เลือกตั้งและการเมือง

ประธาน ป.ป.ช. แจงไม่เปิดเผยข้อมูลนาฬิกา "บิ๊กป้อม" ห่วงถ้าเปิดหมดจะเป็นบรรทัดฐานคดีอื่น

โดย nutda_t

10 พ.ย. 2566

369 views

พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับทีมข่าวการเมือง ช่อง 3 เรื่องการเข้ารับตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. ไปจนถึงข้อครหาที่ ป.ป.ช. ไม่เปิดเผยคำชี้แจงคดีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด

โดย พล.ต.อ.วัชรพล ยอมรับว่า ตนเป็นเลขาฯ พล.อ.ประวิตร เป็นเวลา 1 ปี ตอนนั้นตนคุมตำรวจ พล.อ.ประวิตร จึงชวนมาทำงาน ซึ่งช่วงที่ตนเป็นทีมงาน มีเรื่องอะไรให้แสดงความเห็นก็ตรงไปตรงมา แต่อำนาจตัดสินใจเป็นของ พล.อ.ประวิตร จากนั้นตนได้สมัครเข้า ป.ป.ช. เนื่องจากตำแหน่งเปิด ตนเห็นว่าจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ พอมาสมัคร บอกตรงๆว่าชีวิตเปลี่ยนไป จากที่เป็นนายตำรวจ ใช้ชีวิตสบายๆ เพื่อนฝูงเยอะ กลายเป็นอยู่โดดเดี่ยว ซึ่งไม่ใช่โดดเดี่ยวเฉพาะตัวเรา แต่ทั้งครอบครัว ลูกของตนเป็นนักร้องยังต้องระวังตัว เพราะฉะนั้น ตนว่าการถูกสอดส่องเป็นเรื่องที่ดี เราสามารถเลือกทำ ถ้าไม่มีคุณงามความดีก็ไม่กล้าที่จะอยู่ในตำแหน่งระดับประเทศ แต่ในเมื่ออยู่ในตำแหน่งสำคัญ ท่านก็ถูกเฝ้ามอง แม้กระทั่งเรื่องนาฬิกา ตนก็ถอนตัว ไม่ได้ร่วมพิจารณา ตนตอบได้ทุกประเด็น แม้กระทั่งเรื่องที่ ป.ป.ช.ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยหน้าที่


“หลายคนบอกว่า ป.ป.ช.ทำไมดื้อรั้น ความจริง ป.ป.ช. เคารพคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด และเราก็เห็นชอบ เราได้มอบเอกสารตรงนั้นไปแล้ว มันมี 3 รายการ แต่รายการที่ 2 ที่บอกว่าเป็นความเห็นของเจ้าหน้าที่ ถ้าท่านอยู่ในกระบวนการยุติธรรม การทำงาน กว่าจะถึงคณะกรรมการวินิจฉัยตรวจสอบ พนักงานเจ้าหน้าที่เขาต้องมีความเห็น ถ้าขอความเห็นไปแล้วเจ้าหน้าที่มีความเห็นเป็นปฏิปักษ์ เคยได้ยินคดีฟ้องปิดปากหรือไม่ บางทีผู้ถูกกล่าวหาไปทราบว่าคนนี้มาเป็นพยาน เราต้องปิดเป็นความลับ เขาไปฟ้องว่าหมิ่นประมาทเขา อย่างของเรามีอยู่คดีหนึ่ง เป็นการให้ข้อมูลธนาคาร ผู้ถูกกล่าวหาของเราไปฟ้องเขา ถ้าเรามีกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก คนที่มาเป็นพยาน คนที่ทำงาน เราต้องคุ้มครองเขา กฎหมายต้องคุ้มครองเขา เขาอาจจะไม่กล้ามาขู่วัชรพล เพราะเป็นอดีตตำรวจ แต่อาจจะไปขู่ลูกน้องระดับเจ้าหน้าที่ แล้วใครคุ้มครองเขา แล้วถ้าขู่ลูกเมียล่ะ” พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว

พล.ต.อ.วัชรพล ย้ำว่าเป็นหลักการ เป็นความเห็นของเจ้าหน้าที่ เราต้องคุ้มครองเขา ซึ่งการต่อสู้เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ ป.ป.ช. แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมทุกกระบวนการ ตำรวจ อัยการ ก็เหมือนกัน กระบวนการเหล่านี้เป็นกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เราก็เคารพในคำพิพากษาศาล แต่กฎหมายของ ป.ป.ช. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 59 เรื่องการเปิดเผยข้อมูล ต้องยกเว้นเรื่องความมั่นคงและความลับทางราชการ

“เราก็ทำตามกฎหมายเรา แล้วถ้าผิดกฎหมายก็มีโทษด้วย โทษจำคุก ตอนนี้เราก็เลยเรียนหารือต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า การที่ ป.ป.ช. ดำเนินการตามกฎหมาย ป.ป.ช. ซึ่งรัฐธรรมนูญบรรญัตติรองรับไว้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญว่าอย่างไร เราก็เคารพ” พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวต่อว่า เราไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ตนคิดว่าคดีนี้ไม่ใช่สาระเท่าไหร่ แต่กลัวว่าถ้าเอาไปใช้ในคดีข้างเคียง เช่น คดีที่เราไต่สวน แล้วมีความเสียหายเป็นพันล้าน เขาจะใช้แนวนี้ไปขอเปิดเผยหลักฐานแล้วจะเกิดความเสียหาย และเจ้าหน้าที่จะทำงานลำบาก

