เลือกตั้งและการเมือง

"พิธา" ยันขับ “หมออ๋อง” พ้น “ก้าวไกล” ไม่ใช่เป็นกั๊ก เอารวบ 2 ตำแหน่งในสภา-ยินดีหาก “อุ๊งอิ๊ง” นั่ง หน.พรรคเพื่อไทย

โดย kanyapak_w

30 ก.ย. 2566

433 views

"พิธา" ยันขับ “หมออ๋อง” พ้น “ก้าวไกล” ไม่ใช่เป็นกั๊ก เอารวบ 2 ตำแหน่งในสภา ชี้เมื่อต่างฝ่ายมีจุดประสงค์ต่างกันก็ต้องแยกกันเดิน ลั่น ไม่ใช่ "นิติกรรมอำพราง" แต่ตรงไปตรงมา หลัง “ศรีสุวรรณ” จ่อร้อง ป.ป.ช.สอบ



30 ก.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และสมาชิกพรรคฯเขตวัฒนา เดินทางมาร่วมประชุมสมาชิกเขตวัฒนา เพื่อเลือกตัวแทนประจำเขตและพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะในพื้นที่



โดยนายพิธา ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เตรียมยื่นป.ป.ช. ตรวจสอบกรณีพรรคก้าวไกลมีมติขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรคเพื่อต้องการรักษาตำแหน่ง รองประธานสภาคนที่ 1 ซึ่งอาจเข้าข่ายฉ้อฉลหรือนิติกรรมอำพรางหรือไม่ว่า เรื่องนี้ส่วนตัวยังไม่ได้พูดคุยกับนายปดิพัทธ์ แต่คิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจอะไร ซึ่งความจำเป็นก็เป็นไปตามที่พรรคก้าวไกลได้มีแถลงการณ์ออกไปแล้ว เพราะพวกเราต้องการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ และต้องการที่จะมีผู้นำฝ่ายค้าน แต่ขณะเดียวกันนายปดิพัทธ์ก็มีความต้องการที่จะทำรัฐสภาให้โปร่งใส และเมื่อเป็นอย่างนั้นก็คงต้องแยกกันเดินในช่วงนี้ เพื่อให้ต่างคนต่างบรรลุเป้าหมายให้ได้ แต่ในที่สุดก็คือการคิดถึงการทำงานของรัฐสภา รวมถึงสส.ของพรรคการเมืองเป็นหลัก



เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวมีการใช้คำว่า"นิติกรรมอำพราง" ฉะนั้นข้อกล่าวหาดังกล่าวถือว่ารุนแรงไปหรือไม่ ทั้งที่ผ่านมาบางพรรคก็ได้ทำเช่นกัน นายพิธา บอกว่า เรื่องนี้ตอนคิดว่าเป็นสิทธิ์ที่จะวิจารณ์อะไรก็ได้ ก็น้อมรับไว้ แต่ขณะเดียวกันยืนยันตรงไปตรงมาพร้อมทั้งมีการอธิบายเป็นขั้นเป็นตอนไปแล้ว ว่าพรรคก้าวไกลต้องการที่จะเป็นฝ่ายค้าน ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญก็ไม่อนุญาตให้มีรองประธานอยู่ในพรรคที่มีผู้นำฝ่ายค้าน



ส่วนนายปดิพัทธ์ก็ตัดสินใจอยากจะทำภารกิจ เรื่องรัฐสภาให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพต่อ ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นที่พรรคก้าวไกลต้องขับนายปดิพัทธ์ออก และนายปดิพัทธ์ก็ต้องหาพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งมันก็ตรงไปตรงมาแค่นี้ไม่ได้มีอะไรอำพรางแม้แต่เล็กน้อย




เมื่อถามว่าหากมีหน่วยงานเรียกไปชี้แจงทางพรรคก็พร้อมหรือไม่ นายพิธาระบุว่า แน่นอนและทางพรรคก็ได้ชี้แจงไปแล้ว และเท่าที่ทราบนายปดิพัทธ์ก็ได้แถลงข่าวที่รัฐสภาไปแล้ว ตนคิดว่าก็ชัดเจนทั้งสองฝ่าย




เมื่อถามต่อว่าบางพรรคการเมืองวิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลกำลังถอยหลังลงคลอง เนื่องจากบอกว่าจะเล่นการเมืองใหม่แต่กลับไปเล่นการเมืองแบบเก่า นายพิธากล่าวว่า ตนคิดว่ามันไม่ได้เป็นการเมืองเก่าหรือใหม่ แต่ว่าตั้งใจเดินหน้าตามเป้าหมายตามที่รัฐธรรมนูญบังคับไว้ ว่าเป็นไปในลักษณะแบบไหน เราต้องการเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกอย่างที่เคยพูดไว้ ส่วนนายปดิพัทธ์ก็มีความต้องการอยากจะเป็นรองประธานสภาที่ต้องการทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในรัฐสภา และให้มีประชาชนส่วนร่วมมากขึ้น



