมีจดหมายผิดซอง โดยร้องเรียนเข้ามาแต่จ่าหน้าซองผิด แทนที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กลับจ่าหน้าเป็นชื่อตน จึงรู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ก่อนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.แก้งสนามนาง จ.นครราชสีมา


อธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นทอดเวลามาประมาณ 2-3 อาทิตย์  จนกระทั่งการแถลงข่าวเรื่องฝนหลวง และก็มีการพูดถึงเรื่องกรมกับข้าว ซึ่งในคืนวันเดียวกันที่แถลงที่สภาฯ ตนก็ได้รับการติดต่อมา แต่ไม่ได้รับสายเพราะว่านั่งสวดมนต์ไหว้พระอยู่ ไม่รู้ว่าเบอร์ใครโทรมา จากนั้นประมาณ 23.30 น. จึงโทรกลับ แต่ไม่มีใครรับ พอเช้ามาโทรมาบอกว่าอยากจะมากินกาแฟด้วย ก็ตอบไปว่าได้ ตนจึงสั่งลูกน้องให้ติดกล้องวงจรปิดทั้งกรมฯ


 “ท่านรู้มั้ย ไอ้คนที่เราไม่ผิด มันเจ็บใจนะ มันไม่รู้จักหยุดสักที ผมเจ็บใจมาก ผมก็เลยวางแผนกับภรรยาผม มันเป็นใคร ประเทศไทยอยู่ได้ยังไง ถ้ามีคนประเภทนี้ ผมจึงวางแผนกันเอง โดยที่ไม่ให้ทีมงานคณะท่านรัฐมนตรีเดือดร้อน ก็เลยหารือภรรยาว่าลุยเองเลย เราก็พอมีเงินอยู่ กลัวอะไร สู้ไม่ได้ ก็จ้างทนายนายสู้สิ ไม่ต้องไปเดือดร้อนใคร งานนี้ผมจัดการเอง


ผมจึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งไปที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป.) ด้วยความรำคาญ เข้าใจคำว่ารำคาญมั้ย ตายเป็นตาย ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว ชีวิตเราได้เกิดครั้งเดียว ถ้าไม่ผิดอย่ามาแกล้งกัน” อธิบดีกรมการข้าว กล่าว


เมื่อถามย้ำว่าทำไมต้องติดกล้องวงจรปิดไว้ทั้งกรมอธิบดีกรมการข้าวบอกว่า “ก็คนชั่วมันเยอะไง มันต้อง ต้องการไว้ คนมันแอบอ้างเยอะ ถ้าเราไม่ป้องกันไว้เราจะทำยังไง ถ้าไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ผมจะจับคนชั่วได้เหรอ?”


เมื่อถามว่าถ้าไม่ผิดทำไมต้องจ่าย  อธิบดีกรมการข้าวบอกว่า “ก็มันแค้นไง มันแค้น ก็ไม่ผิด คนเราไม่ผิด มันแค้น และเคยเตือนไปแล้วว่าอย่าทำ พอบอกไม่ผิดแต่ทำไมยังทำแบบนี้อีก สุดท้ายก็กรรมใครกรรมมัน”


อธิบดีกรมการข้าว ยังกล่าวว่า คำว่าผิดหรือไม่ผิด ต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ตนเป็นข้าราชการ ถ้าผิดก็ต้องถูกสอบสวน แต่กรมสอบสวนก็ออกมาบอกแล้ว ว่า ไม่มี ไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างโปร่งใส ชัดเจน ตรวจสอบได้ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในวันที่ 28 พฤศจิกายน


ส่วนเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ทราบเรื่องได้อย่างไรนั้น ตนได้โทรไปกราบขอโทษแล้ว ตนต้องขอโทษนาย ที่ไม่ได้บอกก่อน เพราะกลัวทีมงานนายเดือดร้อน  เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องศักดิ์ศรีของข้าราชการคนๆหนึ่ง ทั้งกับตัวเองและครอบครัว ที่ต้องมาเผชิญกับเรื่องห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ ก่อนจะถามอีกว่า “มันเป็นอะไรมันถึงมาทำแบบนี้”


ช่วงนี้นายณัฐกิตต์ บอกว่า แม้ตัวเองรับราชการแต่ก็มี ธุรกิจครอบครัวที่ทำด้วยความสุจริต และที่เจ็บใจมากที่สุดคืออะไรรู้ไหม?  คือกว่าจะเลี้ยงไก่ได้แต่ละตัว แต่กลับบอกว่าภรรยาของผมค้าตีนไก่ นี่แหละคือจุดแค้นมาก มันไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยว่าผมอยู่กรมการข้าว ทำงานสุจริต พูดเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร และนี่มันสะท้อนแล้วว่าสังคมไทยเป็นเช่นนี้ต้องจัดการ