เมื่อถามว่า นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ขู่ว่าจะฟ้องคดีอาญา พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ตนกลัวอยู่แล้ว อายุ 70 ปีแล้ว ให้รับใช้โทษทัณฑ์ ก็กลัวอยู่แล้ว ไม่มีใครไม่กลัวคำพิพากษาศาล กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย แต่เมื่อเรามีหน้าที่ เราทำหน้าที่เราภายใต้กฎหมาย เราก็อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เราทำหน้าที่ของเราภายใต้กฎหมายแบบนี้ โดยชอบหรือไม่ ถ้าไม่ชอบ เราก็ต้องไปทำตามคำพิพากษา พร้อมย้ำถึงนายวีระว่า “ขอให้ใจเย็นๆ ขอให้รอ ผมกลัวจะตาย”

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวเปิดใจว่า ตนทำงานกับ พล.อ.เภา สารสิน มาตั้ง 29 ปี ทำไมไม่มีคนพูดถึง คนที่ได้รับยกย่องว่าซื่อสัตย์ที่สุดในตำรวจของประเทศไทย ตนอยู่กับ พล.อ.ประวิตร ปีเดียว ตนก็ได้ประสบการณ์ มุมมองจาก พล.อ.ประวิตร ในฐานะคุมงานด้านความมั่นคง ตนอยู่กับใครก็เก็บเกี่ยวมุมมองมาด้วย

เมื่อถามว่าตอนที่เข้ามาทำงานกับ พล.อ.ประวิตร ตอนที่มาทำงานที่ ป.ป.ช.พอดี และคดีก็หลุด สังคมด้านหนึ่งจะบอกว่าไม่ควรเป็นแบบนี้ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า หลายคนอาจพูดว่าประธาน ป.ป.ช.ถอนตัว แต่อาจมีอิทธิพล ตอนไปดูว่ากรรมการแต่ละคนมีคุณวุฒิ ความรู้ความสามารถ ผ่านกระบวนการสรรหาของเขา ตนเชื่อว่าคนที่ได้รับคัดเลือกมาเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เขาต้องทำหน้าที่ เพราะสังคมสอดส่อง การทำไม่ถูกไม่ชอบ สังคมจับตาอยู่แล้ว วันนี้ใครที่จะมาเป็นผู้บริหารประเทศ ผู้นำองค์กรก็ต้องโปร่งใส

เมื่อถามว่าคนยังจำว่าเป็นคนของ พล.อ.ประวิตร จะเป็นตราบาปหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล ย้อนถามกลับว่าเคยได้ยินว่าแม้แต่องค์พระปฏิมายังราคินหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นธรรมดา มนุษย์ไม่มีใครเพอร์เฟค ตนก็ไม่เพอร์เฟค มีข้อดีข้อเสีย แต่เราต้องทำในสิ่งถูกต้อง ตนเชื่อว่าถ้าเราทำดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครอง อีกไม่นานพอพ้นไป คนก็จะลืมวัชรพล ตนไม่ห้ามที่ใครจะตำหนิ กลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้เราคอยระมัดระวังตัวเองเสมอว่าไม่ไปเกลือกกลั้วกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ตนย้ำกับลูกชายของตน คือ โอม นักร้องนำวงค็อกเทล เสมอว่า ถ้าทำอะไรไม่ดี คุณไม่ใช่ นายปัณฑพล โอม ค็อกเทลแล้ว แต่เป็นลูก พล.ต.อ.วัชรพล ประธาน ป.ป.ช.

พล.ต.อ.วัชรพล ยังกล่าวไปถึงลูกชายว่า ตนเคารพความคิด ยินดีในอาชีพ แม้จะเป็นนักร้อง แต่ก็มีความรู้ เป็นผู้บรรยาย เป็นอาจารย์ เขาเห็นชีวิตพ่อที่เหนื่อยยากมา ดังนั้นเขาต้องระวัง การเป็นลูกผู้ใหญ่ อภิสิทธิ์จะน้อยลง เป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า

“ก็มีการพูดคุยเรื่องการทำงานบ้าง เขายังมาเตือน พ่ออันนี้ไม่ดีนะ ก็รับฟังกัน เขาก็เป็นผู้ใหญ่ ในวัยของเขาก็อาจจะมีเครือข่ายวัยรุ่น” พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว

เมื่อถามว่า คิดว่าตัดสินใจผิดหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ตนภูมิใจที่ได้มาทำงานตรงนี้ ตนพูดกับน้องๆว่าภูมิใจและดีใจที่ได้มีโอกาสมาอยู่ที่นี่และได้มาช่วยกันขับเคลื่อนงาน ตอนนี้กำลังช่วยให้ทุกคนภาคภูมิใจที่ได้มาทำงานที่ ป.ป.ช. ถ้าไม่ภาคภูมิใจจะมีพลังในการทำงานให้ประเทศได้อย่างไร เราไม่ได้แสวงหาอำนาจ เพราะจะติดคุก

พล.ต.อ.วัชรพล ย้ำทิ้งท้ายว่า ป.ป.ช. โปร่งใส ตรวจสอบได้ และย้อนกลับไปที่นายวีระ ว่าต้องดูว่าเป็นผู้เสียหายหรือไม่ หรือนำข้อมูลไปทำอะไร หากกรณีนี้ได้ตนและกรรมการก็ห่วงการใช้กฎหมาย แม้กรรมการก็มีความเห็นที่หลากหลาย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  นาฬิกาบิ๊กป้อม ,ประธานปปช.

คุณอาจสนใจ

Related News