เลือกตั้งและการเมือง

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง ป.ป.ช. เปิดคำชี้แจง 'บิ๊กป้อม' ปมนาฬิกายืมเพื่อน

โดย panwilai_c

16 มิ.ย. 2566

115 views

ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ ป.ป.ช. เปิดเผยคำชี้แจงของ "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" ในคดีครอบครองนาฬิกาหรู เเละให้รายงานการเเสวงหาข้อเท็จจริงในคดี หลังสำนักงาน ป.ป.ช.ยื่นอุทธรณ์ อ้างว่า "พลเอกประวิตร" ไม่ยินยอมให้เปิดเผยข้อมูล



วันนี้ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืน-ตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้ ป.ป.ช. โดย สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. / เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคดีนาฬิกาหรู ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในส่วนของรายงานสรุปผลการแสวงหา ข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน ที่มีการเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ คำชี้แจงของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในคดีทั้ง 4 ครั้ง ที่ได้ชี้แจง ต่อ ป.ป.ช.



ที่มาก่อนของคดีนี้ เริ่มจาก นายพงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ ผู้สื่อข่าว The MATTER ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. ต่อศาลปกครองชั้นต้น เมื่อปี 2562 หลังจากมีหนังสือถึง ป.ป.ช. ขอข้อมูลเกี่ยวกับคดีนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร จำนวน 6 รายการ จากกรณีที่ ป.ป.ช. มีมติไม่รับคำร้องนาฬิกาหรูไว้ไต่สวนข้อเท็จจริง



สำหรับเอกสารทั้ง 6 รายการ ประกอบด้วย

1.เหตุผลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติยกคำร้อง ไม่รับคดีนี้ไว้ไต่สวน

2.คำวินิจฉัยของกรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคน ที่ให้ยกคำร้อง

3.รายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานที่มีการเสนอต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.

4.คำชี้แจงของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในคดีทั้ง 4 ครั้ง ที่เคยชี้แจงต่อ ป.ป.ช.

5.ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับนาฬิกา ว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง รวมถึงซีเรียลนัมเบอร์ และมูลค่า นาฬิกา

เเละ6.รายชื่อของเพื่อน ๆ "นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์" ที่ให้ยืมนาฬิกาสวมใส่เช่นเดียวกับ พลเอกประวิตร หลังพลเอกประวิตร อ้างว่า "นายปัฐวาท" เป็นเพื่อนที่ให้ยืมนาฬิกา



เเต่ต่อมา ป.ป.ช.ได้เปิดเผยเอกสารเพียง 2 รายการ คือรายการที่ 1 กับรายการที่ 2 และมีมติไม่เปิดเผยรายการที่ 3-6 / นายพงศ์พิพัฒน์ จึงยื่นอุทธรณ์ไปที่ คณะกรรมการวินิจฉัยเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร เเละคณะกรรมการก็ได้วินิจฉัยให้ ป.ป.ช. เปิดเผยรายการที่ 3-6 แต่ ป.ป.ช. กลับไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ จึงตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้ ป.ป.ช.เปิดเผยข้อมูลที่เหลือ



โดย ป.ป.ช. เเจ้งต่อศาลปกครองชั้นต้น ให้เหตุผลที่ไม่เปิดเผยข้อมูลรายการที่ 3-6 "เป็นเพราะ ป.ป.ช. มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลที่มาจากการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช. ประกอบกับคดีนี้ ป.ป.ช.ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบกรณีกล่าวหาว่า พลเอกประวิตร ร่ำรวยผิดปกติ และยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หากเปิดเผยจะกระทบต่อรูปคดี และพยานที่เกี่ยวข้อง"



ซึ่งศาลปกครองชั้นต้น วินิจฉัยว่า "ข้อมูลรายการที่ 3 คือ รายงานสรุปผลการแสวงหา ข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน ที่มีการเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากเปิดเผยเเล้วไม่ได้ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ ก็สามารถเปิดเผยได้"



ส่วนข้อมูลรายการที่ 4 คือ คำชี้แจงของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในคดีทั้ง 4 ครั้ง ศาลปกครองชั้นต้น วินิจฉัยว่า "สามารถเปิดเผยได้ แต่ให้ปกปิดข้อมูลที่มีลักษณะเฉพาะ ของบุคคล"



ส่วนข้อมูลรายการที่ 5 ข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับนาฬิกา ว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง ศาลวินิจฉัยว่า "ส่วนนี้ผู้ฟ้องคดีไม่ติดใจ เพราะมีการส่งให้แล้วภายหลัง"



ขณะที่ข้อมูลรายการที่ 6 คือ รายชื่อของเพื่อน ๆ นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ศาลเห็นว่า "หากเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคล จึงไม่ควรเปิดเผย"



เพราะฉะนั้นการที่ ป.ป.ช.ไม่เปิดเผยข้อมูลรายการที่ 3 และ รายการที่ 4 ตามคำวินิจฉัยของ คณะกรรมการการวินิจฉัยเปิดเผยข้อมูล จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ศาลปกครองชั้นต้น พิพากษาให้ ป.ป.ช. เปิดเผย รายการที่ 3 และ 4 ภายใน 15 วัน



แต่ ป.ป.ช. ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด อ้างว่าคดีอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ในคดีร่ำรวยผิดปกติ ถือเป็นความลับทางราชการ ตามกฎหมาย ป.ป.ช. ไม่สามารถเปิดเผยได้ ถ้าเปิดเผยจะทำให้บุคคลไม่กล้ามาเป็นพยาน



ส่วนข้อมูลคำชี้แจงของ พลเอกประวิตร ในรายการที่ 4 ต้องได้รับความยินยอมจากพลเอกประวิตร ก่อน ซึ่ง ป.ป.ช.ได้สอบถาม ความยินยอมไปที่พลเอกประวิตรแล้ว แต่ได้รับแจ้งว่า "เป็นเรื่องที่กระทบต่อสิทธิส่วนบุคคล จึงไม่ประสงค์จะเปิดเผย"



กระทั่งวันนี้ ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ให้เปิดเผย รายการที่ 3 และ4 ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่คดีถึงที่สุด พร้อมให้เหตุผลว่า "ถึงแม้จะมีกฎหมาย ป.ป.ช. ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะควบคุมข้อมูล แต่ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจ เปิดเผยข้อมูล ที่เป็นประโยชน์สาธารณะได้ โดยที่กฎหมายทั้ง 2 ฉบับไม่ได้ขัดแย้งกัน"

คุณอาจสนใจ

Related News