เมื่อนายศรีสุวรรณ ถูกจับทีมงานทราบภายหลัง ตนจึงโทรศัพท์ไปแจ้งให้รัฐมนตรีทราบ และขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยท่านก็ให้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและให้กำลังใจตน


พร้อมกันนี้ ยืนยัน ว่าไม่มีการจ่ายเงินในวันที่ 28 พฤศจิกายน แต่ไม่รู้ว่าที่ปรึกษากฎหมายที่ให้ข้อมูลก่อนหน้านี้พูดอะไร แต่ต้องฟังจากปากตน ต้องเขียนแบบที่ตนพูด ห้ามบิดเบือน ถ้ามีการจ่ายเงินวันนั้น นายศรีสุวรรณจะร้องตนทำไม ย้ำว่า เจอนายศรีสุวรรณแค่ครั้งเดียวก่อนที่จะเกิดเรื่อง หลังจากนั้นไม่ทราบ เพราะตนได้มอบหมายให้ภรรยาของตนไป

ต่อมาอธิบดีกรมการข้าว ชี้แจงกรณีที่นักข่าวถามว่าการที่ให้เงินเพราะต้องการให้เรื่องจบหรืออย่างไร อธิบดีกรมการข้าว ตอบชัดว่า “ผมล่อซื้อเลยล่ะ ตั้งใจล่อมัน เพราะมันทำกับสังคมแบบนี้ได้ไง” ทั้งนี้ ที่มีการจ่ายเงินหลายครั้ง ยืนยันว่าเป็นการล่อซื้อ ถ้าล่อซื้อครั้งเดียวจะไปจับคนได้อย่างไร ต้องมีหลักฐานชัดเจนแน่นหนา ไม่ได้ทำโดยพละการ  ยืนยันไม่ใช่จัดฉาก


เมื่อถามว่าในขั้นตอนของการล่อซื้อมีการปรึกษากับตำรวจหรือไม่ อธิบดีกรมการข้าว บอกว่า ในทางกฎหมายเรื่องนี้ไม่สามารถพูดได้ อยู่ในสำนวนหมดแล้ว


ส่วนกระแสข่าวการต่อรองจำนวนเงินจาก 3 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาทนั้น นายณัฏฐกิตติ์ บอกว่า มีการต่อรองจริง ภรรยาผมเป็นคนต่อรอง ใครจะไปให้หมด ถ้าให้หมดลูกเมียผมจะกินอะไร ส่วนตัวเลขที่จ่ายไปแล้วเท่าไหร่นั้นเป็นจำนวนเท่าไร่ อธิบดีกรมการข้าวปัดตอบตัวเลขที่ชัดเจน


เมื่อถามย้ำว่าท่านอธิบดีจะเอาเงินคืนหรือไม่ อธิบดีกรมการข้าวถามกลับว่า “เอาจากไหนอ่ะ”  นักข่าวจึงบอกว่าเอาคืนจากนายศรีสุวรรณ อธิบดีกรมการข้าวจึงตอบว่า “ไม่เอาแล้ว”


ช่วงหนึ่งนักข่าวถามว่าคิดว่าอะไรที่ทำให้ครอบครัวตัวเองตกเป็นเป้าของนายศรีสุวรรณ อธิบดีกรมการข้าว บอกว่า “ไม่รู้”  เมื่อถามอีกว่าใครอยู่เบื้องหลัง อธิบดีกรมการข้าว บอกว่า “ไม่รู้”  เมื่อถามอีกว่ามองเป็นการสกัดตัวเองหรือไม่ อธิบดีกรมการข้าว ก็ยังคงบอกว่า “ไม่รู้”  ไม่มีเกมการเมืองอะไร “ตั้งใจไปล่อซื้ออย่างเดียวนี่แหละ”


เมื่อถามย้ำอีกว่าใครอยู่เบื้องหลัง  อธิบดีกรมการข้าว ยังคงบอกว่า “ไม่รู้” แต่ที่รู้ๆคือผมกับศรีสุวรรณเกี่ยวแน่ ก่อนจะบอกอีกว่าให้ฟังตนดีๆ ต้นเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรี สู้อะไรต้องสู้จริงๆ


