เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' สั่งระดมเที่ยวบินเพิ่ม อพยพคนไทยในอิสราเอล หลังยอดขอกลับทะลุ 7 พัน ยันทำทุกวิถีทางช่วยตัวประกัน

16 ต.ค. 2566

89 views

เมื่อวันที่ 15 ต.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมเพื่อเตรียมการอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ว่า วันนี้มีการประชุมสถานการณ์ความไม่สงบที่อิสราเอล ซึ่งหลายท่านทราบตัวเลขอยู่แล้ว มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 4 ราย


ยืนยันเจตนารมณ์ว่าเราให้ความสำคัญสูงสุดในการนำคนไทยออกจากประเทศอิสราเอลให้เร็วที่สุด ซึ่งตารางการบินไปรับคนไทยภายในสิ้นเดือนนี้ จากสายการบิน นกแอร์, แอร์ เอเชีย, การบินไทย และสายการบินสไปซ์เจ็ท ทั้งหมด 32 เที่ยวบิน ซึ่งสามารถรับคนไทยกลับได้ประมาณ 5,700 คน ซึ่งยังไม่เพียงพอ เพราะคนที่ประสงค์จะเดินทางกลับมีประมาณ 7,000 คน และตัวเลขก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ทางนี้ก็มีความกังวลเรื่องการลำเลียงคนออกมา แม้อิสราเอลมีการเลื่อนการโจมตีทางภาคพื้นไปออก


ส่วนการเคลื่อนย้ายทางเรือก็ถูกปิดไปแล้ว จึงต้องพึ่งทางอากาศอย่างเดียว ซึ่งขณะนี้ทางสถานทูตไทยประจำอิสราเอลทำงานเต็มที่ สามารถนำคนมายังศูนย์พักพิง ได้ประมาณวันละ 400 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดี แต่เครื่องบินเรายังไม่พอ ส่วนเรื่องเอกสารที่ทำหายก็ไม่เป็นปัญหา เพราะสถานที่มีการอำนวยความสะดวกให้ที่ศูนย์พักพิง ซึ่งสามารถดำเนินการได้วันละ 200 ราย


ขณะที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องการลำเลียงคนออกจากอิสราเอล มีอยู่สองทางคือ บินตรงอิสราเอลยังกรุงเทพฯ และไปที่ดูไบ จอร์แดน ไซปรัส แล้วค่อยนำเครื่องบินไปรับกลับไทยโดยเร็วที่สุด


สำหรับเรื่องตัวประกัน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ที่ 17 คน ซึ่งเราใช้ 4 ช่องทางในการพยายามติดต่อในการนำตัวคนไทยออกมา คือ ด้านการทูต ข่าวกรอง การทหาร และภาคประชาสังคมหรือเอ็นจีโอ ที่มีเครือข่ายอยู่ในประเทศต่าง ๆ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเองก็มีการพูดคุยทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอล ขอให้คนไทยกลับมาได้โดยเร็วและปลอดภัยที่สุด ซึ่งสถานการณ์ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ แต่ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญสูงสุด และพยายามทุกช่องทางในการช่วยเหลือ รวมถึงนำคนไทยทั้งหมดกลับมาให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้


นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า ณ เวลานี้ยังปลอดภัยอยู่ แต่ยังไม่ได้คำตอบว่าจะได้ปล่อยตัวเมื่อไหร่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีการพูดคุยประสานขอความช่วยเหลือ เพื่อให้มั่นใจว่าตัวประกันยังปลอดภัย แต่สถานการณ์ภาพรวมในอิสราเอลนั้นยังไม่น่าไว้วางใจ ไม่ดีขึ้นเลย


เมื่อถามถึงปัญหาและอุปสรรคในการอพยพคนไทย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังมี 2-3 ปัญหา คือการนำคนจากจุดสุ่มเสี่ยงมายังจุดพักพิงแล้วเดินทางเข้าสนามบิน สองคือจำนวนเที่ยวบินที่จะไปรับได้ ซึ่งมีข้อเสนอให้เช่าเครื่องบินเพิ่มเติม เช่น แอร์บัส A-380 ที่จอดอยู่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นเครื่องบินสองชั้นรองรับคนได้ประมาณ 500 คน เหตุใดจึงไม่นำเครื่องดังกล่าวไปรับคนไทยกลับมา การบินไทยได้ชี้แจงว่าเครื่องดังกล่าวจอดไว้นานแล้ว การจะนำไปใช้ต้องมีการนำไปซ่อมบำรุงซึ่งต้องใช้เวลา จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดหาเช่าเครื่องบินที่สามารถทำได้


เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจกับครอบครัวของคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันอย่างไร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เราเห็นใจ พยายามทุกช่องทาง ตราบใดที่ยังไม่ติดต่อไม่ได้และยังไม่มีข่าวร้ายออกมา ก็ถือว่ายังมีความหวัง ย้ำทำเต็มที่ไม่ได้สิ้นหวัง


เมื่อถามถึงท่าทีของรัฐบาลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าไม่เปลี่ยนแปลงท่าที เพราะเราต้องวางตัวเป็นกลาง เราไม่ได้อยู่ในความขัดแย้ง ส่วนแรงงานไทยตกเป็นเป้าหรือไม่ เพราะมีความสำคัญต่อภาคการเกษตรและอาหารของอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า แรงงานไทยไม่ได้เป็นชาติเดียวที่อยู่ในอิสราเอล และเชื่อว่าฮามาสไม่ได้เจาะจงเฉพาะแรงงานไทยเท่านั้น


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/bCtdEm4D7pY

คุณอาจสนใจ

Related News