เมื่อถามต่อว่านายปดิพัทธ์ได้แจ้งหรือไม่ว่ามีความประสงค์จะย้ายไปอยู่พรรคการเมืองไหนต่อ หรืออาจจะเป็นพรรคสำรองของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา ระบุว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่อง




ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่ใช่เป็นการกั๊กทั้งตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 และตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้ใช่หรือไม่ นายพิธายืนยันไม่ใช่เป็นการกั๊ก เพราะถ้าเป็นการกั๊กก็ต้องเป็นในลักษณะที่ว่า ทำให้มันพร้อมกัน แต่เรื่องนี้เป็นเหตุผลของพรรคก้าวไกลและส่วนตัวของนายปดิพัทธ์ ซึ่งแยกออกจากกัน พร้อมย้ำว่าเรื่องขับออกจากพรรคไม่ใช่วิธีการที่ง่ายเกินไปเพราะเป็นไปตามกระบวนการ เมื่อพรรคตัดสินใจเช่นนี้ จึงไม่สามารถให้นายปดิพัทธ์ตัดสินใจเป็นอย่างอื่นได้ แต่เมื่อนายปดิพัทธ์ตัดสินใจเป็นอย่างอื่นก็ต้องออก ย้ำว่าเป็นกระบวนการที่ตรงไปตรงมาเท่านั้น




ส่วนในอนาคตหากนายปดิพัทธ์มีความประสงค์จะกลับพรรคก้าวไกลก็พร้อมที่จะรับหรือไม่ นายพิธา ตอบว่ายังไม่เคยคิดถึงตรงนั้นแต่ตอนนี้ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เต็มที่ และส่วนตัวก็ยังคงหยุดปฏิบัติหน้าที่อยู่ จึงต้องทำหน้าที่นอกสภาอย่างเต็มที่




ขณะเดียวกันยังกล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยอาจเสนอชื่อนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า เป็นเรื่องที่ดี จะได้มีการแข่งขันทางการเมืองมากขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ทำให้การเมืองมีประสิทธิภาพ




ส่วนตัววันนี้มาประชุมสมาชิกพรรคที่เขตวัฒนา รวมถึงเมื่อวานก็ได้ไปรับสมัครสมาชิกพรรคที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายให้สมาชิกมีส่วนร่วมทางการเมืองมากที่สุด เป็นพรรคของมวลชนให้ได้มากที่สุด ตั้งเป้าปลายปีมีสมาชิก 100,000 คน



พร้อมมองว่าหากนางสาวแพทองธารเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ของเพื่อไทยพรรคก้าวไกลเองก็มีนายชัยธวัช ตุลาธนเป็นหัวหน้าคนใหม่ หวังว่าจะมีการแข่งกันในการนำเสนอนโยบาย การบริหารพรรคที่ยึดโยงกับมวลชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย



นายพิธายังกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังได้ทำงานมาประมาณหนึ่งเดือนว่า ยอมรับว่าไม่ได้ติดตามการทำงานของนายกรัฐมนตรีมากนักซึ่งพรรคก้าวไกลมีวาระ 100 วันแรกในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เอสเอ็มอี และสุราก้าวหน้า รวมถึงประชามติในการแก้รัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจะเป็นทางออกของปัญหาประเทศไทย จะได้ไม่ต้องแก้ไขกฎหมายงบประมาณมาก และขอให้นายกรัฐมนตรีโฟกัสเรื่องควิกวินของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาโครงสร้าง รวมถึงเรื่องการลดราคาค่าไฟฟ้า ขณะที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็มีประชาชนทวงถามความชัดเจนมาระหว่างการลงพื้นที่



สำหรับวาระ 100 วันแรกของพรรคก้าวไกล หากรัฐบาลเห็นว่ามีประโยชน์ ก็สามารถนำไปทำได้ และหวังว่า หากร่างกฎหมายสุราก้าวหน้าเข้าสู่สภาก็จะได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยขับเคลื่อนเรื่องนี้มาในสมัยไทยรักไทยเหมือนกัน



ทั้งนี้ยังไม่ขอให้คะแนนรัฐบาล เพียงแต่ฝาก สส.ในสภาอภิปราย การจัดทำงบประมาณซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ พร้อมฝากให้ประชาชนติดตามเรื่องนี้ด้วย



นายพิธายังกล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ทั้งเชียงใหม่ แพร่ ลำปางว่าได้ประสาน ส.ส.ในพื้นที่ของพรรคก้าวไกล ให้ดูแลประชาชน เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้ค่อนข้างแรง และห่วงว่าสถานการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่อาจกระทบถึงพื้นที่ตัวเมือง



คุณอาจสนใจ

Related News