เมื่อถามอีกว่า ทำไมยอมสู้สุดชีวิตขนาดนี้ อธิบดีกรมการข้าว “ก็ผมบริสุทธิ์ ผมถามว่าทางเรื่องนี้ ไม่ออกมาเปิดโปง สังคมจะอยู่ยังไง คุณจะให้ข้าราชการถูกรังแกแบบนี้หรอ ผมถามคำเดียวคุณจะให้ข้าราชการถูกรังแกแบบนี้ตลอดหรอ


ใครจะสู้บ้าง ผมสู้เนี่ยผมเสี่ยงขนาดไหน คุณเข้าใจไหม ผมเป็นข้าราชการระดับสูง ผมเสี่ยงขนาดไหน ถ้าผมไม่มั่นใจมันจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้แหละเราต้องปกป้องศักดิ์ศรีของข้าราชการ ศักดิ์ศรีของผู้บริหารในกระทรวงเกษตร และตนอยากให้เรื่องนี้เป็นบรรทัดฐานของสังคม”    


ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าความเชื่อมโยงกับอดีตรัฐมนตรี ชื่อย่อ ‘ป.ปลา‘ นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่เกี่ยวกับตน เมื่อถามว่า คิดว่ามีเบื้องหลังเกมการเมืองอะไร หรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้ ไม่มีเบื้องหลัง


ส่วนที่มีอดีตนักการเมืองโทรมาบอกให้เบาหน่อย ยืนยันว่าไม่มี ผมไม่รับโทรศัพท์ใคร ไลน์เป็นพันไม่อ่าน ภรรยายังไม่รับโทรศัพท์เลย ทีวีก็ไม่ดู นั่งไหว้พระสวดมนต์ 1 วันอยู่หิ้งพระ 1 ชั่วโมง สวด 3 เวลาเช้า กลางวัน เย็น ปัจจุบันผมตั้งใจทำงาน เหล้าไม่กิน เที่ยวไม่เที่ยว และเป็นข้าราชการที่ได้ครุฑทองคำ ยืนยันได้ว่าโครงการต่างๆ ของกรมฯ นั้นตรวจสอบได้ทั้งหมด


นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงบทบาทของภรรยาของอธิบดื ว่ารู้เรื่องในกรมค่อนข้างดีหรือไม่อย่างไร  ทางอธิบดียืนยันว่าไม่รู้เรื่องหรอกในกรม ตนรู้เรื่องคนเดียว ภรรยาอยู่หลังบ้าน ไม่เกี่ยว


ส่วนการโยกย้ายงบประมาณของกรมการข้าวไปให้หน่วยงานอื่นดูแล ถือว่าผิดปกติหรือไม่ นายณัฏฐกิตติ์ ตอบว่า งบโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 15,000 ล้านบาท นั้น เป็นงบที่ไม่ได้ใช้ กรมการข้าวไม่ได้บริหารเอง จึงต้องโอนไปให้ ธ.ก.ส.บริหารจัดการต่อ ซึ่งมีมติ ครม.ออกมาแล้ว  ทั้งนี้ ขอบอกเลยว่า สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ทุกโครงการเพราะตนบริสุทธิ์


อธิบดีกรมการข้าว ยังบอกว่า ขณะนี้ทนายดนุเดช ในฐานะที่ปรึกษากฎหมาย ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ยืนยันว่ายังไม่ได้แต่งตั้งใครเพราะมีที่ปรึกษากฎหมายหลายคน  ส่วนที่ทนายดนุเดช ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนช่องต่างๆก่อนหน้านี้ ขอบอกว่าไม่เกี่ยวกับตน เป็นเรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับตน

นายณัฏฐกิตติ์ เล่าเพิ่มเติมว่า ตนเป็นรุ่นพี่นายศรีสุวรรณที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แต่ไม่เคยเจอกันรู้เพียงแค่ว่าเป็นรุ่นน้องและเป็นนายกองค์การนักศึกษา


เมื่อถามว่าวันที่เจอกันวันเจรจา มีการสั่งสอนอะไรหรือไม่อธิบดีกรมการข้าวบอกว่า หากเป็นสมัยก่อนได้โดนก้านกล้วยรอบสระแน่ ก่อนจะเล่าว่าสมัยก่อนรับน้องมันหนัก ก่อนจะยกตัวอย่างว่า “ไอ้คนชั่วนี้ ห่มผ้าแดง โกนหัวครึ่งซีก นั่งรถซาเล้ง โดดน้ำชำระความเสีย” ถ้าอยู่แม่โจ้บอกเลยว่าโดนแล้ว  เมื่อถามอีกว่ามีอะไรอยากฝากถึงนายศรีสุวรรณหรือไม่อธิบดีกรมการข้าวพูดทำนองว่าให้ไปลงน้ำ (คล้ายกับตอนรับน้อง)

