นายกฯ ลุยแก้น้ำท่วมอุบลฯ ย้ำยังมีเวลาเตรียมรับมือ แนะข้าราชการให้คิดนอกกรอบ

นายกฯ ลุยแก้น้ำท่วมอุบลฯ บอกยังมีเวลาเตรียมการรับมือปีนี้ไม่หนักเท่าปีก่อน แนะข้าราชการคิดนอกกรอบอย่าตั้งเป้าว่าน้ำท่วมใช้บริการทหาร พร้อมให้กลับไปดูว่าทำเต็มที่หรือยัง ก่อนดุกลางวงพูดเสียงดังออกไมโครโฟนว่า “ขอให้เงียบและฟังรัฐมนตรีบรรยายสรุปด้วย เพราะถือเป็นข้อมูลที่สำคัญที่พวกคุณต้องฟัง” หลังห้องประชุมเสียงดังรบกวน

เมื่อเวลา 13.20 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย สั่งเตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยมี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รวมถึงพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมลงพื้นที่ด้วย

ซึ่งจุดแรกไปที่สำนักงานชลประทานที่ 7 โดยนายกรัฐมนตรีได้ฟังสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำจากนายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี



นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นที่ประจักษ์ว่าจังหวัดอุบลราชธานี และพื้นที่ข้างเคียงมีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ซึ่งท่วมอีก และท่วมตลอด ตนทราบดีตั้งแต่อยู่ภาคธุรกิจจนเข้าการเมือง ซึ่งตระหนักถึงเรื่องนี้ดี มีความเข้าใจและเห็นใจว่าปัญหาใหญ่สะสมมานาน ไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีน้ำท่วมที่แพร่ และสุโขทัยเยอะมาก เราอยู่ในช่วงเวลาของการเยียวยา และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น



นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ตามความเข้าใจของตน อุบลฯเพิ่งเริ่มท่วมยังไม่ถึงฤดูที่น้ำจะมามาก หากเราไม่ทำอะไรไว้ก่อนก็อาจจะเกิดวิกฤติขึ้นได้ วิกฤตน้ำท่วมไม่ใช่แค่เกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรกรรม แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยความสะดวกสบาย โรคภัยไข้เจ็บ และโรคระบาดที่ตามมาก็จะเป็นเรื่องใหญ่มาก รัฐบาลตระหนักดีว่าจะเกิดขึ้นต่อไปอีกไม่ได้ แม้เราเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการได้ไม่ถึงเดือน แต่ก่อนลงพื้นที่ตนก็ได้ไปที่กรมชลประทานติดตามสถานการณ์ถึงสองครั้ง ซึ่งการแก้ไขปัญหาต้องยอมรับว่าตอนนี้ทำได้เฉพาะหน้าก่อนซึ่งเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาระยะสั้นยังทำได้ดีและทำได้มากกว่าที่เคยทำได้ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน เวลาเราเหลือน้อยสำหรับฤดูนี้ เพราะน้ำฝนกำลังจะมาหากเราทำอะไรได้ก็ไม่ให้น้ำเยอะเท่ากว่าปีที่แล้ว และต้องน้อยลงกว่าเดิม



นายกรัฐมนตรีกล่าว ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม และขอบคุณผู้บัญชาการภาค 2 ที่ดูแลพี่น้องประชาชน อุปกรณ์พร้อม ตนคิดว่าเหนือสิ่งอื่นใดเมื่ออุทกภัยเกิดขึ้นแล้วเชื่อว่าทุกท่านพร้อมตนก็คงไม่ต้องสั่งการไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนภัยในพื้นที่พัฒนาระบบเตือนภัย กระจายข่าวสาร ตรวจสอบความมั่นคงของโครงสร้างบังคับกำกับน้ำทั้งหลายตลอดจนการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแนวทางการฟื้นฟู เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว และรายงานความคืบหน้าให้ทราบอันนี้เป็นเรื่องหลังจากที่เหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ตนเชื่อและมีความหวังระหว่างนี้ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นเราทำกันเต็มที่แล้วหรือยังให้กลับมาดูตัวเองนิดนึง และเชื่อว่าทุกคนพยายามแต่ขอให้คิดนอกกรอบอย่าไปสรุปว่ามันต้องท่วม เราต้องการสะพานจากผู้บัญชาการแม่ทัพภาค 2 ต้องการเรือ หรือวิธีการเตือนภัย หากเราคิดและสามารถทำไม่ให้ท่วมหรือให้ท่วมน้อยที่สุด หากท่วมแล้วระบายเร็วที่สุดตนเชื่อว่าเวลายังพอมีอยู่บ้าง

สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นระยะหลังเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม และเพิ่งเพิ่มช่วงเดือนนี้ ดังนั้นตนคิดว่าช่วงที่แย่ที่สุดยังไม่มา ถือเป็นช่วงที่ดีเรายังมีทางป้องกันได้อยู่ จะต้องมีวิธีการระบายน้ำที่อาจจะต้องมีวิธีการที่ใช้คำว่าเสี่ยง และต้องทำให้ดีขึ้นกว่านี้ บางอันไม่พิสูจน์ทราบให้แน่นอนแต่บางทีเราก็ต้องตัดสินใจที่จะทำอะไร เพื่อไม่ให้เกิดอุทกภัยขึ้น แต่ต้องขอขอบคุณทุกท่านรวมทั้งแม่ทัพภาค 2 ที่ช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขพี่น้องอย่างต่อเนื่องและหวังว่าคงไม่ต้องใช้บริการท่าน

นายกรัฐมนตรีได้ไปพบปะประชาชนและมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ สถานีตรวจวัดระดับน้ำ (M7) บริเวณเชิงสะพานเสรีประชาธิปไตย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

และจุดที่ 3 ไปติดตามสถานการณ์อุทกภัยและพบปะประชาชนอำเภอพิบูลมังสาหาร ณ แก่งสะพือ ตำบลพิบูล อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี



สำหรับภารกิจที่จ.อุบลราชธานี นายกรัฐมนตรีใช้รถยนต์อัลพาร์ดสีขาว ทะเบียน กฉ 5454 อุบลราชธานี