ช่วงหนึ่งนักข่าวถามถึงโครงการส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ข้าวว่าความคืบหน้าของโครงการเป็นอย่างไรและล่าสุดมีรัฐมนตรีบางท่านติงว่าล้าหลัง อธิบดีกรมการข้าวระบุว่า ไม่ใช่ คุณจะไปพูดว่าล้าหลังได้อย่างไร คุณไปดูลึกๆสิ


นักข่าวจึงถามว่าล่าสุดเห็นว่าข้าวไทยแพ้เวียดนาม อธิบดีกรมการข้าว บอกว่า ไม่แพ้หรอก แพ้ได้ไง ไม่มีใครสู้ข้าวประเทศไทยได้ ผมจะพูดให้ฟังนะว่าประเทศไทยคืออันดับหนึ่งของโลกอยู่แล้ว แต่คุณไปประกวดมันไม่ได้ส่งในนามของกรมการข้าว ก่อนจะบอกว่า วันนี้ผมต้องการพัฒนาเรื่องโครงการข้าว


“ข้าวคือหัวใจ ข้าวเป็นชีวิตจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ คุณต้องกินข้าวทุกคน แล้วคุณทำความชั่วเนี่ย พระแม่โพสพจะเป็นยังไง เขาจะไม่โกรธคุณหรอ”?

ขณะเดียวกันนั้น ที่อธิบดีกรมการข้าวแถลงใกล้เสร็จ พบว่าร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังเดินเข้ามายังตึกของกระทรวงพอดี จึงได้เข้ามาให้ให้กำลังใจอธิบดีกรมการข้าว ก่อนให้สัมภาษณ์กับสื่อ


ช่วงนี้นักข่าวถามว่ามีอะไรอยากบอกอธิบดีกรมการข้าวหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส หันไปแตะไหล่อธิบดีกรมการข้าว พร้อมบอกว่า คงไม่ต้องบอกอะไร เป็นนักรบ เป็นลูกพระเจ้าตากอยู่แล้ว  ก่อนจะบอกว่าสำหรับอธิบดีโจ ผมได้โทรคุยกันทุกวัน ถ้าวันไหนไม่คุยกันจะรู้สึกเหงา ไม่ต้องพูดอะไรมาก ส่วนคุณนายติ๋ม ภรรยาของอธิบดีก็พูดคุยกัน ก่อนจะหันหน้าไปถามอธิบดีการข้าวว่าใช่ไหม ?   ซึ่งอธิบดีกรมการข้าวได้ยกมือไหว้ขอบคุณบอกว่า “ขอบคุณครับนาย ที่ให้กำลังใจกัน”


ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงถึงร้อยเอกธรรมนัสว่ารู้เรื่องการรีดทรัพย์ทั้งหมดนั้น ร้อยเอกธรรมนัส บอกว่า “อยากถามกลับว่าสมรู้ในเรื่องอะไร และถ้าผมสมรู้จริงๆ ตนเองจะพูดคุยกับอธิบดีหรอ และระดับรัฐมนตรีว่าการฯ ไปสมรู้กับคนรีดเงินล้านห้าเนี่ยนะ พวกเราก็รู้นิสัยผมอยู่ว่าเป็นยังไง”


นอกจากนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวถึงมีการร้องเรียนครั้งแรกตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วนเรื่องร้องเรียนจะเท็จจริงอย่างไรต้องมีการตรวจสอบ และให้หน่วยงานที่ถูกร้องเรียนชี้แจง ซึ่งปลัดกระทรวงฯ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว โดยเฉพาะเรื่องโครงการที่มีงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท พบว่าไม่มีความผิด


ส่วนกรณีที่มีการนักร้องเรียนมาร้อง ตนยืนยันว่าต้องมีการตรวจสอบ ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ไม่มีการทำงานตามกระแส ไม่ใช่เมื่อมีการร้องอธิบดีกรมต่างๆมาแล้วต้องปลด ตัวอย่างในอดีตก็มีให้เห็นเยอะแยะ โยกย้ายแล้วสุดท้ายโดน ม.157 ยืนยันว่าทำงานตามขั้นตอน ตามหลักกฎหมาย


เมื่อถามถึงกรมต่างๆในกระทรวงถูกร้องเรียนในลักษณะนี้อีกหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า ตนคิดว่ามีหลายกรมถูกร้องเรียน เพียงแต่ไม่มีใครเปิดหน้ามาปกป้ององค์ของเรา และมีอีกหลายกระทรวงที่รัฐมนตรีหลายท่านคุยกันบอกว่าโดนเหมือนกันแต่ไม่อยากให้เป็นประเด็น แต่ในเมื่อกระทรวงเกษตรฯโดนแล้ว ตนในฐานะผู้บังคับบัญชา เรามีหลักไม่อย่างนั้นไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้ กระทรวงเกษตรฯ เป็นเรื่องของคน 50 กว่าล้านคน จะทำอะไรต้องละเอียดอ่อนอย่าทำตามกระแส


ตนเห็นนักหิวแสงทั้งหลาย พอเป็นประเด็นก็จุดประเด็นเป็นเรื่องเป็นราว คุณไม่รู้ข้อเท็จจริง และทุกวันนี้ก็ถูกฟ้องไปหลายคน ก่อนจะบอกว่า “เดี๋ยวจะชวนไปกินข้าวยำที่ตากใบ”


ส่วนกรณีนักการเมือง ป. ร้อยเอกธรรมนัส บอกว่า เขาเป็นอดีตเราอย่าไปยุ่ง ไปพาดพิงถึงเขา ชั่วโมงนี้ตนมาปัดเป่า มากวาด มาเช็ดบ้านหลังนี้ให้มันสะอาดเป็นสิ่งที่ก่อนที่เราจะมาเป็นอะไรก็แล้วแต่เราไม่วิพากษ์วิจารณ์ ตนเป็นนักการเมืองต้องให้เกียรตินักการเมืองด้วยกัน ไม่ใช่มานั่งตำแหน่งนี้แล้วมาซัดนักการเมืองคนเก่าแบบนี้ธรรมนัสไม่ทำ เพราะการเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองการจะพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง


ส่วนกรณีที่อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรถูกนายศรีสุวรรณ ร้องเรียนเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นการร้องเรียนอย่างเดียวหรือเป็นการตบทรัพย์ด้วยหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า เรื่องนี้ก็ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนกรณีที่มีรายงานว่า อธิบดีกรมฝนหลวงถูกเรียกทรัพย์ในลักษณะเดียวกันกว่า 100 ล้านบาทนั้น ตนไม่ทราบและไม่มั่นใจเพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งแต่เมื่อไหร่ที่ทราบว่าลูกน้องถูกรังแก แล้วไม่ผิด จะไม่ยอมปล่อยให้ลูกน้องตนเองถูกรังแก เพิ่งจะต้องบังคับใช้กฎหมายเป็นหลัก


เมื่อถูกถามว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับรัฐบาลชุดก่อนทำไมถึงเพิ่งถูกร้อง ร้อยเอกธรรมนัส บอกสั้นๆเพียงว่าขอให้เอากลับไปคิดเอง


ส่วนกรณีที่อธิบดีกรมการข้าวกับภรรยาทำการ ล่อซื้อเข้าใจได้ว่าหากอธิบดีโดนคนเดียวคงไม่เป็นไร แค่อธิบดีไม่ยอมที่มีคนในครอบครัวถูกก้าวล่วง จึงอยากถามกลับ ว่าใครรับได้บ้างเมื่อมีคนไปยุ่งเรื่องครอบครัว เรื่องลูก เรื่องภรรยา มันเกินจะรับได้ เรื่องดังกล่าวขออย่าหลงประเด็นว่ากระทรวงเกษตรเป็นจำเลย ย้ำว่ากระทรวงเกษตรเป็นผู้ถูกกระทำ


พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ตนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายข้าราชการหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ต้องเป็นห่วง แต่ถ้ามีใครพาดพิงถึงตนเอง ก็จะดำเนินคดีหมด เพราะตนเองไม่รู้เรื่องด้วย  พร้อมระบุเรื่องดังกล่าวที่เป็นประเด็นตนเองไม่ทราบว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง 


หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ ก่อนที่ร้อยเอกธรรมนัสจะเดินขึ้นไปห้องทำงาน พบว่ามีการตบไหล่ให้กำลังใจอธิบดีกรมการข้าวด้วยอีกครั้งหนึ่ง



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/huUE4_dn7EQ

คุณอาจสนใจ

Related News